หลังจากที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาและภาพประกอบเพลง “ประเทศกูมี” ของกลุ่ม Rap Against Dictatorship ที่แต่งและร้องโดยมีแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองแบบเสรีนิยม เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 61 โดยในมิวสิควิดีโอ ใช้ฉากหลังจำลองเหตุการณ์ 6 ต.ค. 19 ที่กลุ่มผู้ประท้วงใช้เก้าอี้พับตีร่างของนักศึกษาที่ชุมนุมประท้วงการเดินทางกลับประเทศของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีออกนอกประเทศ ในเหตุการณ์ 14 ต.ค. 16
วันที่ 29 ต.ค. 61
พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันถึงกรณีการตรวจสอบเนื้อหาเพลงประเทศกูมีว่า ยังไม่เคยสั่งการให้ออกหมายเรียก หรือเข้าจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับการทำเพลง และเผยแพร่เพลงประเทศกูมี ของกลุ่มศิลปินดังกล่าว เพียงแต่สั่งการให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ตรวจสอบรายละเอียด และถอดเพลงนี้ เพื่อพิจารณาว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูหมิ่นฯ ยุยงปลุกปั่น หรือ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่ากระทบความมั่นคงด้วยหรือไม่
พลตำรวจเอกศรีวราห์ ยอมรับว่า ได้ฟังเพลงประเทศกูมีแล้ว โดยเฉพาะท่อนที่เกี่ยวกับเสือ ก็รู้สึกเฉย ๆ และแม้จะหมิ่นเหม่ แต่ยังไม่เข้าข่ายความผิด เพราะไม่ได้มีการระบุชี้ชัดถึงเสือตัวใดตัวหนึ่ง ส่วนคดีเสือดำที่ตนรับผิดชอบ ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล พร้อมมองว่า ท่อนนี้เป็นการเรียกแขก ส่วนกรณีที่มีการนำภาพตนไปตัดต่อ บิดเบือนข้อมูลในโลกโซเชียล ก็จะร้องทุกข์กับ ปอท. เป็นการส่วนตัว ให้ดำเนินคดีกับเพจหรือเว็บไซต์เหล่านั้น เพราะเข้าข่ายหมิ่นประมาท (อ่าน :
“ศรีวราห์” สั่งสอบ ถอดเพลง “ประเทศกูมี” เมินเนื้อร้องอิงคดีเสือดำ ซัดเพจแชร์บิดเบือนเจอฟ้อง)
ขณะที่
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเพลงที่เป็นกระแสในโลกออนไลน์ว่า เพลงในโซเชียล ผมไม่สนใจ บ้านเมืองเป็นอย่างไร มันเผด็จการมากขนาดนั้นเชียวหรือ ถ้าเผด็จการ ผมไม่ต้องพูดจนเมื่อยอย่างนี้หรอก เผด็จการคือนั่งสั่งอย่างเดียว แล้วหาผลประโยชน์ แต่ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น ถ้าเรายังนิยมชมชอบเรื่องเหล่านี้ ก็มองว่าเป็นสิทธิเสรีภาพ โดยที่ไร้ขีดจำกัด วันหน้าจะเดือดร้อน ครอบครัวท่าน ลูกหลานท่านจะว่าอย่างไร ถ้าสังคมเป็นแบบนี้ ผมว่าเราอยู่กันไม่ได้หรอก อย่าเป็นเครื่องมือให้คนอื่น (อ่าน :
นายกฯ เมินเพลงประเทศกูมี มองเสรีภาพไร้ขีดจำกัด อนาคตจะเดือดร้อน เตือนอย่าเป็นเครื่องมือ )
ด้าน
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดี อัยการสูงสุด กล่าวในรายการต่างคนต่างคิด ตอน “ประเทศกูมี” เพลงนี้ชาติเสียหาย? ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.50 น. ว่า หากพรรคการเมืองต่าง ๆ ต้องการจะมาดึงตัวศิลปินกลุ่มนี้ไปร่วมเปิดการแสดง ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควร เพราะนอกจากจะผิดมารยาทการหาเสียงแล้ว หากเนื้อหาของเพลงมีการแสดงร่วมกับนัยทางการเมือง ก็อาจจะเข้าข่ายมีความผิดได้ ดังนั้น ตนอยากให้ศิลปินกลุ่มนี้ คงความเป็นศิลปินให้อยู่เหนือการเมือง และขอให้นักการเมืองอย่างใช้บทเพลงดังกล่าว เป็นเครื่องมือ เพื่อใช้โจมตีฝ่ายตรงข้าม เพราะสุดท้ายแล้ว การจะมองว่า เพลงประเทศกูมี มีความผิดหรือไม่ คงจะต้องมองเรื่องเจตนาของการแสดงเป็นหลัก ว่าเป็นศิลปะ หรือเป็นเครื่องมือทางการเมือง
นายสุวิชชา สุภาวีระ หรือ ดาจิม ศิลปินแร็ปชื่อดัง เปิดเผยหลังจากจบรายการต่างคนต่างคิด ว่า เพลงดังกล่าว ส่วนตัวฟังแล้วค่อนข้างเครียด เพราะเป็นเรื่องการเมือง แต่เพลงแร็ปที่สะท้อนอารมณ์ทางการเมือง เป็นที่นิยมในต่างประเทศ สำหรับประเทศไทย จะนิยมเล่าเรื่องราวทางสังคมมากกว่า ส่วนประเด็นที่หลายคนตั้งคำถามว่าเพลงดังกล่าว อาจจะทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยเสียหายได้หรือไม่นั้น ตนมองว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับคนฟัง หากชาวต่างชาติฟังแล้วเอาเนื้อเพลงไปแปล ก็อาจจะทำให้เกิดความสงสัยได้ แต่สำหรับตนเองฟังแล้วก็ยังรักประเทศไทยเหมือนเดิม
นายธนบดี สุขสงวน หรือ หนึ่ง บีคิง ศิลปินนักร้อง นักแต่งเพลงแร็ป เปิดเผยว่า ส่วนตัวฟังเพลงประเทศกูมี ก็รู้สึกว่าเพลงนี้เจ๋งดี ที่กลุ่มนักร้องได้พูดแทนหลาย ๆ คน ที่กำลังคิดเรื่องเหล่านี้อยู่ ส่วนเพลงนี้เหมาะหรือไม่ เนื้อหาควรไม่ควร ตนตัดสินไม่ได้ ตนมองว่ามันเป็นเรื่องงานศิลปะ มันไม่มีขอบเขต ไม่มีผิด ไม่มีถูก
เพลงประเทศกูมี เป็นเพียงเพลงที่คนแต่งมองสังคมในด้านหนึ่ง และถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลง ไม่มีอะไรที่พิเศษ หากฟังผ่าน ๆ ก็เฉย ๆ เพราะปกติเพลงแนวแร็ป เป็นเพลงที่คล้ายกับจดหมายเหตุ จะตามสถานการณ์ในสังคมที่เกิดขึ้นขณะนั้น และถ่ายทอดลงไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อผลงานออกสู่สาธารณะแล้ว หากผู้ผลิตเพลงพร้อมยอมรับกับผลที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าในแง่บวกหรือลบ หากรับได้ก็ถือว่าสามารถทำได้
นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม นักแสดง กล่าวว่า ตนฟังเพลงดังกล่าวอย่างละเอียดแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าเนื้อหารุนแรงเกินไป เพราะหากใครว่าเนื้อหารุนแรง ตนว่านักข่าวบางท่านยังอ่านข่าวแรงกว่า ซึ่งหากว่าเพลงนี้เกิดโดนฟ้องร้องขึ้นมา ตนคิดว่าไม่สมควร เพราะประเทศควรเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ว่าอำนาจอยู่ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนอยากฝากเป็นกำลังให้กับน้อง ๆ กลุ่มนี้ด้วย โดยอยากให้พวกเขานำเรื่องนี้ไปเป็นสิ่งเตือนใจ และนำความเก่งที่สามารถทำให้เพลงนี้ดังในเวลาอันรวดเร็ว นำมาทำประโยชน์ที่ดีต่อสังคม หรืออาจจะไปทำเพลงอีกเพลงหนึ่งที่ดี ๆ บ้าง คนอื่น ๆ เห็น จะได้ดีใจกัน
สำหรับเพลงนี้หากฟังดี ๆ จะได้เห็นแง่มุมบางมุมที่เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก กลายเป็นคนต่างหากที่แปลก คนทั้งโลกก็ร้องเพลงแซวประเทศมากมาย ตนยังคิดจะหัดร้องเพลงนี้ด้วยซ้ำ