โจ๋ยิงถล่มค่ายมวย แฟนป้องอยู่เธค ปัดจับปืน - เหยื่อผวาสร้างกำแพงกันกระสุน (คลิป)

จากกรณีเมื่อวานนี้ (29 ต.ค. 61) นางชญานี กนกนาค อายุ 55 ปี เจ้าของค่ายมวย ส.สุวารี เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายบอล (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล) ก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนยิงถล่มค่ายมวย จนเป็นเหตุให้เด็กในค่ายมวยบาดเจ็บ 1 ราย โดยเหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกกราดยิงเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหาย เคยเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า

โดยภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพจากด้านหน้าค่ายมวย ขณะคนร้าย 2 ราย ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า PCX สวมหมวกกันน็อก ซ้อนท้ายกันมา แล้วจอดหน้าค่ายมวย จากนั้น ชายที่ซ้อนท้ายลงจากรถแล้วกราดยิงปืนใส่ภายในค่ายมวย

ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในค่ายมวย บันทึกเหตุการณ์ขณะนายน้อง และนายบังเตี้ย หลบวิถีกระสุน โดยนายน้องพยายามใช้อาวุธปืน ยิงเพื่อต่อสู้ ขณะที่นายบังเตี้ย นอนหมอบกับพื้น นอกจากนี้ ข้อมูลจากทางค่ายมวยระบุว่า นายบอล ผู้ต้องสงสัย เคยอยู่ในค่ายมวย และมีเรื่องกับคนในค่ายมาก่อนด้วย

วันที่ 30 ต.ค. 61 ที่ค่ายมวย ส.สุวารี ตั้งอยู่ภายในชุมชนป่าตอง ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพบว่าที่หน้าค่ายมวยซึ่งเป็นบ้านจุดเกิดเหตุ เป็นบ้านขนาด 2 ชั้น มีเวทีมวยตั้งอยู่หน้าบ้าน 1 เวที ส่วนด้านขวา มีบ้านชั้นเดียวอีก 1 หลัง

ซึ่งหลังนี้ คือจุดเกิดเหตุ ที่ประตูกระจก ยังคงพบร่องรอยที่ถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงเข้าไปในบ้าน ซึ่งที่บริเวณประตูกระจก มีร่องรอยกระสุนถูกยิงทะลุราว 12 นัด ส่งผลให้บานประตูกระจกแตก

นางชญานี กนกนาค เจ้าของค่ายมวย ส.สุวารี กล่าวว่า ขณะนี้ครอบครัวรู้สึกได้รับความเป็นธรรม และมีความมั่นใจมากขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยตรวจตอนกลางคืน ซึ่งการที่กองปราบลงพื้นที่ ก็จะช่วยทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าที่จะมาทำอะไรกับพวกตนอีก ทั้งนี้ ตนเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ พยายามจะทำร้ายเด็กในค่ายตลอด และทำแบบนี้มากกว่า 3 ครั้ง ซึ่งค่ายมวยของตนก็แทบจะอยู่กันไม่ได้ ไม่มีเด็กกล้ามาเรียนมวยอีก ซึ่งการที่ตนร้องเรียนที่กองปราบฯ ตนไม่ได้มุ่งหวังทำร้ายใคร แต่อยากให้จับตัวคนร้ายได้โดยเร็ว เพราะกลุ่มคนร้ายยังคงอยู่ในพื้นที่นี้ และขอให้จับตัวคนร้ายให้ได้ อย่างไรก็ตาม ตนเองติดตามความคืบหน้าของคดีตลอด แต่ทางตำรวจก็สอบถามกลับมาว่า "คุณมีเป้าไหมละ คุณชี้มาสิ ผมจะจับให้" ซึ่งฝ่ายตนก็ไม่ได้มีใครเป็นตำรวจ ที่จะไปจับกุมได้เอง อีกทั้งทุกวันนี้ต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวง และต้องพึ่งพาเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากยังพึ่งพาเจ้าหน้าที่แล้วไม่เป็นผล ก็คงต้องยอมแล้ว เพราะถือว่าพวกตนดำเนินการทุกอย่างแล้ว เพราะขณะนี้ต้องหมดเงินซ่อมแซมบ้านไปเป็นจำนวนมาก แล้วยังต้องก่อปูนรอบบ้านเพื่อป้องกันเหตุ เนื่องจากกลัวว่าจะถูกอาวุธสงครามทำร้ายอีก และตนเองไม่ต้องการให้เกิดเหตุร้ายในชุมชนนี้อีก ด้าน นางสาวแอล (นามสมมติ) พี่สะใภ้นายบอล ระบุว่า กรณีที่อีกฝ่ายกล่าวหาว่าวันที่ 13 ต.ค. นายบอลให้ลูกน้องไปยิงบ้านหลังดังกล่าวนั้น ตนเองทราบมาว่าวันเกิดเหตุ นายบอลไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่ง และไม่ได้มีการแวะเวียนไปบ้านหลังเกิดเหตุ แต่ถูกอีกฝ่ายนำภาพกล้องวงจรปิดไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก แล้วกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มนายบอลก่อเหตุ โดยมีการโพสต์ชื่อนามสกุลของนายบอลลงในเฟซบุ๊กด้วย ทั้งนี้ เท่าที่ตนดูจากคลิปกล้องวงจรปิด ก็ยืนยันได้ว่าจากภาพไม่ใช่ลักษณะของนายบอลแน่นอน โดยหลังจากครอบครัวผู้เสียหาย เข้าแจ้งความกับตำรวจ ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารเข้ามาสอบถามที่บ้าน มีการพูดคุยกับนายบอลด้วย แต่หลักฐานต่าง ๆ ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นนายบอล จึงยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา

นางสาวแอล กล่าวต่อว่า เรื่องที่ถูกอ้างว่าถูกนายบอลข่มขู่เอาชีวิตนั้น ตนไม่เคยทราบมาก่อน เพราะนายบอลไม่เคยมีนิสัยไปข่มขู่ใคร เป็นคนมีนิสัยร่าเริง ไม่ได้ไปโกรธแค้นใคร ในเรื่องไร้สาระ รวมถึงครอบครัวของตน ไม่เคยมีอิทธิพลตามที่ถูกกล่าวหา พวกตนใช้ชีวิตตามปกติ หากอะไรผิด ก็จะว่ากันไปตามผิด ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ตนเชื่อว่านายบอลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่บ้านของอีกฝ่ายโดนถล่มยิง ซึ่งหากอีกฝ่ายกล่าวหาว่ารถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถ PCX สีแดง เหมือนกับรถจักรยานยนต์ที่บ้านของตนนั้น ตนคิดว่าเป็นการกล่าวหากันมากเกินไป นางสาวแอล ระบุว่า สำหรับความรู้สึกของนายบอล ขณะนี้ไม่ได้เครียด และคิดว่าไม่เป็นอะไร เพราะเขาเป็นคนสนุกสนาน หากอีกฝ่ายไปร้องกองปราบฯ ฝ่ายตนก็พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

ขณะที่ นางสาวแป้ง (นามสมมติ) แฟนของนายบอล อายุ 24 ปี ระบุว่า ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุทะเลาะ เขวี้ยงขวดเหล้ากันในผับ ตนเองก็อยู่ในวันเกิดเหตุ ซึ่งตนเห็นว่านายน้อง กลุ่มของคนในค่ายมวย มีเรื่องกับคนในผับหลายกลุ่ม และมีการตีกันอย่างชุลมุน จนโต๊ะล้มเกือบทั้งหมด จากนั้นก็จึงนำเก้าอี้ปาใส่กัน กระทั่งได้ปาขวดมาถูกกลุ่มของนายบอล ซึ่งยืนยันว่า นายบอลไม่ได้มีการเริ่มก่อน อีกฝ่ายต่างหากที่เริ่มปาเก้าอี้ใส่คนในร้านก่อน ตนคิดว่า เขาน่าจะคิดกันไปเองมากกว่า เนื่องจากวันที่ 13 ต.ค. 61 แฟนตนยังไปเที่ยวที่ผับอยู่ แล้วจะไปก่อเหตุยิงพวกเขาได้อย่างไร ทั้งนี้ แฟนตนไม่ได้มีอิทธิพลตามที่ถูกกล่าวอ้าง แฟนตนก็ทำมาหากินตามปกติ ไม่เคยมีปัญหากับใคร ไม่เหมือนกับครอบครัวบ้านนักมวย ที่ลูกชายเขาเพิ่งพ้นคุกออกมา โดยตนไม่รู้ว่าพวกเขาติดคดีใด ฉะนั้นเขาเองก็ไม่ควรมาโทษคนอื่น