ล่าพ่อตาโหดฆ่าเขยเจอหนีเข้าป่า สุดชิลล์ฟันเสร็จมานั่งกินข้าว ญาติปัดพาหนี (คลิป)

10 ต.ค. 64

กรณีตำรวจ สภ.สามโคก รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทใช้อาวุธมีดฟันกันมีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดภายในบ้านพักคนงานร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อว่า นายประเสริฐ พันเอก หรือ ไก่ อายุ 27 ปี สภาพศพนอนหงายจมกองเลือดอยู่ ข้างเก้าอี้โซฟา ร่างกายถูกของมีคมฟันหลายแห่ง โดยมีพบบาดแผลฉกรรจ์ที่แขนซ้าย 1 แห่งแขนขวา 1 แห่ง และที่บริเวณศีรษะอีก 2 แห่ง ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายสมชาย จาดมี หรือ ช่างชาย อายุประมาณ 45-50 ปี ชาวจ.พิจิตร ซึ่งเป็นพ่อตาของผู้เสียชีวิต ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

842097110520

ล่าสุดวันที่ 10 ต.ค.64 ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้เข้ามาดำเนินการติดต่อรับศพนายประเสริฐ แต่ยังไม่สามารถที่จะรับศพได้ โดยจะต้องแก้เอกสารและใช้เอกสารยืนยันตัวตนใหม่ จึงจะติดต่อรับศพได้ในวันถัดไป บรรยากาศด้านหน้าห้องนิติเวช จึงมีเพียงญาติที่ติดต่อกับทางโรงพยาบาล แต่ยังไม่สามารถรับศพกลับได้ในวันนี้ ซึ่งทีมข่าวสังเกตว่า แม่และพ่ออยู่ในอาการเสียใจตลอดเวลา เพราะยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่ลูกชายถูกพ่อตาทำร้ายร่างกาย

464850

นางเสมียน พึ่งสถิต อายุ 42 ปี ภรรยานายสมชาย ได้พาลูกชายวัย 5 ขวบ ที่ถูกนายประเสริฐ พันเอก หรือ ไก่ บีบคอและผลักจนล้มได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่นายสมชาย จะโมโหและคว้าอาวุธมีดไล่ทำร้ายนายประเสริฐ ตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด แม้ว่าจะผ่านไป 2 วัน แต่บริเวณคอของเด็กยังคงมีรอยแผลตกสะเก็ดเป็นรอยยาว คล้ายกับโดนเล็บ และบริเวณหลังกกหูซ้ายมีรอยช้ำเขียว บริเวณศีรษะฝั่งซ้ายก็มีรอยแตกขนาดเล็กเป็นแผลสะเก็ด

448325

นางเสมียน กล่าวว่า จากวงจรปิดในวันดังกล่าวจะเห็นว่าหลังจากที่นายสมชาย ไปเคาะประตูเรียกให้ออกมาจากห้อง และนายประเสริฐ ก็ออกมาทุบรถกระบะ ทำให้ทั้งคู่มีเรื่องชกต่อยกัน และมีจังหวะที่นายสมชาย ล้มลงกับพื้น นายประเสริฐ ปรี่เข้ามาหาลูกชายคนเล็กของนายสมชาย ก่อนจะบีบคอทุ่มลงกับพื้น ตนช่วยพยุงลูกชายขึ้นมา ตอนนั้นเป็นจังหวะที่นายสมชาย เกิดความไม่พอใจเข้าไปหาอาวุธ โดยการหยิบมีดที่ใช้ก่อเหตุไปทำร้ายร่างกายนายประเสริฐ ตามคลิปวงจร ซึ่งหากวันดังกล่าวนายประเสริฐ ไม่ได้ทำร้ายร่างกายลูกชายคนเล็ก นายสมชาย ก็คงไม่ฉุน

cg_2

ที่สำคัญในวันดังกล่าว จะเห็นว่ามีบางช่วงที่นายประเสริฐ วิ่งหายเข้าไปข้างห้อง โดยตั้งใจที่จะไปหยิบเอาอาวุธมีดมาใช้ก่อเหตุ แต่หยิบผิดไปหยิบเอาตะหลิวมาต่อสู้ จึงถูกนายสมชาย ทำร้ายร่างกายตามคลิป แต่หากในวันดังกล่าวนายประเสริฐ หยิบอาวุธไม่ผิด คนที่ตายก็คือนายสมชายมากกว่า เพราะนายประเสริฐ พูดข่มขู่มาโดยตลอดว่า “กูจะฆ่าพวกมึงให้ตายยกโคตร” ดังนั้นการตัดสินใจของนายสมชาย จึงเป็นการปกป้องคนในครอบครัว

ส่วนกรณีเรื่องที่นายประเสริฐ ทำร้ายร่างกายแฟนสาว ตนยอมรับว่าที่ผ่านมามักจะทำร้ายร่างกายจริง ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดถึงกับคิ้วแตก เป็นแผลเป็นจนถึงปัจจุบัน อาจเป็นปมที่ทำให้นายสมชายเก็บกดและเมื่อเจอกับเหตุการณ์สุดจะทนแล้ว จึงตัดสินใจก่อเหตุหรือไม่ 

725199

"ทุกวันนี้ยอมรับว่าครอบครัวยังขาดการติดต่อ เพราะสามีไปตัวเปล่า ไม่มีเสื้อผ้า และโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย จึงไม่รู้ว่าตอนนี้หลบหนีไปอยู่ที่ไหน แม้แต่ติดตามไปยังบ้านญาติในต่างอำเภอหรือที่พิจิตร ก็ยังติดต่อไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าตัวหลบหนีไปอยู่ที่ไหน แต่หากเป็นไปได้วันนี้ ถ้าสามีดูทีวีอยู่ อยากจะฝากบอกว่าให้มอบตัวเถอะพี่ คนเราทำผิดก็ต้องรับโทษ อย่างน้อยการมอบตัว ความผิดมันก็ไม่ได้รุนแรง หรืออาจจะมีความผิดเพียงแค่ครึ่งเดียว ถ้าได้ดูข่าวขอให้มอบตัวนะพี่” ภรรยาผู้ก่อเหตุ กล่าว 

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านของนายสมชาย จาดมี หรือ ช่างชาย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ทีมข่าวได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด 4 ตัว ซึ่งอยู่บริเวณซอยเข้าบ้านภายในพื้นที่ อ.สามพราน โดยกล้องวงจรปิดเห็นรถกระบะของนายสมชายขับผ่าน ซึ่งใช้ความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับผ่านกล้องวงจรปิดทั้งของเทศบาล และของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในละแวกก่อนถึงบ้านของนายสมชาย

217225

กล้องตัวที่ 1 บริเวณถนนก่อนถึงบ้านนายสมชาย ประมาณ 500 เมตร เห็นรถกระบะของนายสมชาย ขับผ่านด้วยความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ได้เร่งรีบ

กล้องตัวที่ 2-3 ของบริษัทเอกชน รอยต่อจากกล้องของเทศบาล เห็นรถกระบะของนายสมชายขับผ่าน ซึ่งก็ใช้ความเร็วไม่มาก ไม่มีท่าทีเร่งรีบเช่นเดียวกัน

978144

กล้องวงจรปิดตัวที่ 4 อยู่ติดกับบ้านของนายสมชายคนก่อเหตุ โดยจะสังเกตว่าเจ้าตัวขับรถเข้าซอยเพื่อจะมาจอดที่หน้าบ้าน ก่อนจะส่งภรรยาและลูกสะใภ้ลงจากรถ โดยจะมีกล้องวงจรปิดเห็นฝั่งของผู้โดยสารนั่งอยู่ในรถ ซึ่งไม่ได้มีการปิดกระจกรถ จึงเห็นใบหน้านางเสมียน ภรรยานายสมชาย ได้อย่างชัดเจน

789577

นายจิรยุทธิ์ จาดมี หรือ เต้ย อายุ 21 ปี ลูกชายของนายสมชาย กล่าวว่า ในวันดังกล่าวหลังจากที่พ่อขับรถกลับเข้ามาพร้อมกับแม่และพี่สาว มีลักษณะเข้ามาปรับทุกข์ โดยพ่อมาร้องไห้กอดกับคนในครอบครัวบอกว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังทำตัวไม่ถูกว่าจะทำอย่างไร แต่ตอนนั้นพ่อก็ไม่มีท่าทีว่าจะหนี ซึ่งทุกคนก็พยามบอกให้ใจเย็น ๆ และมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พ่อสั่งให้ตนขับรถกระบะคันที่ขับมาจากสามโคก ให้นำไปจอดไว้ที่การเคหะจุดที่ไม่มีคน ลับตา ตนก็ได้ขับรถออกจากบ้านเอาไปจอดทิ้งไว้ตามที่พ่อสั่ง และพ่อก็ยังให้คนขี่รถมอเตอร์ไซค์ตามมารับกลับบ้าน ตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจว่าเป็นการอำพรางหรือนำรถไปซ่อน เพราะคิดว่าที่บ้านไม่มีที่จอดจึงเอาไปจอดไว้ที่การเคหะที่ห่างจากบ้านประมาณ 3 กิโลเมตร และเมื่อตนกลับถึงบ้าน พ่อก็ยังนั่งทานข้าวอยู่กลางบ้าน ยังไม่ได้หนีหรือหายไปจากบ้าน

กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตอนกลาง พ่อก็ออกจากประตูหลังบ้าน ได้ยินเสียงกระโดด จากนั้นก็พบว่าพ่อหายตัวไปแล้ว ตนและแม่จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพักในฐานะที่เคลื่อนย้ายรถเอาไปซ่อน ก่อนที่ตำรวจจะไปอายัดรถนำไปตรวจ ส่วนเบาะแสของพ่อทุกคนในบ้านยังติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าหลบหนีไปอยู่ที่ไหน โดยแม่ได้ประสานไปหาญาติในจ.พิจิตร แต่ก็ยังไม่มีเบาะแส ดังนั้นตนจึงอยากให้พ่อมอบตัว จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

536982

นอกจากนี้ ทีมข่าวได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังรั้ว แนวของบ้านที่คาดว่านายสมชายกระโดดรั้วหนี เบื้องต้นพบลักษณะบุคคลต้องสงสัย เป็นภาพระยะไกลจับภาพวินาทีเห็นคนปริศนาเดินข้ามถนน ก่อนที่จะหายตัวไปฝั่งของทุ่งนา ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวใช่นายสมชายหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

861353

ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นางจำปี โอภาสพินิจ แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่ลูกชายจากไป แม้ว่าลูกชายจะไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่สมควรที่จะตายในลักษณะแบบนี้ ซึ่งเมื่อวานนี้ (9 ต.ค.64) ตนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกชายถูกฆ่าตายด้วยฝีมือของพ่อตา แต่ทั้งคู่ก็เคยมีปากเสียงทะเลาะกัน แต่ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นนี้ ส่วนใหญ่ตัวพ่อตาก็จะมีลักษณะหวงลูกสาว ที่ลูกชายของตนไปทำร้ายร่างกายเขา แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของผัวเมีย แต่ก็ไม่รุนแรงถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่ลูกชายไปทำร้ายลูกสะใภ้เป็นสาเหตุที่ทำให้ถูกฆ่าหรือไม่

ขณะที่ลางบอกเหตุ ในวันก่อนที่ลูกชายจะถูกฆ่า ตนจำได้ว่าประมาณวันที่ 5 ต.ค.64 ลูกชายมาบอกตนว่าจะไปทำงานกับพ่อตา ซึ่งวันนั้นพ่อตาก็เป็นคนอาสามารับเองที่บ้าน โดยลูกชายเข้ามากอดและบอกรักตน โดยเป็นเรื่องปกติที่ลูกชายมักจะมาบอกรักและกอด ซึ่งการกระทำดังกล่าวตนจึงเชื่อว่าอาจเป็นลางบอกเหตุ

อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องพามาอโหสิกรรมศพ เพราะตนไม่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นคำขอโทษหรือการมาร่วมแสดงความเสียใจ เพราะจากการกระทำที่เห็นค่อนข้างที่จะโหดร้าย และการที่พ่อตาทำแบบนี้ ตนก็รู้สึกสงสารหลาน ซึ่งเป็นลูกของคนตายที่จะโตขึ้นมาแบบไม่มีพ่อ และที่สำคัญคนที่ก่อเหตุก็คือพ่อตา 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม