น้องแซมมี่ปีนี้กี่ขวบแล้ว?
แซมมี่ : 18 ปีค่ะ
มีคนเคยบอกเยอะมากๆ เลยว่าลูกสาวเราหน้าตา น่ารักมากๆ ฟังจนชินหรือยัง?
เกริก : หน้าตาก็พอไปวัด ไปวาได้ เดี๋ยวชมลูกตัวเองว่าสวย เดี๋ยวมันจะไม่ดี ผมไม่ค่อยได้ภูมิใจว่าจะต้องสวยหรือต้องอะไร เอามันสมองที่จะให้มันมีทัศนคติที่ดีดีกว่า นั่นคือคนสวย
น้องเขาฉายแววเป็นศิลปินตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
เกริก : เริ่มแรกเลย ผมให้ลูกเรียนเปียโน ผมเป็นคนชอบฟังเปียโน ฟังเพลงคลาสสิคแล้วหมายมั่นปั้นมือว่าน่าจะมีสักคนใน 3 คนนี้น่าจะเล่นเปียโนคลาสสิคภายในบ้าน
แล้วลูกก็ไม่เคยร้องเพลงภายในบ้านให้ผมได้ยินเลย มาถามเขาตอนหลัง เขาร้องในห้องน้ำ ห้องนอน ร้องอยู่ที่โรงเรียนอะไรอย่างนี้ เราก็เลยไม่รู้ว่าเขามีความสามารถอะไร ความเป็นพ่ออยากให้เขาได้ความรู้ อยากให้เขาเรียน อยากให้มีดนตรีเป็นเพื่อนเขาในวันที่เขาโตขึ้น เพราะว่าดนตรีมันจะอยู่ติดตัวไปจนแก่ตาย เราก็คิดแค่นั้น
หรือว่าสายการเรียนปกติแล้วใครๆ เขาก็เรียนกัน แต่ที่เรามีความสามารถพิเศษเปียโน ต่อไปไม่มีงานทำก็ไปเป็นครูสอนเปียโนได้ ไปอยู่ไหนบนโลกนี้มันก็หางานทำได้ง่าย ผมคิดแค่นั้นเอง
แซมมี่ซ่อนพ่อยังไง ทำไมพ่อถึงไม่รู้เลยว่าเรามีความสามารถด้านดนตรีมากๆ?
แซมมี่ : จริงๆ แซมเป็นคนขี้เขิน ก่อนหน้านี้แซมไม่ได้โตมาแบบชอบร้องเพลง ที่บ้านคือไม่ได้ฟังเลย
แล้วหนูไปร้องที่ไหน ยังไง?
แซมมี่ : ร้องในห้องน้ำ ร้องในพื้นที่ส่วนตัวของเรา ปกติจะไม่ได้ร้องให้คนอื่นฟัง
แต่คนในบ้านก็เริ่มรู้กันหมดทุกคนแล้ว ยกเว้นคุณพ่อ?
เกริก : ผมเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน ที่เวลาเขาคุยกัน เขาจะคุยเรื่องผู้หญิงๆ ซึ่งเราเป็นผู้ชายเขาคิดว่าเราไม่ค่อยรู้เรื่องแหละ แต่เราก็โตมาในครอบครัวผู้หญิง แต่สุดท้ายแล้ว แม่เขาเอาคลิปวีดิโอที่แซมมี่เขาร้องเพลงมาเปิดให้เราฟัง เราก็ฟังคนอื่นร้องก่อน
เออ..น้องนี่มันเสียงดี พอถึงแซมมี่ เห้ย..ทำไมลูกเราเสียงแปลกๆ มันโดดชัดขึ้นมา แต่คนอื่นก็ร้องดีนะ ร้องแบบนักร้อง เราก็เลยขับรถ แซมมี่นั่งข้างๆ เราก็หาจังหวะ แซมร้องเพลงอะไรก็ได้ให้พ่อฟังสักเพลง เขาก็บอกว่าไม่เอา หนูไม่ชอบร้อง
ทำไมหนูถึงไม่ยอมร้อง?
แซมมี่ : มันเขิน ถ้าสมมติเราไปงานรวมญาติ แล้วญาติบอกให้ร้องเพลงให้ฟัง แซมเป็นฟิวประมาณนั้นคือมันเขิน
เกริก : เขาเขิน แต่เราอยากฟังไง เข้าใจไหม ด้วยความที่เราเป็นนักแสดงเราไม่เขินตรงไหนเลย ลูกต้องเลือดศิลปินสิ มันต้องทำได้ทุกที่ทุกเวลา แต่อันนี้เป็นเสียงในความคิด แต่ถ้าพูดกับลูกก็บอกว่าไม่เป็นไร ถ้าพร้อมแล้วร้องให้พ่อฟังหน่อย
ที่พี่อยากฟังลูกร้องเพลง เพราะจริงๆ ตัวเองเป็นคนร้องเพลงเก่งเหมือนกัน?
เกริก : คือตัวเองชอบฟังเพลงตั้งแต่เด็กเลย แล้วเวลาอยู่ในรถเราก็จะเปิดเพลง แซมก็จะนั่งอยู่ด้วยตั้งแต่เด็ก แล้วผมเปิดเพลงดังมาก ในรถทุกคนก็จะฟังเพลง นี่เขาเอากลิ่นตรงนั้นมาอยู่ในตัวเขาจนถึงทุกวันนี้
คุณพ่อมีวิธีหลอกแซมมี่ยังไง เราถึงยอมร้องเพลงให้คุณพ่อฟัง?
แซมมี่ : เขาพูดแบบถ้าสมมติแซมไม่ร้องให้เขาฟัง ลองลงไอจีสักนิด เราก็ลง
เกริก : ผมเปิดมาคลิปดำมากได้ยินแต่เสียง แล้วเราฐานะคนฟังเพลง พอได้ยินเพลงที่เขาร้อง 15 วิ เราอยากฟังอีก
พอลงไปแล้วค่ายเพลงโทรหาพี่เกริกสายแทบไหม้เลย มีแต่คนอยากได้ตัว?
เกริก : เขาไม่ได้โทรหาผม เขาติดต่อไปทางแซมเอง แซมลงได้สัก 3 คลิปปุ๊บ คนดนตรีมันก็จะพูดต่อๆ กันก็อินบล็อกซ์ไปหาแซม แซมก็จะเริ่มมาเล่า พ่อมีค่ายนี้โทรมา อินบล็อกซ์มาหาหนู แต่ว่าหนูไม่ใช่แนวนั้น จนกระทั่งร้องไปได้สักพักนึงก็มีค่ายนึงติดต่อมา แล้วเขาคิดว่ามันตรงกับสไตล์เขา เพราะว่าเขาร้องทั้งไทย ทั้งอังกฤษ
แล้วเขาก็แต่งเองได้ทั้งไทย ทั้งอังกฤษ แล้วก็อยากมีโอกาสได้ร่วมทำงาน แล้วก็ค่ายที่เขาตัดสินใจอยู่เปิดโอกาสให้เขาได้ทำงานเยอะ คือไม่ได้ไปคอบเขา กำหนดว่าเขาต้องเป็นนู้นเป็นนี่ มากจนเกินไป
มีคนเม้าท์ไหมว่าพี่เกริกดันลูก มีเส้นในวงการบันเทิงแน่นอนเลย โดนไหม?
เกริก : มันก็น่าจะมีบ้างครับ คือถ้าผมจะดันลูก ผมดันลูกเล่นละครตั้งแต่เด็กแล้วลูกทั้งสามคมของผมไม่มีรอดอะ คนเหยียบผมก็มี แต่คนรักผมก็มีเยอะ แล้วผมก็รู้จักคนเยอะ
แต่ผมก็ยังยืนยันจุดยืนเดิมเมื่อ 10 กว่าปีที่ผมให้สัมภาษณ์ไปว่าผมไม่อยากให้ลูกเข้าวงการบันเทิง ผมอยากให้ลูกเรียนหนังสือและใช้ชีวิตความเป็นเด็กให้มันเป็นสเต็ปขั้นตอนของชีวิตไปเก็บเกี่ยวไปเอาคอนเน็กซ์กับเพื่อนๆ ในวัยเรียน เพื่อเติบโตมา เพราะว่าช่วงชีวิตหลังการแสดงมันจบลงเนี่ย ชีวิตที่เหลือมันยังอีกยาว ถ้าเกิดว่ามันไม่เก็บเกี่ยวความรู้ ไม่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตที่เหลือของนักแสดงต่อไปมันจะลำบาก เมื่อคุณเลิกเป็นนักแสดงแล้ว
ตอนแรกบอกว่าเป็นเด็กขี้อาย แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงส่งเพลงไปให้กับทางค่ายที่เวลาเขาขอมา?
แซมมี่ : แซมเติบโตมากับการเล่นดนตรี มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชอบฮำเพลงในห้องน้ำ ชอบร้องเพลงคนเดียว แต่เอาจริงๆ มันน่าจะเกิดจากความมั่นใจนะคะ พอแซมเริ่มโตขึ้นมันก็เริ่มมา แล้วเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการร้องเพลงลงไอจีส่วนตัวมันก็เริ่มมาเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้มีความคิดอยากเข้าวงการบันเทิงไหม?
แซมมี่ : จริงๆ แซมไม่เคยคิดว่าแซมจะเข้ามาทำงานเบื้องหน้า จริงๆ แล้วแซมอยากทำงานศิลปะอะไรก็ได้ แต่เป็นแบบเบื้องหลัง ตอนนี้ก็ได้ทำทั้งเบื้องหลังแล้วก็เบื้องหน้า
คุณพ่อไม่ได้ดันเข้ามาเล่นละคร ไม่ได้ดันเข้าวงการ แต่ทำไมถึงยอมให้เข้าวงการเพลง?
เกริก : ผมบอกลูกเสมอ ลูกอยากเรียนอะไรบอก แล้วลูกคิดเลยว่าชีวิตหนูจะไปทางไหน ผมจะไม่บังคับลูกเลยว่าลูกจะเป็นอะไร ขอให้อยู่กับมันแล้วมีความสุข แล้วมันเลี้ยงตัวหนูได้
แล้วไปสอนลูกหลานได้อีก ผมไม่ได้คาดหวังอะไร แม้กระทั่งการร้องเพลงเนี่ยผมก็ถามแซมมี่อยู่เสมอว่าแซมมี่ถ้ามันไม่ดังหนูจะเสียใจไหม เขาบอกหนูไม่เสียใจ จุดประสงค์ จุดมุ่งหมายหนูก็คือทำงานเบื้องหลังดนตรี แล้วหนูก็มุ่งมาทางนั้น หนูไม่ได้มุ่งมาทางเบื้องหน้า หนูมีความสุขที่ได้เขียนเพลง ทุกวันนี้หนูเขียนเพลงออกเป็นเพลงแล้ว หนูประสบความสำเร็จแล้ว ณ ตอนนี้
ค่ายติดต่อเรามาเยอะมาก ทำไมเราถึงตัดสินใจเลือกค่าย Universal Music?
แซมมี่ : มันเป็นโอกาสที่ใหญ่มากสำหรับแซม เพราะว่ามันเป็นค่ายระดับโลก แล้วแซมได้ทำงานเต็มที่ในส่วนของแซม อาร์ตเวิร์กของแซม แซมแต่งเพลงของแซมเอง แซมรู้สึกว่ามันเหมาะกับความเป็นแซม ก็เลยเลือก
ก่อนจะมาเป็นศิลปินเต็มตัวแบบนี้ คุณพ่อบอกตอนเด็กๆ ดื้อมาก?
เกริก : เฟี้ยวๆ ลูก 3 คนก็จะเป็นไปในแต่ละวัย เราเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ลูกก็เรียนรู้ผม ผมก็เรียนรู้ลูกในช่วงของอายุของเด็กๆ ความคิด การมองเห็น ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามสเต็ปของอายุ เราก็ตามเกมเขา แต่เราก็ยังเป็นคนคุมเกมอยู่
เรื่องที่ห่วงที่สุดคือเรื่องลูกมีแฟน?
เกริก : ใช่ แต่ผมยังห่วงไม่เท่าแม่เขานะ แม่เขาหนักเลย
รู้สึกยังไงบ้างที่พ่อ แม่ ห่วงเรื่องการมีแฟน?
แซม : แซมเฉยๆ มากๆ เลยนะคะ คือแซมเข้าใจเขาอะ ถ้าวันนึงแซมมีลูก แซมก็คงเป็นห่วง แล้วก็ช็อกๆ นิดหน่อย
แล้วเวลาคนเข้ามาคุยกับเรา เรากล้าเล่าให้พ่อแม่ฟังไหม?
แซมมี่ : แซมเล่าทุกเรื่องเลยนะคะ แบบมีคนเข้ามาหรืออะไรอย่างนี้
เกริก : เล่าทุกเรื่อง พอมันเรียบร้อยแล้วมันถึงเล่าไง เวลามีแฟนแล้วเขาถึงมาเล่า
เห็นว่าสอนให้ดื่มแอลกอฮอล์?
เกริก : มันมีอยู่ครั้งนึงไปคอนเสิร์ต ข้างหน้าเขาก็มีเป็นคอกเทล เราก็ยืนอยู่ข้างหน้าแต่งตัวเป็นวัยรุ่น เราก็ดื่มๆ แล้วหันมาถามลูกแซมเอาหน่อยไหม จุดประสงค์เรา เราก็ว่าลูกจะไปแอบดื่มกับเพื่อน
คือเราเป็นห่วง มันต้องเอาจากมือเราก่อนลูกมันจะได้กลัว กินไปมันจะได้ขม แล้วอี้ คืออยากให้เขาเข็ดกับความขมของแอลกอฮอล์ เราก็บอกลูกลองชิมสักนิดนึง เขาก็บอกจะดีเหรอพ่อ เดี๋ยวแม่รู้ แม่ว่าเอา สักนิดไม่เป็นไรหรอก แล้วเขาก็ชิม แย่แล้วพ่อหนูชอบ ก็ต้องขอโทษแม่ แม่เขานั่งฟังอยู่ แซมมันชอบ
น้องแซมชอบไหม?
แซมมี่ : ตอนนี้แซมไม่แล้ว
แต่มันจะทำให้ลูกเราเอาตัวรอดในสังคม?
เกริก : มันทำให้รู้ว่ามนุษย์มีพัฒนาการ มันต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวมันเอง
คู่นี้เขาชวนกันไปดูผี?
เกริก : บ้านผมอะไรกับผีก็ไม่รู้เยอะแยะมากมาย คือผมอาจจะเป็นความเชื่อจากรุ่นแม่ รุ่นยายมา แล้วก็ไปบวชมา มีสมาธิ แล้วเป็นคนมีเซ้นส์ ประกอบกับเดือนที่เกิดด้วยมันก็จะมีซิกเซ้นส์ แล้วแซมมี่เกิดเดือนเดียวกับผม ราศีเดียวกันกับผม เพราะฉะนั้นมันจะมีซิกเซ้นส์คล้ายๆ กัน
เคยเห็นพร้อมกันด้วย?
เกริก : เคย ปกติผมจะเห็นเป็นรูป เป็นเงาดำๆ แล้วก็เป็นคนเลยเดินผ่านหานไป นั่งมอง ยืนมอง นั่งกินอะไรอย่างนี้ แต่มันมีอยู่ครั้งนึง แปลกมากผมไม่เคยเห็นเลย ซึ่งผมไม่ได้เห็นคนเดียว แซมก็เห็นด้วย ที่บ้านผมเนี่ยตรงข้างหน้ามันจะมีเป็นกระจก ผมก็นั่งมองต้นไม้ไป แซมมี่ก็นั่งที่โต๊ะทำงาน สักพักมีเสียงเหมือนเสียงมอเตอร์ไซค์
แซมมี่ : ที่มันจะตลกคือ เราหันหน้ามาพร้อมกัน
เกริก : แซมเห็นใช่ไหม เห็นเป็นยังไง
แซมมี่ : แซมเห็นเป็นมอเตอร์ไซค์
เกริก : เห็นเป็นหมวกกันน็อก มันเข้ามาได้ยังไง
แซมมี่ : แล้วตอนนั้นแซมรีบวิ่งไปดูกล้องวงจรปิด แล้วในกล้องไม่มีแม้แต่นกบินผ่าน
เกริก : คือมันแปลกตรงที่เราไม่เราไม่เคยเห็นผีมอเตอร์ไซค์มาก่อน
แซมมี่กลัวไหม?
แซมมี่ : แซมอึ้งมากกว่า ติดตาอยู่เลย
เกริก : ด้วยประสบการณ์การเห็นผีของผมตั้งแต่เด็กจนโต เราไม่เคยเห็นผีมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เราเห็นเงา เป็นอะไรไป
Advertisement