ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ครอบครัวของคนรุ่นใหม่มีเวลาส่วนตัวน้อยลง เวลาส่วนมากถูกใช้หมดไปกับการทำงาน ดังนั้น คำถามที่ว่า เราจะเลี้ยงลูกแบบไหนจึงจะทำให้เขา เก่ง ดี มีความสุข และมีความฉลาดทางอารมณ์ จึงเป็นโจทย์ที่แสนยาก และ ท้าทายสำหรับพ่อแม่ยุคนี้มาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าคุณพ่อคนดังที่อยู่ในวงการบันเทิงที่เมื่อมีทายาทเกิดมาก็เหมือนอยู่ท่ามกลางสปอร์ตไลฟ์เลยนั้น การอบรมเลี้ยงดูในช่วงต้นของชีวิต จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมาก เพราะเป็นการวางพื้นฐานทางบุคลิกภาพของเด็กที่จะฝังติดตัวไปจนถึงวัยเป็นผู้ใหญ่ เด็กที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดู
และตอบสนองความต้องการทางกายใจ สังคม ด้วยความรัก ความอบอุ่น อย่างเพียงพอ เหมาะสม จะทำให้เด็กรู้สึกว่า ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างรู้สึกมั่นใจ ภาคภูมิใจและตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง ซึ่งทำให้เด็กคนนั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของสังคม
งานนี้ 5 คุณพ่อคนบันเทิงที่รักลูกยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ได้เปิดใจทำไมถึงทุ่มเทเวลาในการเลี้ยงดูลูกใกล้ชิดด้วยตัวเองมอบทั้งความรักความอบอุ่นที่มีให้ลูกแบบฟูลทาม
เจมส์ เรืองศักดิ์ “ สำหรับผมแล้วหน้าที่ของ พ่อ คือเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มากๆในชีวิตเลยครับ เมื่อรู้ว่าเรากำลังจะมี น้องเมดา ที่ผมกับภรรยาตั้งใจมากๆที่อยากมีลูกและก็ประสบผลสำเร็จตั้งแต่แรกที่ไปปรึกษากับทาง (GFC) ทำให้เราสมหวังมีลูกได้ ซึ่งก่อนที่เขาเกิดมาผมก็ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกเลยคือ ผมและภรรยาจะเลี้ยงดูเขาเอง มีเวลาที่มีคุณภาพกับลูก คือ ให้เวลาเขาให้มากที่สุด สมัยก่อนเราคงจะคุ้นเคยกับคำพูดที่ว่า “เป็นลูกต้องเชื่อฟังพ่อแม่” ปัจจุบันด้วยความจำเป็นของสภาพ
สังคม เราควรใช้เวลาที่มีจำกัดให้เป็นเวลาที่มีคุณค่า ดังนั้นพ่อแม่ยุคใหม่ควรเรียนรู้ที่จะเป็น “พ่อแม่ที่รับฟังลูก” รับฟังลูกโดยเข้าใจ ไม่ตัดสิน มีเวลาถ่ายทอดเรื่องราวกับลูกและให้โอกาสลูก สำหรับเรียนรู้ ฝึกฝนสิ่งต่างๆ แบบไม่เร่งรัด กดดันลูก เพราะฉะนั้น เวลาจึงสำคัญที่สุดผมจึงมอบให้ น้องเมดา มากที่สุดครับ”
ต๊ะ บอยสเก๊าท์ หรือ ต๊ะ วินรวีร์ “ ตอนนี้ น้องปิ๊งปิ๊ง ก็คืออยู่ในวัยที่กำลังเรียนรู้และจำจด ผมก็พยายามที่จะสั่งสอน และ ส่งเสริมให้ลูกมีโอกาสช่วยเหลือตนเอง ตามวัยเด็กที่มีโอกาสได้ลองทำอะไรด้วยตนเอง จะทำให้เขาสามารถพัฒนา การทักษะต่างๆ พึ่งพาตนเองได้
ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นตนเองได้ในที่สุด เพราะผมรอเขามาถึง 15 ปี ที่กว่าจะมี น้องปิ๊งปิ๊ง ในวันนี้ เพราะทาง GFC ได้สานฝันให้ครอบครัวเราเป็นจริง ทำให้ผมได้เรียนรู้เลยว่า การให้ความรักอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงลูกได้ประสบความสำเร็จ แต่เราต้องให้เขารู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองด้วย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เด็กเติบโต เป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ ผมเลยทุ่มเทเวลาให้เขาแบบเต็มจะเรียกว่าฟูลทามเลยก็ได้ครับ
แมน การิน “ คำว่า พ่อ สำหรับผม คือ คำที่สำคัญมากๆเพราะผมกับเกล อยากที่จะเรียนรู้และได้เห็นพัฒนาการของน้องกราฟ ในทุกวันและทุกเวลาเลยครับ ยิ่งตอนนี้เขาก็มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน โตขึ้นทุกวัน มีพัฒนาการขึ้นทุกวันทำให้เราได้ตื่นเต้นกันตลอดเวลา
ตอนนี้สิ่งที่เราทั้งคู่ทำคือ คำพูด การพูดจาดีดีจากตัวเราและคนที่จะมาใกล้ชิดกับเขา เพราะ พอเขาได้ยินแต่คำพูดดีๆก็มีแต่เพิ่มพลัง คำพูดไม่ดี ทำให้เกิดความท้อถอย หมดกำลังใจ และสูญเสียพลังของการพัฒนาจุดอ่อนของเด็ก คือ ความสนุก เมื่อใดที่พวกเขาสนุก เขาจะให้ความร่วมมือ ตั้งใจกับสิ่งนั้น เป็นพิเศษ ที่พ่อแม่อย่างเราสามารถเลือกที่จะสอนให้เขาได้เรียนรู้ข้อมูลสำคัญ โดยที่พวกเขาไม่รู้สึกว่ากำลังจริงจังอยู่โดยที่เขาไม่รู้ตัว และเราก็ได้สอนและเตือนตัวเองไปด้วยครับ”
ฟลุ๊ค จิระ “ ในฐานะที่ตัวเองเป็นคุณพ่อในวันนี้ตอนนี้ ของลูกสาวทั้งสองคนจุดมุ่งหมายของผมอยากให้เขาเติบโตเป็นคนที่ดี เป็นลูกที่น่ารักสำหรับเรา ให้รู้จักชีวิตที่มีกฎกติกา พ่อแม่ ควรสอนให้ลูกได้รู้ว่าสิ่งใดทำได้ สิ่งใดไม่ควรทำ เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ กรอบ และ ขอบเขตของการใช้ชีวิตทั้งในบ้าน และในสังคม เช่น มีกฎระเบียบของบ้าน การกินอยู่หลับนอนเป็นเวลา มีกฎกติกาของการเล่นเกม การดูโทรทัศน์
โย่ง อาร์มแชร์ “ สำหรับตัวผมตอนนี้ ตั้งใจเรียนรู้ทุกอย่างเท่าที่จะเรียนรู้ได้ไว้ให้เต็มที่เพื่อที่จะรอที่จะสอนลูกสาว ที่อีกไม่นานนี้เองเราก็จะได้เจอหน้าเขาแล้ว และก็พยายามเตรียมทุกอย่างให้พร้อมมากที่สุดเพื่อรอเขา ในฐานะว่าที่คุณพ่อ ที่รอมานานกว่า 9 ปี ที่กว่าจะสมหวังก็ต้องขอบคุณอีกครั้งที่ทาง (GFC) ได้มอบสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต
ตอนนี้ รอครับ รอที่เขาจะออกมาดูโลกกว้างและรอก็พร้อมที่จะซัพพอร์ตเขาในทุกๆเรื่องที่เขาต้องการ หรือ อยากทำเลยครับ และ รอที่จะทำหน้าที่ของ พ่อ ที่ดีที่สุดที่คนคนหนึ่งจะทำเพื่อลูกได้เลยครับ”
เรียกได้ว่าพลังความรักลูกของทั้ง 5 หนุ่มนั้นมหาศาลจริงๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทุกครอบครัวสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยมือ และพลังความรักความเข้าใจของพ่อแม่ การเลี้ยงลูกโดยยึดทางสายกลาง คือ ไม่รัก และปกป้องมากเกินไป ไม่วิตกกังวลจนเกินเหตุ ไม่ตามใจมากจนไร้ขอบเขต หรือ เข้มงวด เจ้าระเบียบจนเกินไป บรรยากาศแบบนี้ในครอบครัว จะส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการทางกายใจ ที่ดี รู้จักรัก และเห็นใจผู้อื่น มีสุขภาพจิตที่ดี สิ่งเหล่านี้เป็นการเตรียมพร้อมให้ลูกมีทักษะชีวิตที่ดี สำหรับปรับตัวในอนาคตข้างหน้าได้