กรณีมีครอบครัวของคนตาย 2 ศพ ถูกยิงตาย แจ้งเรื่องมายังทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี โดยเป็นเหตุการณ์ที่นายอ้อ คนก่อเหตุ ในฐานะสามีของคนตาย มีการใช้อาวุธปืนสั้น ซึ่งเป็นปืนมีทะเบียน แต่เป็นปืนที่ขโมยมาจากญาติ ก่อเหตุยิงนางสาวหนิง อายุ 44 ปี ภรรยาคนก่อเหตุ และยิงนางสาวกาละแม อายุ 27 ปี ลูกของคนตาย ในฐานะลูกเลี้ยง
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดเวลาตี 5 ของวันที่ 6 ต.ค. 64 ก่อนที่จะนำร่างตรวจชันสูตรพลิกศพ ระหว่างวันที่ 7-8 ต.ค. ที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ก่อนที่ญาติจะเดินทางไปรับศพในวันที่ 9 ต.ค. ตั้งสวดอภิธรรม 9-11 ต.ค. และมีพิธีฌาปนกิจศพไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ตัวของคนก่อเหตุ หลังจากก่อเหตุได้ถูกญาติของคนตายใช้ไม้ทุบตีจนกระทั่งศีรษะแตกได้รับบาดเจ็บ ก่อนถูกนำตัวฝากขัง ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ได้รับการประกันตัวชั่วคราวเพื่อออกมารักษาตัว แต่ทางญาติของคนตายมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นคดีที่สะเทือนขวัญ กลัวว่าคนก่อเหตุจะไม่ได้รับโทษนั้น
วันที่ 12 ต.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังตำบลท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี แม้ว่าจะมีพิธีฌาปนกิจศพของนางสาวหนิง และนางสาวกาละแม 2 แม่ลูกที่ถูกยิงตายไปแล้วก็ตาม แต่จากการพูดคุยกับชาวบ้าน ทราบข้อมูลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นคดีที่สะเทือนขวัญ แต่ทำไมถึงไม่มีการนำเสนอข่าวอย่างเช่นกรณีเคสอื่น ทั้งที่คนในหมู่บ้านก็รู้กันดีว่าเกิดเหตุการณ์สามียิงภรรยาและลูกเลี้ยง
สถานที่เกิดเหตุเป็นลักษณะโรงงานผลิตน้ำมะพร้าว มีการประกอบกิจการผลิตและบรรจุน้ำมะพร้าวใส่ขวดจำหน่ายตามร้านปลีกและส่ง ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี การสร้างโรงงานเพิ่งก่อสร้างมาได้ไม่ถึง 3 เดือน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักร และเครื่องผลิตน้ำมะพร้าว หลังจากเกิดเหตุโรงงานจะคงปิดเงียบ ส่วนบ้านพักที่แยกออกมาจากตัวโรงงาน ก็ไม่มีคนงานหรือคนในครอบครัวอาศัยอยู่แต่อย่างใด มีเพียงถังสีน้ำเงินที่ใช้แช่น้ำมะพร้าว รวมถึงอุปกรณ์ภายในโรงงานวางกองเอาไว้บริเวณหน้าห้องพักเท่านั้น
นายไซโย (นามสมมติ) ลูกพี่ลูกน้องของคนตาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ต.ค. เวลา 05.30 น. ตอนนั้นก็มีเพียงญาติบางคนที่เข้าไปดูที่เกิดเหตุและช่วยเหลือคนเจ็บนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนตัวไม่ได้เข้าไปที่สถานที่เกิดเหตุ แต่พอรู้ว่าตัวของนางสาวหนิงลูกพี่ลูกน้อง และนางสาวกาละแม หลานสาวถูกยิงจนกระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา และในวันดังกล่าวตนเองก็มาทราบเรื่อง โดยตัวของนายอ้อ คนก่อเหตุ สารภาพว่าที่ก่อเหตุเป็นเพราะพยายามขอกอดกับคนตายแต่คนตายไม่ยอม จึงบันดาลโทสะใช้อาวุธปืนยิงแม่และลูกตาย ตนไม่เชื่อว่าเป็นเพราะเหตุผลนั้น จึงอยากให้คนตายได้รับความเป็นธรรม
กรณีที่ตัวของคนก่อเหตุอ้างว่าขโมยปืนมาจากญาติ ปืนดังกล่าวมีลูกกระสุนเพียงแค่ 2 นัด อ้างว่าเอาไว้สำหรับดูแลบ้านยามค่ำคืน เพราะตัวบ้านหรือโรงงานอยู่ห่างออกไปจากตัวหมู่บ้าน และใกล้กับทุ่งนา กลัวจะมีขโมยขึ้นบ้านตอนกลางคืน แต่สุดท้ายใช้อาวุธปืนดังกล่าวก่อเหตุยิงนางสาวหนิง และนางสาวกาละแม เพราะอ้างว่าเกิดจากบันดาลโทสะ ส่วนตัวจึงมองว่าไม่มีความเป็นไปได้ เพราะเหมือนเป็นการเตรียมลูกกระสุนปืนเอาไว้สำหรับก่อเหตุ ภายหลังที่มีการตรวจชันสูตรพลิกศพ ก็พบว่ากระสุนปืน 2 นัด ตามที่ผู้ต้องหาอ้างว่าบรรจุเอาไว้ กลับอยู่ในหัวของทั้ง 2 ศพ ตนเองจึงเชื่อว่าเกิดจากความตั้งใจ
ดังนั้นตนไม่ต้องการให้เรื่องเงียบ ต้องการให้คดีนี้เป็นข่าว การฆ่าคนตายไม่ใช่ยิงหมายิงแมว แต่เป็นการยิงคนตาย สังคมก็ควรที่จะได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเป็นอุทาหรณ์เตือนสังคม อีกทั้งเพื่อให้คนก่อเหตุดิ้นไม่หลุด ต้องออกมาชดใช้เวรกรรมที่ก่อเอาไว้
นายประเทือง อยู่ยิ่ง อายุ 87 ปี พ่อของอดีตสามีคนตาย ปู่ของนางสาวกาละแม ก่อนหน้านี้นางสาวหนิง คนตาย เคยคบหากับลูกชายของนายประเทือง และมีลูกด้วยกัน คือนางสาวกาละแม แต่ทั้งคู่ได้เลิกรากันไปนานกว่า 7 ปีแล้ว ก่อนที่ตัวของนางสาวหนิงจะไปคบหากับนายอ้อ คนก่อเหตุ
ในวันดังกล่าวที่บ้านแหมอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่เกิดเหตุ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงปืน เพราะเนื่องจากเหตุมันเกิดขึ้นภายในบ้าน จึงทำให้เสียงไม่ได้ดังมาถึงบ้านของตนเอง แต่หลังจากที่ทราบจากสามีของนางสาวกาละแมหลานสาว ว่าตัวของนายอ้อสามีใหม่ของนางสาวหนิง มีการก่อเหตุยิงภรรยาและลูก จึงได้รีบเข้าไปที่เกิดเหตุ แต่ตอนนั้นพบว่ามีการนำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาล จนกระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เหตุการณ์ในวันดังกล่าว ตัวของนายอ้อทะเลาะมีปากเสียงกับนางสาวหนิง ภรรยา อยู่ภายในห้องนอนส่วนตัว ส่วนนางสาวกาละแม หลานสาว ตื่นขึ้นมาเพื่อดูแลยาย ที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลหลังผ่าตัด โดยอาศัยอยู่อีกห้องใกล้กับห้องที่นายอ้อกับนางสาวหนิงยิงกันตาย โดยช่วงเวลานั้นหลานสาวได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน มีการขว้างปาสิ่งของ ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้น 1 นัด ภายในห้องที่นางสาวหนิงนอนอยู่ ตัวของหลานสาว ก็ได้ออกมาดูด้วยความตกใจ แต่ปะทะหน้ากับนายอ้อ จึงถูกยิงเสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าประตู ขณะที่บ้านหลังดังกล่าวยังมียาย ในฐานะคนที่เป็นแม่ของคนตายนอนอยู่ภายในบ้าน และยังมีสามีของนางสาวกาละแมหลานสาว ดูลูกน้อยวัย 2 ขวบผู้ชายอยู่ภายในบ้าน แต่ตัวของนายออกก็ไม่ได้ก่อเหตุยิงคนอื่น ตัดสินใจยิงด้วยกระสุนปืน 2 นัด 2 คน
สำหรับการก่อเหตุครั้งนี้ ตนเองไม่รู้สาเหตุ ซึ่งไม่รู้ว่ามีปากเสียงหรือขัดแย้งกันเรื่องอะไร แต่ถ้าหากนายอ้อกับนางสาวหนิงจะมีปากเสียงหรือทะเลาะกัน ก็ไม่ควรที่จะมีการยิงนางสาวกาละแม หลานสาวให้ถึงแก่ความตายไปด้วย เพราะหลานสาวเป็นคนดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร ขยันทำมาหากิน ที่สำคัญก็มีลูกน้อย 3 คน ฉะนั้นเมื่อตัวของนายอ้อมีการก่อเหตุแบบนี้ ตนเองก็รู้สึกสงสารหลาน ที่จะโตขึ้นมาแล้วไม่มีแม่ อีกทั้งต้องการที่จะให้นายอ้อได้รับโทษตามกฎหมาย หรือได้รับโทษสูงสุดประหาร และติดคุกตลอดชีวิต ไม่จำเป็นต้องออกมาใช้ชีวิตอีก
ด้านนายสุทันศ์ หลักพาล อายุ 51 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า เหตุการณ์ในวันดังกล่าว หลังจากตนเองได้รับแจ้งเหตุก็ได้รีบเข้าไปโดยทันที แต่ตอนนั้นไม่พบร่างของคนเจ็บ เพราะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งตนเองทราบว่ามีหนึ่งในคนที่ถูกยิง ยังไม่เสียชีวิตจึงนำตัวส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนตัวของนายอ้อ คนก่อเหตุ หลังจากก่อเหตุแล้วถูกญาติของคนตายควบคุมตัวส่งโรงพัก และยังถูกทำร้ายร่างกาย โดยการใช้ของแข็งทุบหัวจนตาย เพราะเนื่องจากไม่พอใจที่นายอ้อไปก่อเหตุยิงคนในครอบครัวเสียชีวิต
ส่วนสาเหตุนั้นตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับสามีของนางสาวกาละแม โดยให้การกับตำรวจและเล่าให้ตัวเองฟังว่า เมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 5 ต.ค. ตัวของนายอ้อ และนางสาวหนิง มีปากเสียงทะเลาะกันประเด็นโฉนดที่ดิน นางสาวหนิง คนตาย ได้มีการทำธุรกิจขายน้ำมะพร้าวบรรจุขวดส่งร้านขายของชำ เริ่มต้นทำธุรกิจมาพร้อมกับนายอ้อ จนกระทั่งระยะหลังผ่านไป 3 ปี ธุรกิจเติบโต จึงได้มีการทำโรงงานและขยายกิจการ นางสาวหนิงได้เอาโฉนดที่ดินของนายอ้อไปเข้าธนาคาร ได้รับเงินมา 800,000 บาท แต่ได้นำเงินเพียงแค่ส่วนหนึ่งมูลค่า 650,000 บาท ไปซื้อเครื่องจักรบรรจุน้ำมะพร้าวเอามาติดตั้งในโรงงานใหม่ แต่เงินจำนวนที่เหลืออีก 150,000บาท ตัวของคนก่อเหตุเอาไปใช้ส่วนตัว
คนก่อเหตุเห็นว่าระยะหลังนางสาวหนิง คนตาย ได้พาลูกสาวคือนางสาวกาละแม สามีของลูกสาว และญาติพี่น้องเข้ามาช่วยทำธุระ ลักษณะเป็นการกีดกันหรือเอาคนอื่นเข้ามาแทนที่นายอ้อ จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ เข้าไปทวงถามเกี่ยวกับการลงทุนและทำธุรกิจร่วมกัน พร้อมทั้งมีการทวงโฉนดที่ดินคืน พร้อมทั้งบอกกับนายอ้อ คนก่อเหตุว่าหลังจากนี้หากจะเลิกหรือย้ายไปอยู่ที่อื่นก็เชิญ แต่ถ้าอยากจะอยู่ต่อ ก็จะให้สถานะเป็นเพียงแค่ลูกจ้าง ทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะกัน
จนกระทั่งเช้าของวันเกิดเหตุ 6 ต.ค. คาดว่าตัวของนายอ้อ ตื่นขึ้นมาและไม่พอใจที่ทะเลาะกับตัวของนางสาวหนิง ตามที่กล่าวอ้างว่ากอดเมียไม่ได้จึงบันดาลโทสะ และมีการก่อเหตุดังกล่าวขึ้น โดยการทะเลาะกับนางสาวหนิงและยิงกันภายในห้อง ก่อนที่จะเปิดประตูออกมา และเจอกับนางสาวกาละแม ลูกสาวของคนตายยืนอยู่หน้าห้อง จึงได้ตัดสินใจยิงตายอีกคน
ทั้งนี้ เรื่องของอาวุธปืนที่นายอ้อใช้ก่อเหตุ ส่วนตัวทราบว่านายอ้อไปขโมยมาจากน้องสาวซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน โดยน้องสาวของนายอ้อซื้อปืนด้วยเงินจากสวัสดิการ แต่นำปืนมาเก็บเอาไว้ที่บ้าน แล้วตัวของนายอ้ออาจมีประเด็นความขัดแย้งกับนางสาวหนิง จึงไปขโมยปืนพร้อมกับลูกกระสุนปืนของน้องสาวที่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเอามาใช้ก่อเหตุครั้งนี้