จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์รูปป้ายทวงหนี้ขนาดใหญ่ ซึ่งมีภาพผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นลูกหนี้ พร้อมระบุชื่อ-นามสกุล และชื่อเล่น พร้อมรูปถ่ายบัตรประชาชน พร้อมเขียนข้อความทำนองว่า เมื่อโกงคนอื่นก็ไม่ควรมีที่ยืนในสังคม จนกลายเป็นที่ฮือฮาในสังคมออนไลน์ถึงวิธีการทวงหนี้ลักษณะดังกล่าว ก่อนที่โพสต์นี้จะถูกลบไปอย่างรวดเร็ว
วันที่ 1 พ.ย. 61 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่จังหวัดระยอง พบป้ายไวนิลดังกล่าว ขนาด 1 x 1 เมตร ผูกติดกับต้นไม้ริมถนน ข้างบ้านหลังหนึ่งใน ซ.สุขุมวิท 55 ข้างวัดโขดหิน ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง เขียนข้อความตัวใหญ่ว่า โกงเงินแชร์หนีหนี้ เหมือนกับที่มีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก
ซึ่ง
นายอดิศัย คงชำนิ เจ้าของบ้านใกล้กับป้าย กล่าวว่า มีผู้หญิงขับรถมาจอดแล้วนำป้ายมาติดไว้เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา แล้วรีบขับรถออกไปทันที ตนจึงเข้าไปปลดป้ายออก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปมาอาจเข้าใจผิดว่า ผู้หญิงคนที่ถูกประจาน เป็นคนในบ้านของตน
ส่วน
ชาวบ้านที่พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง เปิดเผยว่า คนมาติดป้าย คือ น.ส.ส้ม โดยอ้างว่า เล่นแชร์กับหญิงสาวบนป้าย ซึ่งมีอาชีพเป็นช่างเสริมสวย มือละ 20,000 บาท แต่หญิงสาวบนป้ายเปียร์แชร์ได้เงิน แล้วหายตัวไป และยังโกงเงินแชร์จากไปอีก 200,000 บาท อีกด้วย ซึ่งพี่สาวไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.มาบตาพุด แต่ยังติดตามตัวไม่ได้ ปิดมือถือ บล็อคเฟซบุ๊ค และไลน์ เลยทำป้ายมาติด หวังให้ช่างเสริมสวยคนดังกล่าวคืนเงิน
ทั้งนี้
ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความอิสระ มองว่า การกระทำแบบนี้ เจ้าหนี้มีเจตนาเปิดเผยข้อมูลของลูกหนี้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.การทวงหนี้ มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท และข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท จึงแนะว่า ควรทำสัญญากู้ยืมเงินให้รอบคอบ และหาบุคคลที่มีหลักทรัพย์มาค้ำประกันด้วย ถ้ามีการหนีหนี้ก็ควรไปฟ้องศาล ไม่ใช่นำลูกนี้มาประจาน เพราะลูกหนี้มีสิทธิฟ้องกลับได้