จากกรณีชายคนหนึ่งหลอกบรรดาครูเกษียณอายุราชการว่า กำลังจะไปบวชที่วัดในต่างจังหวัด โดยอ้างว่าจะขอเงินทำบุญไปซื้อผ้าไตรให้ คุณครูหลงเชื่อจึงช่วยเหลือเงินทำบุญ บางรายให้บัตรเอทีเอ็มกดเงินจนเกือบหมด แล้วยังหลอกอีกว่าจะรับครูไปร่วมงานบวช จนบรรดาครูต่างแจ้งเตือนภัยในกรุ๊ปไลน์ว่า ชายคนดังกล่าวเป็นบุคคลอันตราย หากพบเห็นกรุณาอย่าหลงเชื่อ (อ่าน :
เตือนภัย! หนุ่มตระเวนหลอกครูโรงเรียน อ้างเป็นศิษย์เก่า ขอเงินทำบุญบวชพระ)
นอกจากนี้ ทราบชื่อผู้ก่อเหตุแล้วคือ นายชุติศรณ์ จันทร์กลัด หรือ เต้ย และพบว่ามีพฤติกรรมล่อลวงเด็กชายวัย 13 ปี มาทำอนาจารภายในห้องพักส่วนตัวด้วยเช่นกัน (อ่าน :
แฉอีก! หนุ่มตระเวนหลอกเงินครู ล่วงละเมิด ด.ช. วัย 13 แม่ลั่นเอาผิด กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ) ต่อมา ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับเบาะแสจากชาวบ้านในซอยเพชรเกษม 70 ซึ่งถูกนายชุติศรณ์ฉ้อโกง ว่าหลังจากที่หลอกเงินชาวบ้านและหนีไป ล่าสุดมีผู้พบเห็นนายชุติศรณ์กับน้องชาย พักอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง บนถนนพุทธมณฑลสาย 1 นั้น
วันที่ 5 พ.ย. 61
นางสาวศิรินภา จ่าหล้า เจ้าหน้าที่ของอะพาร์ตเมนต์ เล่าว่า ก่อนที่ทีมข่าวจะเดินทางไปถึง ไม่ถึง 30 นาที ตำรวจ สน.หลักสอง ก็เพิ่งจะเข้ามาตามหาตัวนายชุติศรณ์ ซึ่งขณะนี้อะพาร์ตเมนต์เองก็ตามหาตัวบุคคลดังกล่าวอยู่เช่นกัน เนื่องจากเข้ามาพักแล้วหนีไปโดยไม่จ่ายเงินค่าเช่า รวมถึงทำทรัพย์สินเสียหาย รวมกว่า 12,000 บาท
ก่อนหน้านี้นายชุติศรณ์ อ้างว่าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด อยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร และเข้ามาเช่าห้องพักอยู่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ก่อนจะหายไปเมื่อต้นเดือนกันยายน โดยมาพักรวม 4 คน คือนายชุติศรณ์ และน้องชาย และเด็กผู้ชายอีก 2 คน ส่วนลักษณะนิสัยนั้น ตนเห็นว่านายชุติศรณ์พูดจาดี ทำงานน่าเชื่อถือ ซึ่งวันที่ย้ายออกไป นอกจากติดเงินค่าเช่าเเล้ว พบว่านายชุติศรณ์ทำข้าวของในห้องพังเสียหาย เเละติดเงินร้านค้าละแวกใกล้เคียงอีกหลายร้าน
และเมื่อตนพยายามติดต่อไปตามเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้กับอะพาร์ตเมนต์ และส่งข้อความแจ้งให้มาจ่ายค่าห้องที่ค้าง ไม่เช่นนั้นจะไปแจ้งความ ช่วงแรกพบว่านายชุติศรณ์ยังรับสาย และสัญญาว่าจะมาเคลียร์เงินที่ค้างอยู่ให้ แต่ในภายหลังกลับปิดเครื่อง และไม่สามารถติดต่อได้อีก
ด้าน
พ.ต.อ. อนุรักษ์ ยศประสิทธิ์ ผกก.สน.หลักสอง กล่าวว่า มิจฉาชีพรายนี้ ตระเวนก่อเหตุหลอกลวงเหยื่อในที่ต่าง ๆ โดย หนึ่งในนั้นคือเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่ภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพขณะนายชุติศรณ์เข้าไปหลอกเงิน จากร้านขายของชำได้ไป 5,000 บาท โดยผู้เสียหายมาแจ้งความที่ สน.หลักสอง ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามตัว และเตรียมออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาในคดีที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้ ซึ่งหากนายชุติศรณ์ไม่มา เจ้าหน้าที่ก็จะออกหมายเรียกครั้งที่สอง และเตรียมขอออกหมายจับต่อไป
นอกจากนี้
นางละออง เสาเคหา เพื่อนร่วมอะพาร์ตเมนต์ของนายชุติศรณ์ เปิดเผยว่า ช่วงประมาณกลางปีที่ผ่านมา ตนเห็นนายเต้ยมาพักอาศัยที่อะพาร์ตเมนต์ในลักษณะเช่ารายวัน วันละ 600 บาท จากนั้นเช่าได้ราว 1 สัปดาห์ นายเต้ยก็ขอเปลี่ยนเป็นเช่ารายเดือน ปรากฎว่านายเต้ยค้างค่าเช่าหอพักไว้ประมาณ 2-3 เดือน เดือนละ 4,200 บาท โดยนายเต้ยมักจะเปิดแอร์ทิ้งไว้ในห้องตลอด จึงไม่แน่ชัดว่าค่าไฟของห้องนายเต้ยรวมแล้วกี่บาท
ส่วนตัวไม่ได้สนิทสนมกับนายเต้ยมากนัก พบว่านิสัยค่อนข้างพูดจาดี และเคยอ้างว่าตัวเองเป็นแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตนเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นแพทย์จริงหรือไม่ เพราะทราบมาว่าเขาเคยขอยืมเงินคนอื่นมากถึง 27,000 บาท อ้างว่าจะคืนให้วันที่ 2 พ.ย. แต่กลับหนีไปก่อน
ทั้งนี้ เขาเคยมาขอยืมเงินตนไปประมาณ 2,000-3,000 บาท แต่ตนก็ไม่ได้ให้ยืม โดยอ้างว่าไม่มีให้ ที่ผ่านมาตนมักเห็นเขาพาเด็กผู้ชายไม่ซ้ำหน้ากัน อายุประมาณ 10 กว่าปี มานอนค้างที่ห้องทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน โดยนายเต้ยจะอ้างว่าเป็นญาติบ้างเป็นน้องบ้าง แต่โดยส่วนตัวตนเองไม่ค่อยเชื่อ เพราะญาติอะไรจะเยอะขนาดนั้น ตนจึงคิดว่าเด็ก ๆ เหล่านี้น่าจะถูกล่อลวงมา ซึ่งเมื่อทราบว่าเป็นบุคคลเดียวกับที่กำลังตกเป็นข่าวก็รู้สึกตกใจ และคิดว่านายเต้ยเป็นอันตรายกับสังคม