ผัวหึงเมียนอนเปลือยจุดไฟเผาทั้งเป็น ไม่หนำใจอุ้มทีวีทุ่ม คนเจ็บรักผัวยอมอภัย

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 64 ร.ต.อ.ณรงค์ เกตุหอม รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รับแจ้งเหตุชายใช้น้ำมันเผาภรรยาบาดเจ็บสาหัส ในบ้านหมู่ 13 ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย 1669

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ภายในชั้นบนของบ้าน พบหญิงสาวนอนอยู่กับพื้นบ้าน ลำตัวถูกไฟไหม้อาการสาหัส ทราบชื่อ นางสาวแดง (นามสมมติ) อายุ 49 ปี เป็นภรรยาของนายคำปุ่น พรหมบุตร ผู้ก่อเหตุ และเป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งตำรวจยังไม่ได้จับกุม เนื่องจากผู้บาดเจ็บยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี

ล่าสุด วันที่ 19 ต.ค. 64 เวลา 11.00 น. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของนายคำปุ่น พรหมบุตร ผู้ก่อเหตุ ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งไม้ครึ่งปูน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เดินทางไปตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่ได้ไปพบกับนายคำปุ่น ผู้ก่อเหตุ ที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตามปกติ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ เพื่อสอบถามประวัติและข้อมูล ซึ่งนายคำปุ่นให้ข้อมูลกับตำรวจว่าตัวเองคือผู้ก่อเหตุที่ทำร้ายร่างกายภรรยาจริง

นายคำปุ่น ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 16.30 น. ของเมื่อวานนี้ ตัวเองขับมอเตอร์ไซค์จากทำงานมาถึงบ้าน ได้เห็นว่าที่แคร่ไม้ข้างบ้าน มีนายนายนิพนธ์ โทตระกูล อายุ 43 ปี มีศักดิ์เป็นหลานชายตัวเองนั่งดื่มเหล้าอยู่ จากนั้นตัวเองจึงเดินเข้าไปในบ้าน แล้วพบว่านางสาวแดง (นามสมมติ) ภรรยาของตัวเอง นอนอยู่ข้างที่นอนในห้องนอนชั้น 1 ของบ้าน สภาพภรรยาตัวเองนั้น นอนเปลือยท่อนล่างอยู่ ส่วน ด.ช.ขาว อายุ 14 ปี ลูกติดภรรยานอนบนชั้นบนของบ้าน

ด้วยความที่เห็นภรรยานอนเปลือยท่อนล่าง ทำให้ตัวเองรู้สึกโกรธภรรยา หึงหวงภรรยา คิดว่าภรรยากับชายที่มาดื่มเหล้าด้วยกัน คงหลับนอนด้วยกันแน่นอน จึงพิสูจน์ด้วยการใช้มือสัมผัสอวัยวะเพศภรรยาเพื่อดูว่ามีคราบอสุจิผู้ชายหรือไม่ แต่ก็ไม่พบ

ต่อมาตัวเองจึงเดินไปที่หน้าบ้าน ใช้สายยางไปต่อกับท่อเติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ ใช้ปากดูดน้ำมันจากรถมอเตอร์ไซค์ แล้วอมน้ำมันไปบ้วนใส่ร่างกายภรรยา จุดไฟแช็กเผาภรรยา ก่อนขับรถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปยังวัดผาสุการาม จ.อุบลราชธานี เพื่อไปใช้บริการอบสมุนไพรที่วัด เพราะกลัวเชื้อโรคต่าง ๆ จากภรรยา เช่น โควิด-19 อีกทั้งการอบสมุนไพรทำให้ตัวเองสบายใจขึ้น โดยตัวเองไม่ได้คิดหลบหนีแต่อย่างใด เมื่อคืนนี้ตัวเองก็ยังกลับมานอนที่บ้านตามปกติ

ตนยืนยันว่าตัวเองก่อเหตุเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่หึงหวงภรรยากับญาติที่มาดื่มเหล้าด้วย ตัวเองไม่ได้วางแผน และไม่มีเจตนาฆ่าแต่อย่างใด ส่วนภรรยามีบาดแผลที่ศีรษะ ตัวเองไม่ได้ทำร้ายร่างกายภรรยา สำหรับภรรยาของตัวเองและนายนิพนธ์ ที่ผ่านมาเขาก็มากินเหล้าด้วยกันเป็นประจำ แน่ทุกครั้งตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกหึงหวงแต่อย่างใด เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าภรรยาของตัวเองไม่นอนเปลือยท่อนล่าง ก็คงไม่เกิดเรื่อง

ตัวเองตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมภรรยาที่โรงพยาบาล ถ้าเจอหน้าภรรยาตัวเองอยากจะถามเขาว่า เขาจะเอาเรื่องตัวเองไหม ถ้าเขาเอาเรื่องตัวเอง ตัวเองติดคุก แล้วใครจะทำงานหาเลี้ยงเขา เพราะที่ผ่านมาตัวเองทำงานเลี้ยงภรรยาและลูกติดภรรยาอีก 1 คน สำหรับตัวเองและภรรยาคบหากันได้ประมาณ 20 ปี ถ้าครอบครัวภรรยาจะเอาเรื่องตัวเอง ตัวเองก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนกฎหมาย ตัวเองผิดก็ยอมรับผิด

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้นายคำปุ่น ผู้ก่อเหตุ ไปชี้จุดเกิดเหตุเพื่อเจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมหลักฐาน ซึ่งนายคำปุ่นได้ไปชี้จุดบริเวณห้องนอนชั้น 1 ของบ้าน เป็นจุดที่เจ้าตัวลงมือก่อเหตุจุดไฟเผาภรรยา และนายคำปุ่นสาธิตการบ้วนน้ำมันใส่ภรรยาอีกด้วย

หลังจากให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว และให้ข้อมูลตำรวจเสร็จแล้ว นายคำปุ่น ผู้ก่อเหตุ ได้ล็อคกุญแจปิดประตูบ้าน แล้วขับรถมอเตอไซค์เพื่อจะไปเยี่ยมภรรยาที่โรงพยาบาล

นายนิพนธ์ โทตระกูล อายุ 43 ปี ผู้ชายคนที่ไปนั่งดื่มเหล้ากับภรรยาคนก่อเหตุ บ้านของนายนิพนธ์อยู่ห่างจากบ้านหลังเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร เปิดใจว่า ช่วงค่ำของเมื่อวานนี้ นางสาวแดง (นามสมมติ) เขามาเรียกให้ตัวเองไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเขา ซึ่งเขาบอกว่าเขาเพิ่งทะเลาะกับสามีของเขามา ตัวเองจึงไปนั่งดื่มเหล้าเป็นเพื่อนกับนางสาวแดง โดยนั่งดื่มกัน 2 คนที่บริเวณแคร่ไม้ข้างบ้านหลังเกิดเหตุ

ซึ่งตอนที่นั่งดื่มเหล้าตัวเองและนางสาวแดงก็นั่งพูดตุยกันปกติ ไม่ได้แตะต้องตัวกันแต่อย่างใด นั่งดื่มไปดื่มมา ตัวเองก็เมา แล้วไม่รู้ว่านางสาวแดงเข้าไปนอนในบ้านเขาตอนไหน ตัวเองก็ไม่เห็นเหตุการณ์ตอนนางสาวแดงถูกสามีจุดไฟเผา ขนาดตัวเองกลับมาอยู่ที่บ้านได้อย่างไรตัวเองก็ยังไม่รู้เรื่องเลย เพราะตอนนั้นเมาเหล้าหนักมาก สาเหตุที่นายคำปุ่นก่อเหตุ ตัวเองก็คาดว่าน่าจะเป็นเพราะสองคนนี้เขาชอบทะเลาะกันเป็นประจำอยู่แล้ว สำหรับตัวเองนาน ๆ ครั้งจะไปกินเหล้ากับนางสาวแดง ขอยืนยันว่าตัวเองไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางสาวแดง

หลังจากทราบข่าวว่านางสาวแดงถูกนายคำปุ่นจุดไฟเผา ตัวเองก็รู้สึกตกใจ และตัวเองก็อยากอธิบายให้นายคำปุ่นฟังว่าตัวเองแค่ไปกินเหล้ากัลนางสาวแดงเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น

นางสาวชมพู ลูกสาวของผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า จากการสอบถาม ด.ช.ขาว (นามสมมติ) วัย 14 ปี น้องชายตัวเองที่อยู่ในเหตุการณ์ เขาเล่าเหตุการณ์ให้ตัวเองฟังว่า ตอนเกิดเหตุ ด.ช.ขาว นอนอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน ส่วนแม่ของตัวเองนอนในที่นอนชั้น 1 ของบ้าน ส่วนนายนิพนธ์ เขานั่งดื่มเหล้าที่แคร่ไม้ข้างบ้าน ระหว่างที่เกิดเหตุ ด.ช.ขาว เขาได้ยินเสียงนายคำปุ่นและแม่ของตัวเองกำลังทะเลาะกัน คาดว่าตอนนั้นนายคำปุ่นน่าจะมีการทำร้ายร่างกายแม่ของตัวเองไปแล้วรอบหนึ่ง น้องชายตัวเองลงไปดูเหตุการณ์ นายคำปุ่นได้ให้น้องชายตัวเองขับรถไปส่งนายนิพนธ์ ชายที่นั่งดื่มเหล้าที่บ้าน

กระทั่งน้องชายตัวเองกลับมาถึงบ้าน นายคำปุ่น ผู้ก่อเหตุ เขาได้เดินมาบอก ด.ช.ขาวว่า "กูฆ่าแม่มึงแล้วนะ กูเผาแม่มึงแล้วนะ" จากนั้น ด.ช.ขาว ก็รีบวิ่งเข้าไปหานางสาวแดง ก็พบสภาพแม่กำลังถูกไฟไหม้ จากนั้น ด.ช.ขาว ได้ไปเอาน้ำและเสื้อผ้ามาดับไฟที่ไหม้ตามตัวแม่ ส่วนแม่ของตัวเองก็ได้วิ่งหนีขึ้นไปยังชั้น 2 ของบ้าน เพราะว่านายคำปุ่น ผู้ก่อเหตุ เขาจะตามไปจุดไฟเผาแม่อีก แต่ ด.ช.ขาว ได้ขอร้องเอาไว้ ไม่ให้นายคำปุ่นทำร้ายแม่ กระทั่งนายคำปุ่นเขาเดินออกจากบ้าน แล้วขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไป เหตุการณ์ครั้งนี้ ถ้าน้องชายตัวเองไม่อยู่ตรงนั้น ตัวเองคงคิดว่าแม่ตัวเองคงเสียชีวิตไปแล้ว

สำหรับอาการบาดเจ็บแม่ของตัวเอง มีรอยถูกไหม้ ผิวหนังเปิดที่บริเวณตั้งแต่ต้นขาไปถึงใบหน้า และบริเวณแขนซ้าย ส่วนบริเวณกลางศีรษะแม่มีรอยแตก เย็บประมาณ 4 เข็ม แล้วแม่ก็ยังพูดคุยไม่ได้ ที่ผ่านมาเวลาแม่ตัวเองเมาเหล้าก็จะถูกนายคำปุ่นทำร้ายร่างกายเป็นประจำ แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุด ตัวเองก็รู้สึกรับไม่ได้ เพราะตัวเองมีแม่แค่คนเดียว แม่ตัวเองเป็นอะไรมา แล้วตัวเองจะอยู่กับใคร ก่อนหน้านี้ตัวเองเคยบอกให้แม่ออกมาจากชีวิตนายคำปุ่นแล้วมาอยู่กับตัวเอง แต่แม่ก็ไม่ยอม แม่รักผู้ชายคนนั้นมาก ถึงยอมทนอยู่กับเขา ทนให้เขาทุบตี ยืนยันว่าตัวเองจะเอาเรื่องผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด

ที่ผู้ก่อเหตุเขาบอกว่าไม่อยากให้เอาเรื่อง เพราะถ้าเขาติดคุก แม่จะไม่มีคนเลี้ยงดู เพราะที่ผ่านมาเขาเลี้ยงดูครอบครัวแม่มาตลอดนั้น ตัวเองก็ยอมรับว่าเขาหาเลี้ยงครอบครัวตัวเองก็จริง แต่เขาไม่มีสิทธิ์มาทำกับแม่ตัวเองแบบนี้ ตอนนี้ตัวเองก็อยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับเขาได้แล้ว เพราะตัวเองก็เห็นว่าผู้ก่อเหตุเขายังอยู่บ้านตามปกติ ยังไม่ถูกแจ้งข้อหาแต่อย่างใด ตำรวจจะต้องรอให้แม่ตัวเองตายก่อนหรือ ถึงจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ตัวเองไม่มีทางให้นายคำปุ่นมาเยี่ยมแม่ตัวเอง และตัวเองก็ตัดขาดกับนายคำปุ่นแล้ว ถ้าแม่ตัวเองหายดี จะไม่ยอมให้แม่กลับไปอยู่กับเขาอีกแล้ว

นอกจากนี้ นางสาวชมพูส่งคลิปที่ไปเยี่ยมดูอาการแม่ให้ทีมข่าว เห็นนางสาวชมพูพยายามเรียกแม่ว่า "แม่ แม่" แต่นางสาวแดง ผู้บาดเจ็บ ก็ไม่สามารถจะพูดตอบโต้ได้

เวลา 18.20 น. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านหลังเกิดเหตุ พบกับนายคำปุ่น ผู้ก่อเหตุอีกครั้ง เล่าอีกครั้งว่า หลังจากที่ตัวเองให้สัมภาษณ์ช่วงสายของวันนี้ ตัวเองไม่ได้ทำร้ายร่างกายภรรยา มีแค่จุดไฟเผานั้น ตัวเองจำเหตุการณ์ได้แล้วว่าตอนเกิดเหตุ ตัวเองได้ยกโทรทัศน์ทุ่มใส่ภรรยา 1 ครั้ง แต่ไม่รู้ว่าทุ่มใส่ร่างกายส่วนไหนของภรรยา จำไม่ได้ว่าทุ่มใส่ภรรยาก่อนหรือหลังจุดไฟเผา เพราะตอนก่อเหตุตัวเองก็มีอาการมึนเมาด้วย  ยอมรับว่าตอนนี้ตัวเองคิดถึงภรรยามาก ช่วงบ่ายวันนี้ตัวเองขับรถไปเยี่ยมภรรยาแล้ว แต่แพทย์เขาก็ไม่ให้เยี่ยม เนื่องจากเป็นช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19

หลังจากนี้ ถ้าลูกสาวของภรรยาเขาไม่ให้แม่ของเขามาที่บ้านตัวเองอีก ตัวเองก็คิดว่าแล้วแต่จุดประสงค์ของเขา แต่ถ้านางสาวแดง เขาอยากจะมาหาตัวเองที่บ้าน ตัวเองก็ยินดีต้อนรับเสมอ