วันที่ 6 พ.ย. 61 ที่วัดทุ่งชะมด บ้านโคกขมิ้น ต.หนองเต็ง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ พบว่ามีชายฉกรรจ์สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้าประมาณ 20 คน พร้อมอาวุธทั้งปืน มีด เลื่อยโซ่ยนต์ และเครื่องปั่นไฟ นั่งรถยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจำนวน 5 คัน บุกเข้าไปภายในวัดทุ่งชะมด ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. วันนี้ (6 พ.ย.61)
จากนั้นคนร้ายได้กระจายกำลังทำหน้าที่ ทั้งยืนถืออาวุธคุมเชิง ส่วนเหลือใช้เลื่อยยนต์โค่นต้นพะยูง ก่อนจะตัดเป็นท่อน และลำเลียงที่ขึ้นรถยนต์ที่จอดติดเครื่องรอไว้ โดยแก๊งคนร้ายใช้เวลาเพียง 20 นาที สามารถโค่นต้นพะยูงที่อยู่บริเวณติดรั้วด้านหน้าวัดได้ถึง 3 ต้น คือ ต้นพะยูงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 140 ซม. ยาว 780 ซม. ต้นพะยูงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 60 ซม. ยาวประมาณ 223 ซม. ส่วนต้นพะยูงต้นที่ 3 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 36 ซม. ถูกตัดแล้วแต่คนร้ายไม่ได้ขนไป คาดว่าต้นพะยูงที่ถูกลักลอบตัดในครั้งนี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 50 – 100 ปี และมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท
ชาวบ้าน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า พฤติการณ์ของคนร้ายกลุ่มนี้ท้าทายกฎหมายเป็นอย่างมาก เพราะขณะก่อเหตุมีทั้งพระและชาวบ้านอยู่ด้วย แต่ถูกคนร้ายที่ยืนคุมเชิงถืออาวุธข่มขู่ ห้ามไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง ทั้งพระและชาวบ้านจึงได้แต่ยืนดูเพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย ก่อนจะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ ต้นพะยูงที่ถูกตัดยังได้โค่นทับสายไฟฟ้าภายในวัดได้รับความเสียหายด้วย ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น สร้างความหวาดผวาให้กับพระสงฆ์ และชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ด้าน
พระสมพร สัจจะญาโณ พระลูกวัด เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ตนได้ยินเสียงต้นไม้โค่น จึงออกมาดู พบกลุ่มคนร้ายเกือบ 20 คน สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า ลักลอบตัดโค่นต้นพะยูงภายในวัด แต่ตนก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้เพราะเชื่อว่าคนร้ายมีอาวุธติดตัวแน่นอน อีกทั้งคนร้ายได้ชูอาวุธมีดตะโกนข่มขู่พระและชาวบ้าน ห้ามเข้าไปยุ่ง จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ และตนต้องการให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามแก๊งคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพราะเป็นพฤติกรรมที่อุกอาจมาก
ทั้งนี้ หลังทราบเรื่อง พ.ต.อ.สุชาติ ละลี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกระสัง ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ชัชพล ชินวงศ์ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.กระสัง นำกำลังตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบวัดที่เกิดเหตุ เพื่อหาข้อมูลเบาะแสแก๊งคนร้ายดังกล่าว ซึ่งคาดว่าเป็นแก๊งเดียวกันกับที่ตระเวนลอบตัดไม้พะยูงตามวัด และโรงเรียนมามาหลายพื้นที่ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะได้เร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว พร้อมกันนี้ยังได้ขอความร่วมมือกับวัด ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ให้ช่วยกันสอดส่องหากพบเห็นบุคคลต้องสงสัย หรือแก๊งคนร้ายลงมือก่อเหตุอีกให้รีบแจ้งเจ้าหน้าทันที