เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 64 เวลาประมาณ 21.30 น. ร.ต.ท.นำโชค ดวงสุวรรณ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสระบุรี และกู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุ นายสมเพ็ญ ปุณณรัตนกุล หรือ เสี่ยเปี๊ยก อายุ 58 ปี ถูกยิงกันเสียชีวิต ภายในซอย 19 ถ.พิชัยรณรงค์สงคราม ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี ตรงข้ามกองพันทหารม้าที่ 11 รักษาพระองค์
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่กับพื้นผิวถนน จมกองเลือด สภาพนอนตะแคงคว่ำหน้า สวมชุดกางเกงกีฬาขาสั้นสีฟ้า สวมเสื้อกล้ามสีฟ้า มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. เข้าที่อกซ้าย อกขวา ไหปลาร้าขวา หน้าท้อง 3 นัด แขนซ้าย และขาทั้ง 2 ข้าง ใกล้ศพพบปลอกระสุนปืนตกอยู่เกลื่อนถนนนับได้จำนวน 11 ปลอก นับหัวกระสุนได้อีก 3 หัว
วันที่ 21 ต.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ย้อนกลับไปซอยที่เกิดเหตุ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี เช้าวันนี้ได้มีชุดสืบสวนมีการแกะรอยหาตัวคนร้ายและผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติม จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.30 น. ได้พาตัวลุงเบื้อก หรือ ร้อยตรีรีวิเชียร เข็มกลัด อายุ 72 ปี เพื่อนบ้านคนตาย และผู้ต้องสงสัย
เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการตรวจค้นของกลาง มีการตรวจยึดอาวุธปืน กระสุนปืนที่เหลืออยู่ในบ้าน ชุดที่มีการสวมใส่ในวันเกิดเหตุ เก็บใส่ซองหลักฐาน ส่งตรวจที่นิติวิทยาศาสตร์ โดยกองพิสูจน์หลักฐาน เบื้องต้นต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันเทียบเคียงกับหลักฐานในที่เกิดเหตุก่อน จึงจะมีการขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติม โดยท่าทีวันนี้มีสีหน้าเคร่งเครียด แต่ไม่ได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าว ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตรวจค้นบ้าน จากนั้นก็รีบขึ้นรถชุดสืบสวนออกไปจากบ้านโดยทันที
สำหรับความคืบหน้าทางคดี ตำรวจได้มีการแกะรอยจากกล้องวงจรปิด โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดของชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ มีเพียงแค่กล้องจุดที่เห็นคนตายเดินผ่าน ก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ส่วนกล้องวงจรปิดบ้านอื่นใช้การไม่ได้ ในซอยดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดของเขตเทศบาลเมืองติดตั้งอยู่ มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากต้นซอย ท้ายซอย และปลายซอย ไม่พบความเคลื่อนไหวทั้งก่อนหลังของรถต้องสงสัยเข้าออก ในขณะที่ได้ยินเสียงปืน เชื่อว่าคนก่อเหตุอยู่ในรัศมีจุดยิงอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ มีชาวบ้านในละแวกพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เดินทางเข้าให้ปากคำในฐานะพยาน พบเห็นความเคลื่อนไหวของบ้านหลังหนึ่ง ที่เคยมีปากเสียงกับคนตาย ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน และยังพบการเปิดปิดประตูรั้วบ้านของบ้านต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการลงตรวจคนที่บ้านหลังดังกล่าวในวันนี้ จนกระทั่งพบหลักฐานบางอย่างที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับคดีนี้ได้
นายยานยนต์ (นามสมมติ) เพื่อนบ้านของผู้ต้องสงสัย เปิดใจว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงหลายสัปดาห์ต่อเนื่องกัน มักจะได้ยินเสียงของลุงเบื้อก ผู้ต้องสงสัย ทะเลาะและมีปากเสียงกับภรรยาใหม่ จนกระทั่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาลุงเบื้อกมีการโทรคุย พร้อมกับเปิดลำโพงเสียงดัง ตามง้อแต่ไม่สำเร็จ และยังพูดทำนองว่าจะขอหย่า จะจัดการอะไรก็ทำให้แล้วเสร็จ อย่าให้คาราคาชัง ซึ่งคำพูดก็ค่อนข้างรุนแรงพอสมควร มีการใช้อารมณ์พูดคุยกับภรรยา แต่สำหรับตัวของลุงเบื้อก ตนเองยังไม่เคยเห็นมีปากเสียงกับคนตาย ซึ่งไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้อาจมีเรื่องทะเลาะอะไรกันมาก่อนหรือไม่
จนกระทั่งในคืนวันเกิดเหตุ ตนเองไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูของบ้านลุง แต่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นรัวชุดแรก และได้ยินเสียงคนตายพูดออกมาว่า "พอแล้ว อย่า ๆ" และยังร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่เสียงปืนจะดังรัวขึ้นอีกครั้ง ทุกอย่างก็เงียบไป แต่ได้ยินเสียงคนปิดประตูรั้วบ้านหลังสิ้นเสียงปืน ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าวตนเองจึงเดินทางไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะพยาน
สำหรับนิสัยส่วนตัวของลุงเบื้อก เป็นคนอารมณ์รุนแรง เป็นคนโผงผาง หากไม่พอใจอะไรก็จะพูดหรือใช้กิริยาแสดงออกมาโดยทันที ทำให้เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง เพียงแค่เห็นยิ้มทักทาย สำหรับการก่อเหตุครั้งนี้ ทุกคนก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน แต่ก็อาจเชื่อว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่อาจจะมีความบาดหมางเกิดขึ้นมานานแล้วก็ได้ นอกจากนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างที่จะเงียบ ไม่กล้าออกมาให้ข้อมูล เพราะกลัวเรื่องของความปลอดภัย
นอกจากนี้ ข้อมูลจากตำรวจระบุว่าแรงจูงใจที่ก่อเหตุคือปัญหาสะสมที่มีมานานกว่า 1 ปี หึงหวงเพราะคิดว่ามีคนแอบมอง แอบส่งสายตาให้ภรรยาเจ้าตัวนั้น
นอกจากนี้ เพื่อนบ้านระบุว่า สำหรับตัวของคนตาย ปกติจะเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายและออกมาเดินช่วงหัวค่ำหรือกลางคืน โดยเจ้าตัวจะพาสุนัข 2 ตัว ออกมาเดินออกกำลังกายพร้อมกัน และเดินรับไปมาเกือบทุกซอย บางครั้งก็จะเหมือนออกไปเล่นบาส เพราะใส่ชุดกีฬา และจะถือลูกบาสติดมือมาด้วย บางครั้งก็จะใช้ลูกบาสเดาะไปกับพื้นส่งเสียงดังลั่นซอย อาจทำให้คนร้ายดักรอได้ ส่วนตัวเท่าที่ดูจากพฤติกรรมของคนตาย ก็เป็นคนเงียบนิ่ง ๆ ไม่ได้สุงสิงหรือมีเรื่องกับใคร