สืบเนื่องจากกำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากพบว่าพระลูกวัดชื่อดังแห่งหนึ่ง พาสีกาเข้าไปร่วมหลับนอนในรีสอร์ต ในเขตเทศบาลตำบลวังชัย จึงได้ประสานไปยังตำรวจสายตรวจ สภ.น้ำพอง ก่อนจะรุดเดินทางไปยังรีสอร์ตดังกล่าว
เมื่อไปถึงตำรวจจึงได้เคาะประตู พร้อมกับแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น กระทั่งมีชายสูงอายุเปิดประตูออกมา ลักษณะนุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาว ไม่สวมเสื้อ ศีรษะโล้น ไม่มีคิ้ว ภายในห้องพบผู้หญิง อายุประมาณ 40 ปี กึ่งนอนกึ่งนั่งนุ่งผ้าเช็ดตัวสีแดง จึงได้เชิญตัวออกมาจากห้องพร้อมกับสอบถามจนทราบว่า นายอารมณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี เป็นพระลูกวัดอีสาน ขณะที่ผู้หญิงก็เป็นคนในพื้นที่ ทราบชื่อว่า นางจำปี (นามสมมติ)
ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวไปดำเนินคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจปัสสาวะ พบสารเสพติดในร่างกาย พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเสพยาเสพติด และมีสารเสพติดในร่างกาย ส่วนทางสงฆ์ได้ขาดจากการเป็นพระสงฆ์โดยไม่ต้องสึก ในข้อหาเสพเมถุน ปาราชิกไปโดยปริยาย
ล่าสุดวันที่ 25 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปลงพื้นที่ไปยังบริเวณหมู่ 3 บ้านท่าโพธิ์ ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น มีโอกาสพูดคุยกับ นายไพทูล อุทัยทะวัง ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า พระสมุห์วราวุฒิ เตชธมฺโม เจ้าอาวาสวัดอีสาน ได้โทรศัพท์มาบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น พบว่ามีพระลูกวัดที่มาบวชพรรษาในวัดได้ไปร่วมหลับนอนกับสีกาที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ตนจึงประสานเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อเดินทางไปถึงก็ปรากฎตามข่าวที่ออกไป คือ พระอารมณ์ กับหญิงสาวรายดังกล่าว อยู่ในชุดที่ทั้งคู่กำลังสวมผ้าขนหนู ก่อนที่พระอารมณ์จะพูดจาประมาณว่า คนที่แจ้งเจ้าหน้าที่คงเป็นเจ้าอาวาสอย่างแน่นอน ตำรวจก็ได้ห้ามปรามและระงับสติอารมณ์ ก่อนที่พระอารมณ์ จะแจ้งว่า "ผมไม่ผิด เพราะได้สึกจากการเป็นพระแล้ว"
เมื่อถามว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าอาวาสทราบเรื่องรายละเอียดที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ในส่วนนี้ที่ผ่านมา เจ้าอาวาสได้จับตาและพบพิรุธในหลาย ๆ เรื่อง ครั้งนี้เจ้าอาวาสได้เรียกพระอีกรูปหนึ่งที่บวชพรรษาด้วย เข้ามาสอบถาม เพราะทั้งคู่สนิทกัน โดยพระรูปดังกล่าวได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ขับรถเก๋งส่วนตัวไปส่งพระอารมณ์จริง ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งห่างไปจากวัดประมาณ 5 กิโลเมตร โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว ซึ่งพอเจ้าอาวาสทราบเรื่อง จึงประสานมายังตนและเข้าตรวจค้นตามที่เป็นข่าว
นางเปรมสุดา (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า จริง ๆ แล้วตนรู้จักกับผู้ก่อเหตุเป็นอย่างดี เพราะเขาก็เป็นคนในพื้นที่ ลักษณะนิสัยของเขาจะเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เหล้าเมายา แต่ไม่เคยทำความเดือดร้อนใคร หากเขาไม่เมาก็จะเป็นคนที่ค่อนข้างขยัน ช่วยที่บ้านทำไร่ทำนา เมื่อ 10 ปีก่อน เขาก็เคยแต่งงานมีครอบครัวกับหญิงชาว จ.อุดรธานี แต่ได้เลิกรากันมานานแล้ว ก่อนที่เขาจะกลับมาอยู่กับพ่อและแม่ในหมู่บ้าน ซึ่งก่อนบวชทราบว่าเขาอยากทดแทนพระคุณพ่อแม่ เลยตัดสินใจบวช
ขณะที่ผู้หญิงคนดังกล่าว ก็เป็นคนในพื้นที่เหมือนกัน อาศัยอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่บริเวณหน้าวัดอีสาน ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียดว่าเขาเป็นคนอย่างไร แต่ทราบมาจากคนในพื้นที่ว่า เขาทั้ง 2 คน อาจจะชอบคอกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้ชาวบ้านก็รับไม่ได้ เพราะทุกคนมองว่าเป็นเรื่องที่ทำให้หมู่บ้านเสียชื่อเสียง
ทีมข่าวได้เดินทางไปยังรีสอร์ตที่เกิดเหตุ พบเป็นรีสอร์ตรายวัน มีห้องพักจำนวน 11 ห้อง ทีมข่าวได้พูดคุยกับ จ.ส.ต.สุนทร ไข่ศรศักดิ์ เจ้าของรีสอร์ท พาทีมข่าวไปยังห้องที่เกิดเหตุซึ่งเป็นห้องหมายเลข 9 โดยจ.ส.ต.สุนทร ให้ข้อมูลว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นตนไม่ทราบมาก่อนว่าเขาเป็นพระ แต่ยอมรับที่ผ่านมา เขาเคยมาใช้บริการแล้ว 3 ครั้งในช่วงเดือนก.ย.64 ที่ผ่านมา รวมครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 4
ในครั้งแรกที่เขามาติดต่อ ตนก็ได้สังเกตและสอบถามว่าทำไมโกนผมกับโกนคิ้ว เขาตอบว่า "แม่เพิ่งเสีย บวชหน้าไฟให้ท่าน" ตนก็ไม่ได้สอบถามอะไรต่อจากนั้น กระทั่งเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.64) ตนอดสงสัยที่จะสอบถามไม่ได้ เพราะผ่านมาเดือนกว่าผมของเขาก็ยังไม่ยาว เลยถามอีกครั้ง เขาก็บอกว่า "เพิ่งตัดผม ชอบแบบนี้" ตนก็ไม่ได้คิดอะไรและปล่อยเลยตามเลย
ทั้งนี้ในส่วนของพฤติกรรมของชายรายดังกล่าว ทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการจะมีรถเก๋งสีน้ำเงิน ขับรถมาส่งหน้ารีสอร์ต ก่อนที่จะเดินเข้ามาติดต่อขอเช่าห้องพัก เป็นราย 3 ชั่วโมง 200 บาท แต่ครั้งล่าสุดเช่าเป็นรายคืน 400 บาท ทุกครั้งที่มาใช้บริการจะมาพร้อมน้ำดื่ม และเหล้าขาว 1 ขวด และจะมาก่อนผู้หญิงประมาณ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง
ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของนายอารมณ์ เพราะอยู่ห่างจากวัดประมาณ 2 กิโลเมตร พบว่าเปิดเป็นร้านชำ ทีมข่าวได้เข้าไปสอบถามพบว่าพ่อแม่ของนายอารมณ์ ไม่อยู่บ้าน จะมีแต่นางมธุสร (นามสมมติ) พี่สาวของนายอารมณ์ กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมกับทุก ๆ คน ยืนยันว่าก่อนหน้านี้ไม่ทราบมาก่อนว่าน้องสาวจะมีพฤติกรรมแบบนี้
โดยก่อนหน้าที่เขาจะบวช ครอบครัวก็ห้ามตลอดว่าไม่ให้บวช เพราะทราบดีว่ามีนิสัยดื่มเหล้า กับเรื่องผู้หญิง เขาคงตัดไม่ได้ จึงไม่อยากให้บวช กระทั่งเกิดเรื่องดังกล่าวจริง ๆ ตนก็ไม่รู้ว่าคุยกันมานานหรือยัง ก่อนบวชหรือหลังบวช เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นเขาพาผู้หญิงคนดังกล่าวเข้ามาที่บ้าน ครอบครัวคงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ พ่อแม่คงไม่เข้าไปยุ่ง