ตายทรมาน! หนุ่มถูกตีหัววิ่งไปป่ากล้วยถ่ายเซลฟี่ เพื่อนคิดว่าแกล้งปล่อยสิ้นลม (คลิป)

25 ต.ค. 64

กรณี​เจ้าหน้าที่ตำรวจ​ สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งมีคนพบศพ สภาพเหลือแต่โครงกระดูก​ ไม่สวมเสื้อ​ ข้าง ๆ พบรองเท้าแตะ 1 ข้าง อยู่ในพงหญ้าข้างกอกล้วย ภายในกำแพงรั้วมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชทุ่งใหญ่ (มทร.) สันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10-15 วัน

216833

โดยมาทราบภายหลังว่าผู้ที่เสียชีวิต คือ นายภาคภูมิ รามฤทธิ์ อายุ​ 27​ ปี ชาวต.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช 

ล่าสุดวันที่ 25 ต.ค.64 ทีมข่าวโทรสอบถาม​ พ.ต.อ.กิตติพงศ์ ทองทิพย์​ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ ให้ข้อมูลว่า​ ช่วงเช้าได้นำกำลังเข้าควบคุมตัวผู้ตัวนายอธิศักดิ์​ หรือ​ บ่าวต่างสี​ อายุ​ 41 ปี​ อยู่บ้านเลขที่ 121/3 หมู่ 5 ต.ทุ่งใหญ่​ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช​ ผู้ต้องหา​ ให้การรับสารภาพว่า พบนายภาคภูมิที่ขนำ ห่างจากจุดเกิดเหตุ 200 เมตร เพื่อมาพูดคุยทวงถามเรื่องเงินค่ายาเสพติด จำนวน​ 800​ บาท​ ที่ให้ไปหาซื้อยาเสพติดมาให้​

957852cg_10

แต่นายภาคภูมิ พยายามบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา และหลบหน้าหายไปนานร่วมเดือน พอเจอหน้าก็รับปากว่าจะเอาเงินมาคืน แต่ก็ไม่เห็นได้คืนสักที กระทั่งวันเกิดเหตุก็มาพบกันพอดี จึงได้ทวงถามอีกครั้ง นายภาคภูมิ ก็ปฏิเสธเช่นเดิม​ ด้วยความโมโหจึงลงมือเอาไม้ขนาดความยาว 1​ เมตร ที่ถือติดตัวมาตีที่แขน​ ตัว​ และศีรษะ ทั้งหมด​ 3​ ครั้ง จนเลือดอาบท่วมตัว

566532

โดยคาดว่า​นายภาคภูมิ​ ได้วิ่งหนีตายไปแอบซ่อนตัวอยู่ข้างกอกล้วย ภายในรั้วของมหาวิทยาลัย ระหว่างที่แอบซ่อนตัวได้นำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพบาดแผลขณะที่เลือดกำลังไหลย้อยเป็นทางเต็มตัวส่งให้อดีตนายจ้างยกน้ำยาง​ ชื่อนางสาวป้อม​ ดูซึ่งเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่นายภาคภูมิจะนอนเสียชีวิตตรงบริเวณจุดที่ถ่ายภาพข้างกอต้นกล้วย

534241928105

นายอธิศักดิ์ ให้การรับสารภาพอ้างว่า ตนพยายามทวงทามค่ายาเสพติด แต่นายภาคภูมิพยายามบ่ายเบี่ยง ด้วยความโมโหตนจึงลงมือเอาไม้ ความยาว 1 เมตร ที่ถือติดตัวมาตีที่ตัวและศีรษะไป 3 ครั้งจนเลือดอาบท่วมตัว ก่อนนายภาคภูมิจะนอนเสียชีวิตตรงบริเวณจุดที่ถ่ายข้างกอต้นกล้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหานายอธิศักดิ์ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเสพยาเสพติดโดยผิดกฏหมาย

689331

ทีมข่าวลงพื้นที่มาที่สภ.ทุ่งใหญ่ พบกับนางสาวป้อม​ อดีตนายจ้าง ที่นายภาคภูมิ หรือผู้ตาย ไปทำงานยกน้ำยาง โดยนางสาวป้อม​ กำลังเดินทางมาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพอดี​ กล่าวว่า ในวันที่ 9 ตุลาคม​ 64 นายภาคภูมิ ได้ส่งรูปที่บาดเจ็บมีเลือดท่วมตัวมาให้ตนดู แล้วพิมพ์ว่า "เดี๋ยวให้น้องชายพาไปโรงพยาบาล" ตอนนั้นยอมรับว่าตกใจที่เห็นเขามีบาดแผล แต่ก็ไม่อยากพูดคุยเจรจากับเขาอีกแล้ว

titled_9

เนื่องจากที่ผ่านมาเขาได้สร้างปัญหาให้กับตน ตั้งแต่ขี่รถจักรยานยนต์ไปชนรถแบ็กโฮจนบาดเจ็บขาหักเข้าโรงพยาบาล ตนก็ไปดูแล​ ช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาล กระทั่งถูกตำรวจดำเนินคดีข้อหายาเสพติดเมื่อเดือนที่ผ่านมา ตนก็ได้ช่วยเหลือส่งข้าวส่งน้ำให้เสมอ 

655056

จนมาเกิดเหตุนี้ขึ้น​อีก ตนก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ และมาพบว่าเสียชีวิตแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 64 เป็นวันที่นายภาคภูมิ ส่งภาพมาให้ตนดูแท้ ๆ​ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของนายภาคภูมิ ตนไม่ทราบจริง ๆ และไม่รู้จักกับผู้ที่ก่อเหตุฆ่านายภาคภูมิ​ และคิดว่าที่นายภาคภูมิ ส่งภาพมาให้ตนเพราะคงอยากให้ช่วยเหลือ แต่คงไม่กล้าพูดตรง ๆ​

นางสาวป้อม ยังกล่าวอีกว่า ตนได้เลิกจ้างนายภาคภูมิไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 64 แต่ก็ยังมีการติดต่อช่วยเหลือกันอยู่บ้างเพราะรู้ว่าครอบครัวของนายภาคภูมิ มีฐานะยากจนมาก ทราบว่าแม่ของนายภาคภูมิ เป็นคนสติไม่ดี อาศัยเพลิงพักอยู่ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชทุ่งใหญ่ (มทร.)

ทีมข่าวลงพื้นที่​ไปยัง​จุดที่พบศพนายภาคภูมิ​ โดยมีนายไชยยันต์​ วงศ์กูล เจ้าหน้าที่ รปภ.ของมหาวิทยาลัย เป็นผู้พาไปดูยังจุดที่พบศพ​ พบว่าเป็นป่ากล้วยริมรั้วของมหาวิทยาลัย​ บริเวณนั้นเป็นพื้นที่เข้าถึงได้ยาก​ ทางเข้าเป็นนาเดินค่อนข้างลำบาก​ ขณะที่กลิ่นศพยังเหม็นคละคลุ้ง​ทั่วบริเวณ

121711

นายไชยยันต์​ กล่าวว่า ขณะเข้าเวรที่ป้อมยามหน้ามหาวิทยาลัย มีชาวบ้านเดินมาแจ้งว่าได้กลิ่นเหม็นตลบอบอวนโชยออกมาจากข้างกำแพงรั้วของมหาวิทยาลัยด้านหลัง​ จึงขี่รถจักรยานยนต์ไปตรวจสอบใกล้จุดเกิดเหตุ ก่อนจะเดินเท้าเข้าไปในป่าหญ้ารก จึงพบเป็นศพเพศชายนอนตายเห็นโครงกระดูกและกะโหลกศีรษะโผล่ จึงแจ้งหัวหน้ารปภ.ให้ทราบ และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ให้เข้ามาตรวจสอบทันที 

ทีมข่าวยังได้สำรวจบ้านของผู้เสียชีวิต ที่อยู่กับแม่ที่มีสติไม่ดี​ เมื่อไปถึงก็พบกับแม่ของผู้เสียชีวิตกำลังโวยวายอย่างไม่มีสติ ทีมข่าวสอบถามนายไชยยันต์ ว่าแม่ของผู้เสียชีวิตรู้หรือไม่ว่าผู้เสียชีวิตนั้นไม่อยู่ด้วยแล้ว นายไชยยันต์ บอกว่า ไม่น่าจะรู้ เพราะเห็นยังใช้ชีวิตแบบปกติ และไม่ได้มีอาการโศกเศร้าเสียใจ เพราะที่ผ่านมาลูกชายก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน​ นาน ๆ ครั้งจะมาหาแม่ ซึ่งตนก็ไม่รู้จะบอกกับแม่ของผู้เสียชีวิตอย่างไร

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม