กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งมีคนพบศพ สภาพเหลือแต่โครงกระดูก ไม่สวมเสื้อ ข้าง ๆ พบรองเท้าแตะ 1 ข้าง อยู่ในพงหญ้าข้างกอกล้วย ภายในกำแพงรั้วมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชทุ่งใหญ่ (มทร.) สันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10-15 วัน
โดยมาทราบภายหลังว่าผู้ที่เสียชีวิต คือ นายภาคภูมิ รามฤทธิ์ อายุ 27 ปี ชาวต.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช
ล่าสุดวันที่ 25 ต.ค.64 ทีมข่าวโทรสอบถาม พ.ต.อ.กิตติพงศ์ ทองทิพย์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ ให้ข้อมูลว่า ช่วงเช้าได้นำกำลังเข้าควบคุมตัวผู้ตัวนายอธิศักดิ์ หรือ บ่าวต่างสี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/3 หมู่ 5 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า พบนายภาคภูมิที่ขนำ ห่างจากจุดเกิดเหตุ 200 เมตร เพื่อมาพูดคุยทวงถามเรื่องเงินค่ายาเสพติด จำนวน 800 บาท ที่ให้ไปหาซื้อยาเสพติดมาให้
แต่นายภาคภูมิ พยายามบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา และหลบหน้าหายไปนานร่วมเดือน พอเจอหน้าก็รับปากว่าจะเอาเงินมาคืน แต่ก็ไม่เห็นได้คืนสักที กระทั่งวันเกิดเหตุก็มาพบกันพอดี จึงได้ทวงถามอีกครั้ง นายภาคภูมิ ก็ปฏิเสธเช่นเดิม ด้วยความโมโหจึงลงมือเอาไม้ขนาดความยาว 1 เมตร ที่ถือติดตัวมาตีที่แขน ตัว และศีรษะ ทั้งหมด 3 ครั้ง จนเลือดอาบท่วมตัว
โดยคาดว่านายภาคภูมิ ได้วิ่งหนีตายไปแอบซ่อนตัวอยู่ข้างกอกล้วย ภายในรั้วของมหาวิทยาลัย ระหว่างที่แอบซ่อนตัวได้นำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพบาดแผลขณะที่เลือดกำลังไหลย้อยเป็นทางเต็มตัวส่งให้อดีตนายจ้างยกน้ำยาง ชื่อนางสาวป้อม ดูซึ่งเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่นายภาคภูมิจะนอนเสียชีวิตตรงบริเวณจุดที่ถ่ายภาพข้างกอต้นกล้วย
นายอธิศักดิ์ ให้การรับสารภาพอ้างว่า ตนพยายามทวงทามค่ายาเสพติด แต่นายภาคภูมิพยายามบ่ายเบี่ยง ด้วยความโมโหตนจึงลงมือเอาไม้ ความยาว 1 เมตร ที่ถือติดตัวมาตีที่ตัวและศีรษะไป 3 ครั้งจนเลือดอาบท่วมตัว ก่อนนายภาคภูมิจะนอนเสียชีวิตตรงบริเวณจุดที่ถ่ายข้างกอต้นกล้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหานายอธิศักดิ์ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเสพยาเสพติดโดยผิดกฏหมาย
ทีมข่าวลงพื้นที่มาที่สภ.ทุ่งใหญ่ พบกับนางสาวป้อม อดีตนายจ้าง ที่นายภาคภูมิ หรือผู้ตาย ไปทำงานยกน้ำยาง โดยนางสาวป้อม กำลังเดินทางมาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพอดี กล่าวว่า ในวันที่ 9 ตุลาคม 64 นายภาคภูมิ ได้ส่งรูปที่บาดเจ็บมีเลือดท่วมตัวมาให้ตนดู แล้วพิมพ์ว่า "เดี๋ยวให้น้องชายพาไปโรงพยาบาล" ตอนนั้นยอมรับว่าตกใจที่เห็นเขามีบาดแผล แต่ก็ไม่อยากพูดคุยเจรจากับเขาอีกแล้ว
เนื่องจากที่ผ่านมาเขาได้สร้างปัญหาให้กับตน ตั้งแต่ขี่รถจักรยานยนต์ไปชนรถแบ็กโฮจนบาดเจ็บขาหักเข้าโรงพยาบาล ตนก็ไปดูแล ช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาล กระทั่งถูกตำรวจดำเนินคดีข้อหายาเสพติดเมื่อเดือนที่ผ่านมา ตนก็ได้ช่วยเหลือส่งข้าวส่งน้ำให้เสมอ
จนมาเกิดเหตุนี้ขึ้นอีก ตนก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ และมาพบว่าเสียชีวิตแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 64 เป็นวันที่นายภาคภูมิ ส่งภาพมาให้ตนดูแท้ ๆ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของนายภาคภูมิ ตนไม่ทราบจริง ๆ และไม่รู้จักกับผู้ที่ก่อเหตุฆ่านายภาคภูมิ และคิดว่าที่นายภาคภูมิ ส่งภาพมาให้ตนเพราะคงอยากให้ช่วยเหลือ แต่คงไม่กล้าพูดตรง ๆ
นางสาวป้อม ยังกล่าวอีกว่า ตนได้เลิกจ้างนายภาคภูมิไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 64 แต่ก็ยังมีการติดต่อช่วยเหลือกันอยู่บ้างเพราะรู้ว่าครอบครัวของนายภาคภูมิ มีฐานะยากจนมาก ทราบว่าแม่ของนายภาคภูมิ เป็นคนสติไม่ดี อาศัยเพลิงพักอยู่ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชทุ่งใหญ่ (มทร.)
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดที่พบศพนายภาคภูมิ โดยมีนายไชยยันต์ วงศ์กูล เจ้าหน้าที่ รปภ.ของมหาวิทยาลัย เป็นผู้พาไปดูยังจุดที่พบศพ พบว่าเป็นป่ากล้วยริมรั้วของมหาวิทยาลัย บริเวณนั้นเป็นพื้นที่เข้าถึงได้ยาก ทางเข้าเป็นนาเดินค่อนข้างลำบาก ขณะที่กลิ่นศพยังเหม็นคละคลุ้งทั่วบริเวณ
นายไชยยันต์ กล่าวว่า ขณะเข้าเวรที่ป้อมยามหน้ามหาวิทยาลัย มีชาวบ้านเดินมาแจ้งว่าได้กลิ่นเหม็นตลบอบอวนโชยออกมาจากข้างกำแพงรั้วของมหาวิทยาลัยด้านหลัง จึงขี่รถจักรยานยนต์ไปตรวจสอบใกล้จุดเกิดเหตุ ก่อนจะเดินเท้าเข้าไปในป่าหญ้ารก จึงพบเป็นศพเพศชายนอนตายเห็นโครงกระดูกและกะโหลกศีรษะโผล่ จึงแจ้งหัวหน้ารปภ.ให้ทราบ และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ให้เข้ามาตรวจสอบทันที
ทีมข่าวยังได้สำรวจบ้านของผู้เสียชีวิต ที่อยู่กับแม่ที่มีสติไม่ดี เมื่อไปถึงก็พบกับแม่ของผู้เสียชีวิตกำลังโวยวายอย่างไม่มีสติ ทีมข่าวสอบถามนายไชยยันต์ ว่าแม่ของผู้เสียชีวิตรู้หรือไม่ว่าผู้เสียชีวิตนั้นไม่อยู่ด้วยแล้ว นายไชยยันต์ บอกว่า ไม่น่าจะรู้ เพราะเห็นยังใช้ชีวิตแบบปกติ และไม่ได้มีอาการโศกเศร้าเสียใจ เพราะที่ผ่านมาลูกชายก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน นาน ๆ ครั้งจะมาหาแม่ ซึ่งตนก็ไม่รู้จะบอกกับแม่ของผู้เสียชีวิตอย่างไร