พี่เลี้ยงโหดเปิดปากแค่หยิกเด็กวัยขวบเศษ เลือดคั่งสมองอ้างตกเตียง หมอชี้โคม่า รอดอาจพิการ (คลิป)

จากกรณี น.ส.ปริชาติ มณีใส ชาวสัตหีบ จ.ชลบุรี เข้าร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าน้องฟีฟ่า อายุ 1 ขวบ 2 เดือน ลูกชาย ได้รับบาดเจ็บมีเลือดคั่งในสมอง อาการโคม่า รักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลชลบุรี หลังจากนำลูกไปฝากนางน้อย เพื่อจ้างเลี้ยงดู ตั้งแต่เดือนก.ย. ที่ผ่านมา และทราบภายหลังว่า นางน้อยนำตัวลูกส่งโรงพยาบาลชลบุรี เนื่องจากอ้างว่าลูกพลัดตกเตียงจนเกิดอาการชักเกรง ซึ่งตัวเองไม่เชื่อ เนื่องจากสภาพของลูกชายคล้ายถูกทำร้าย โดยนางน้อยพี่เลี้ยงน้องฟีฟ่า รับสารภาพว่าตีน้องฟีฟ่าจริง และมีรอยบาดแผลเล็กน้อยจากการหยิก (อ่าน : แม่เด็ก 1 ขวบ ร้องปวีณา จ้างเพื่อนเลี้ยงลูก อ้างตกเตียง แต่ทำร้ายเลือดคั่งนอนไอซียู ตร.แจ้งข้อหา)

โดย น.ส.ปริชาติ มณีใส แม่น้องฟีฟ่า ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า วันที่ 5 พ.ย. 61 ตนพาน้องฟีฟ่า ไปฝากเลี้ยงกับนางน้อย ก่อนเกิดเหตุ ตนคาดว่าลูกชายอาจจะร้องไห้งอแง จึงถูกนางน้อยลงโทษ และมีการใช้ตีที่ศีรษะของน้องฟีฟ่า หลังจากนั้น นางน้อยจึงโทรศัพท์มาบอกตนว่าลูกชายมีอาการบาดเจ็บสาหัส จากการพลัดตกเตียง ตนจึงรีบเดินทางไปดูอาการลูกชาย

ล่าสุด นางสาวณัฐติญาภรณ์ หรือน้อย สายวรณ์ ผู้ก่อเหตุ เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยยอมรับว่า ทำร้ายน้องฟีฟ่าจริง โดยหยิกที่ร่างกายของน้องฟีฟ่าจนเป็นรอย ส่วนที่น้องฟีฟ่ามีอาการเลือดคั่งในสมองนั้น เกิดจากที่น้องฟีฟ่าตกเตียง และยอมรับว่าตบศีรษะน้องจริง แต่ตบเพียงเบา ๆ ซึ่งไม่ทราบว่าน้องมีการสาหัสได้อย่างไร โดยเบื้องต้น ตำรวจตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ด้านนางเกตุ สาระจันทร์ ยายของนางน้อย ผู้ต้องหา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ หลานสาวโทรศัพท์มาเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่อยู่ที่โรงพัก ซึ่งตนให้คำแนะนำไปว่า หากไม่สบายใจก็ให้กลับมาหาตนที่บ้าน หลานจึงกลับมานอนด้วย 1 คืน และกลับไปอยู่บ้านแม่สามีที่อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งตนก็รู้สึกไม่สบายใจ กระทั่งกินไม่ได้นอนไม่หลับ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใครจะผิดหรือถูก ขอให้ฟังจากปากเจ้าตัวและให้เป็นเรื่องของคดีความ

ด้านแพทย์ผู้ให้การดูแลน้องฟีฟ่า เปิดเผยว่า อาการของน้องฟีฟ่าขณะนี้หนักพอควร เป็นตายเท่ากัน โดยมีเลือดคั่งในชั้นสมอง เนื่องจากกะโหลกของเด็กในวัยนี้ยังไม่เชื่อมติดกันดี และจอประสาทตามีเลือดออก มีการเปิดม่านขยายตามากขึ้น อาการโดยรวมยังคงวิกฤต ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีอาการแทรกซ้อน ทั้งนี้ หากรอดก็มีโอกาสที่จะพิการตลอดชีวิต