กรณีตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งเหตุคนร้ายปีนเข้าร้านทองทำร้าย เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเวลาประมาณ 23.30 น. วันที่ 23 ต.ค. 64 หลังรับแจ้งเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุห้างทองทวีชัย ถ.ระนอง ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
จากการสอบถามเจ้าของร้านเป็นผู้สูงอายุ ทราบชื่อนายหวังดี อินทวงศ์ อายุ71 ปี และนางพวงเพ็ญ ศักดิ์เกษมกฤต อายุ 65 ปี เป็นสามีภรรยากัน ผู้เสียหายเล่าว่าขณะที่นอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้องนอนชั้น 2 ของร้านทอง มีคนร้าย 1 คนปีนหลังคาบ้าน เจาะฝ้าเพดานทางห้องน้ำชั้น 2 และปีนลงมาที่ห้องนอนของผู้เสียหาย งคับให้พาไปเอาทองที่อยู่ในตู้ชั้นล่างของร้าน
วันที่ 28 ต.ค. 64 เวลา 10.30 น. ที่ สภ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ8 และคณะ รวมถึงชุดจับกุมของ พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ รอง ผบก. รทท.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต แถลงการจับกุม ผู้ต้องหาในคดีชิงทรัพย์ ภายในห้างทองทวีชัย โดยมีทองรูปประพรรณน้ำหนักกว่า 300 บาท มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ภาพกล้องวงจรปิดจับภาพนายชาย ออง ผู้ต้องหา จอดรถจักรยานยนต์ไว้ข้างทาง โดยนายชายเปลี่ยนชุด จากชุดเสื้อคลุมกางเกงขายาว เป็นเสื้อยืดคอกลมแขนสั้น กางเกงขาสั้นดีดำ เดินออกมาที่รถ จยย. และขับไปใกล้กับจุดที่มีการวางถุงและกระเป๋าทองคำ จากนั้นลงจากรถไปหยิบถุงและกระเป๋าที่มีทองคำ หยิบถุงที่ใส่ทองไว้ขึ้นบนรถ จยย. ขับหลบหนี จากนั้น ย้อนศรเลี้ยวเข้าร้านคาร์แคร์
พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการไล่ภาพกล้องวงจรปิด จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ชื่อนายชาย ออง สัญชาติเมียนมา อายุ 27 ปี ซึ่งในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ภายในบริเวณบ้าน ไล่ภาพกล้องวงจรปิด พบว่านายชาย ออง ผู้ต้องหา ขับรถจักรยานยนต์สกูปปี้ไอ สีดำ เข้าไปในร้านคาร์แคร์ จึงมั่นใจว่าน่าจะใช่ผู้ก่อเหตุ
เบื้องต้น ผู้ต้องหาท่าทีมีพิรุธ และได้ทำการตรวจสอบบ้านพักคนงาน พบว่ามีเสื้อผ้าคล้ายกับเสื้อคนร้ายที่ก่อเหตุ แขวนตากไว้อยู่หน้าห้องพัก จึงได้มีการเชิญตัวไปสอบปากคำ จนนายชายรับสารภาพว่าเป็นคนร้าย จากการตรวจค้นพบว่ามีทองจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ภายในห้องพัก รวมน้ำหนักประมาณ 363 บาท และเงินสดจำนวน 33,600 บาท ซุกซ่อนใต้เตียงนอนภายในห้องพัก จึงนำตัวไปสอบปากคำอีกครั้ง จนยอมรับสารภาพทั้งหมด สาเหตุที่ทำไปนั้นติดพนันออนไลน์ และตำรวจสามารถตรวจยึดของกลางไว้ได้ทั้งหมด
ตนขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันหาเบาะแส จนสามารถจับกุมคนก่อเหตุได้ และขอประชาชนให้เชื่อมั่นว่าจังหวัดภูเก็ตเองจะเป็นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว ตามโครงการภูเก็ต sandbox ของรัฐบาล และ smart safety zone 4.0 ของ ผบ.ตร. หลังจากนี้ก็มีจะการนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
การก่อเหตุในครั้งนี้มีนายชาย ออง เป็นผู้ต้องหาที่กระทำคนเดียว และไม่เกี่ยวโยงกับคนอื่น หรือตระกูลดังตามที่เป็นข่าวไป โดยผู้ต้องหายอมรับว่าก่อนเกิดเหตุได้มีการมาดูลาดเลาไว้ก่อนแล้ว 2 วัน คือวันที่ 20-21 ต.ค. 64 สาเหตุที่ก่อเหตุเพราะคนร้ายไม่มีเงิน ติดพนันออนไลน์ และแต่งภรรยา วันเกิดเหตุ 24 ต.ค.64 ก็มีการเดินมาดูลาดเลาอีกครั้งในช่วงเย็น ก่อนตัดสินใจก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์มาจอดไว้ที่ถนนเยาวราช หลังบ้านร้างที่เกิดเหตุ ปีนเสาหลังคาบ้านที่เกิดเหตุ และปีนเข้าบ้านทางหลังคาโดยถอดแผ่นฝ้าเพดาน
จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า นายชาย ออง ผู้ต้องหา เป็นชายชาวเมียนมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ประมาณ 12 ปี ประกอบอาชีพทำร้านคาร์แคร์ เคยทำงานเป็นช่างก่อสร้างมาหลายปี มีความชำนาญในเรื่องของการปูฝ้าพนังและฝ้าเพดาน
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดแรกที่ร้านทอง ท่ามกลางประชาชนมายืนมุงดูตำรวจทำแผน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านใน มีพาไปชี้จุดบริเวณฝ้าห้องน้ำ บริเวณห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน มีการปีนไปบนหลังคาบ้านเพื่อ ถอดแผ่นกระเบื้องหลังคาออก เผื่อหย่อนตัวลงไป จากนั้นเลื่อนฝ้าเพดานออกแล้วกระโดดลงบนเตียงนอน มีการหยิบมีดที่เสียบไว้ที่จุดล้างจาน และหยิบท่อนไม้ในห้องครัวหลังบ้าน จากนั้นใช้มีดจี้ไปที่นางพวงเพ็ญซึ่งกำลังนั่งดูโทรทัศน์กับนายหวังดี ใช้ไม้ตีไปที่ศีรษะของนายหวังดี และบังคับให้นางพวงเพ็ญเปิดตู้เซฟนิรภัย
ในระหว่างที่ผู้ต้องหากำลังขนทองในเซฟนั้น นางพวงเพ็ญสบโอกาสยกเก้าอี้ฟาดเข้าที่ลำตัว จึงถูกใช้ไม้ตีที่ศีรษะ จนได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งผู้ต้องหาก็มีการขนทองรูปพรรณใส่ถุงพลาสติก และกระเป๋าสีดำ แล้ววิ่งขึ้นไปชั้น 2 ของบ้าน ปีนลงยังหลังบ้าน ก่อนจะมีการเปลี่ยนชุด สวมหมวกกันน็อกแล้วขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
นางเบญจพร วัชรัตน์ศีรียุทธ เจ้าของร้านทองทวีชัย บอกว่า ตอนนี้ตนรู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ พร้อมกับของกลางที่คาดว่าจะได้ครบทั้งหมด ต้องกลับไปเช็กอีกทีว่ามีอะไรขาดหายไปบ้าง เบื้องต้น เห็นหน้านายชายไม่ชัดเพราะเขาสวมหน้ากากอนามัย แต่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนแน่นอน ซึ่งเท่าที่ดูก็รู้สึกสงสารผู้ต้องหาเหมือนกัน อายุยังไม่มาก ไม่น่ามาก่อเหตุแบบนี้ ซึ่งนายชายก็มีการยกมือไหว้ขอโทษไปแล้ว แต่ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ซึ่งในวันนี้เดินทางมาที่ สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อนำกระเช้าดอกไม้มาแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สามารถจับกุมตัวคนก่อเหตุได้ ภายในไม่กี่วัน และหลังจากนี้ก็จะมีการสร้างกำแพงหลังบ้านให้แข็งแรง พร้อมจะติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม ส่วนอาการบาดเจ็บของนายหวังดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่หมอยังให้เฝ้าดูอาการ