ส่องบรรยากาศ เปิดเรียน On Site วันแรก ผู้ปกครอง เปิดใจพร้อมรับความเสี่ยงหลังพบ เรียนออนไลน์ ไม่เต็มประสิทธิภาพ
กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าว(28 ต.ค.64) เตรียมพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 พร้อมย้ำ 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม และ 7 มาตรการเข้ม ซึ่งมีโรงเรียนที่พร้อมจะเปิดแบบ On Site 100% ส่วนใหญ่กว่า 10,000 โรงเรียน มีบางแห่งขอใช้รูปแบบผสมผสาน และมีบางพื้นที่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดยังไม่ให้เปิดแบบOn Site ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ แต่ให้เลื่อนไปเปิดวันที่ 15 พ.ย. 2564 แทน อย่างไรก็ตามจะปิดเทอม 2/2564 พร้อมกันในวันที่ 1 เม.ย. 2565
โดยล่าสุดวันนี้ 1 พ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ได้มีการลงพื้นที่ไปสำรวจโรงเรียนอนุบาลบุษกร ย่าน ซอยบรมราชชนนี 11 แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับมาตรการการป้องกันโรค โควิด-19 ในการเปิดการเรียนการสอนเป็นวันแรก
เมื่อถึงโรงเรียน จะเห็นภาพบรรยากาศของผู้ปกครองที่เดินทางมาส่งเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล แต่เช้าอย่างคึกคัก รวมถึงเด็กนักเรียนก็มีความตื่นเต้นที่ได้เจอเพื่อน ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการทำกิจกรรม ทั้งนี้ผู้ปกครองต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของโรงเรียนอย่างเคร่งครัด
สอบถามนางนิตยา กรุณาธิคุณ ผู้ปกครองท่านหนึ่ง เผยว่ามีความกังวลอยู่บ้างกับการที่ให้ลูกมาเรียนแบบ On Site แต่ก็มีการเตรียมความพร้อมของลูกเบื้องต้นโดยการให้ลูกตรวจ ATK มาก่อนหน้า และให้ลูกใส่หน้ากากอนามัย พร้อมทั้งทางโรงเรียนก็มีมาตรการจัดการเข้าโรงเรียน โดยมีจุดลงทะเบียนคัดกรอง วัดอุณหภูมิทั้งผู้ปกครองและเด็ก อีกทั้งโรงเรียนก็ให้สิทธิผู้ปกครองในการเลือกว่าจะให้ลูกเรียนโรงเรียนหรือเรียนที่บ้านก็ได้
ก่อนที่เธอจะตัดสินใจให้ลูกมาเรียนที่โรงเรียน เนื่องจากว่ามีเพื่อนของลูกคนอื่นๆ ก็มาเรียน ประกอบกับมั่นใจทางโรงเรียนเพราะในห้องเรียนหนึ่งโรงเรียนได้จำกัดจำนวนเด็กให้ไม่เกิน 20 คน จึงกล้าให้ลูกมาเรียน ซึ่งเจ้าตัวก็ตัดสินใจนานอยู่พอสมควร แต่ก็อยากให้ลูกได้เข้าสังคมเนื่องจากว่าเรียนออนไลน์มานานแล้ว การเรียนออนไลน์ก็เรียนได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ถามถึงความกังวลว่าโรคโควิด-19 จะกลับมาระลอกใหม่อีกไหม เจ้าตัวตอบว่ามีความกังวลอยู่แล้ว
สำหรับการมาเรียนแบบ On Site ในวันนี้ ตนไม่ได้รู้สึกดีใจ แต่ให้ลูกมาเรียนครั้งนี้ถือว่าเป็นการทดลอง แต่ก็ต้องติดตามข่าวสารและประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
ด้านนายคนิษฐ มีรักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลบุษกร เผยว่า โรงเรียนมีความพร้อมและมาตรการในการเปิดให้นักเรียนสามารถเข้ามาเรียนในโรงเรียนได้
โรงเรียนได้มีการวางแผนการปฏิบัติตั้งแต่มีเชื้อโควิดเข้ามาแล้ว หลังจากนั้นก็มีการเรียนในรูปแบบออนไลน์ และล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศออกมาให้โรงเรียนสามารถเปิดสถานศึกษาได้ แต่ต้องอยู่ในมาตรฐานการปฎิบัติการของกระทรวง ซึ่งทางโรงเรียนอนุบาลบุษกรเองก็ได้ตรวจสอบภายในโรงเรียน รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ในรายละเอียดที่กระทรวงให้นำมาปฏิบัติกว่า 40 ข้อนั้น และเมื่อแก้ไขปรับปรุงจุดต่างๆ ของโรงเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ทางโรงเรียนก็ทำหนังสือนำเสนอไปยังกระทรวงศึกษาธิการพร้อมทั้งส่งต่อมาให้กรมอนามัยกรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบว่าผ่านตามมาตรฐานที่ตั้งไว้หรือไม่
ซึ่งถ้าหากผ่านก็จะมีหนังสือส่งกลับมาโรงเรียนว่าสถานศึกษาสามารถเปิดได้ พร้อมทั้งได้ใบประกาศ สถานประกอบการ สถานศึกษามารับรอง ทำให้มั่นใจได้ว่าโรงเรียนพร้อมแล้วในการให้เด็กเข้ามาเรียนที่โรงเรียน
ทั้งนี้โรงเรียนมีจำนวนเด็กที่เข้ามาเรียนไม่ถึง 100 คน ซึ่งแต่ละห้องก็แบ่งเด็กนักเรียนไม่ถึง 10 คน บุคลากรในโรงเรียนก็เยอะ ทั่วถึงต่อการดูแลแน่นอน อีกทั้งโรงอาหารก็มีพื้นที่ใหญ่ มีพื้นที่สำหรับเด็กนักเรียนในการเว้นระยะห่างแน่นอน
โดยก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนและคณะกรรมการฯ มีการประชุมร่วมกับผู้ปกครองของเด็กนักเรียนในการหาแนวทางเพื่อที่จะสามารถส่งเด็กมาเรียนที่โรงเรียนได้ โดยการที่ทางโรงเรียนได้ให้ตัวเลือกกับผู้ปกครองแบ่งเป็นสองแบบ 1. ให้สามรถเรียนออนไลน์ได้ 2. เข้ามาเรียนที่โรงเรียน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นสิทธิของผู้ปกครองในการเลือก
แต่หากผู้ปกครองท่านใดที่ส่งลูกมาเรียนที่โรงเรียน ทางโรงเรียนก็มีมาตรการการป้องกัน แจ้งให้ผู้ปกครองปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยผู้ปกครองและเด็กต้องสวมหน้ากากอนามัย และมีจุดคัดกรองหน้าโรงเรียน ให้ผู้ปกครองลงทะเบียนก่อนส่งเด็ก พร้อมทั้งให้ผู้ปกครองและเด็กวัดอุณหภูมิก่อนเข้า และมีข้อแม้ว่าในการส่งเด็ก ผู้ปกครองจะต้องถึงแค่หน้าประตูทางเข้าเท่านั้น
หากถามถึงความกังวลว่าเด็กนักเรียนจะติดเชื้อโควิด ผอ. ได้ตอบว่า ความกังวลมีตั้งแต่ผู้ปกครองและโรงเรียนทุกโรงเรียนอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องรักษามาตรการและร่วมมือกันระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครอง ทำการสำรวจผู้ปกครองว่าได้มีการฉีดวัคซีนหรือยัง ก็ทำให้เห็นว่าผู้ปกครองทุกคนให้ความร่วมมือในการฉีดกว่า 98% ของจำนวนผู้ปกครองของเด็กทั้งหมด รวมถึงครูและเจ้าหน้าที่ทุกคนในโรงเรียนก็ฉีดวัคซีนกันครบ 100% เต็ม ในเมื่อทุกคนฉีดแล้วความมั่นใจในการเปิดเรียนก็เกิดขึ้น และมาตรการทางโรงเรียนก็ป้องกัน 100% แล้ว
แต่หากว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่น่าจะเกิดมาจากโรงเรียนแล้ว เพราะถ้าหากอยู่นอกอำนาจการควบคุมของโรงเรียน ทางโรงเรียนก็ไม่สามารถรู้ได้จริงๆ ว่าแต่ละครอบครัวไปทำอะไรที่ไหนมาบ้าง
ทั้งนี้ ผอ. ยังบอกอีกว่าในการเรียนในรูปแบบOn Siteดีกว่าออนไลน์อย่างแน่นอน เพราะมันจะส่งเสริมในเรื่องพัฒนาการของเด็กในการเข้าสังคมและการทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า
สุดท้าย ผอ. ได้ย้ำถึงความเชื่อมั่นในการเปิดเรียนว่า ทางโรงเรียนจะต้องคุยกันกับทางผู้ปกครองอย่างชัดเจนและถามถึงความพร้อมของผู้ปกครองว่าพร้อมในระดับไหน ในทางกลับกัน ผู้ปกครองก็ต้องดูว่าโรงเรียนมีความพร้อมแค่ไหน จะถามถึงความเชื่อมั่น 100% ก็ไม่ได้ เพราะอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ฉะนั้นต้องให้ผู้ปกครองตัดสินใจถึงความพร้อมของตนเองและโรงเรียน