สืบเนื่องจากกรณีที่มีผู้ใช้เฟชบุ๊กรายหนึ่งร้องเรียนมาทางทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชายชื่อ "นายบุญธง บุญปากดี" อายุ 49 ปี ถูกฆาตกรรมอำพราง สภาพศพถูกแขวนคอด้วยเชือกสีแดงกับราวสะพานข้ามคลองน้ำ เสื้อของผู้ตายถูกถอดออก แล้วอุดปากเอาไว้ พบบาดแผลร่างกายของผู้ตาย 4 แผล ที่กลางท้อง 3 แผล และใต้ราวนมด้านซ้าย 1 แผลนั้น ซึ่งญาติเองติดใจว่าเป็นการฆาตกรรมมากกว่าการฆ่าตัวตาย
กระทั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ทางชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 4 และสืบสวน จ.บึงกาฬ ลงพื้นที่ติดตามสืบสวนรวบรวมหลักฐานหาผู้ที่ก่อเหตุ จนทราบชื่อเบื้องต้น นายจักรพงศ์ สาธร อายุ 28 ปี และนายเจษฎา รัตนมาลี อายุ 34 ปี รับสารภาพเป็นผู้ก่อเหตุ
ล่าสุด วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ญาติและครอบครัวของผู้ต้องหา ตลอดจนชาวบ้านคำบอนตำบลน้ำจั้น อำเภอเซกา จ.บึงกาฬ จำนวน 50 คนเดินทางมาร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการคลี่คลายคดี หลังพบพิรุธในหลายประเด็นทั้งที่ไม่หมายจับ
นายวิรัตน์ รัตนะมาลี พ่อของนายเจษฎา ผู้ต้องหา ระบุว่า สำหรับประเด็นที่สงสัยว่าไม่ได้นับความเป็นธรรมนั้น ช่วงเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุมพบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองมาจับกุม โดยที่ไม่มีการแสดงเอกสารหมายจับหรือหมายค้น ที่เป็นไปตามสิทธิขั้นพื้นฐานในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ตลอดจนยังมีการเข้ามาทำร้ายร่างกายผู้ถูกกล่าวหาด้วย
ขณะที่ช่วงเกิดเหตุนั้น ตนยืนยันว่าช่วงเย็นของวันที่ 15 ตุลาคม ตนและลูกชาย ตลอดคนในครอบครัวก็ได้นั่งทานข้าวกันที่บ้าน ก่อนที่ตกดึกทางนายเจษฎาและน้องชายได้ออกไปกรีดยางกันที่ไร่ หลังจากนั้น ทั้งคู่เองก็ได้เดินทางกลับมานอนที่เถียงนากับตน รวมทั้งหมด 3 คน ก่อนที่รุ่งเช้าก็ตื่นมานั่งทานข้าวกันตามปกติ
ด้าน พ่อของนายจักรพงษ์ ผู้ต้องหา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนยืนยันได้ว่าขณะที่เกิดเหตุนั้น ตนอยู่กับลูกชาย ไม่มีทางที่ลูกตนจะไปฆ่าผู้ตายได้ น่าจะเป็นการจับแพะ และขณะเข้าควบคุมตัวนั้น ตำรวจก็ห้ามถ่ายภาพ และไม่อนุญาตให้ตนตามไปด้วย และไปทั้งคืน ต่อมาตอนเช้าก็กลับมาพร้อมสวมกุญแจมือ สภาพหน้าตาลูกชายตนบวม คาดว่าจะโดนซ้อมเพื่อให้รับสารภาพ และยัดข้อหาให้ ตนคิดว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุมาก
น.ส.อังศนา บุญขาว ภรรยานายจักรพงษ์ ผู้ต้องหา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนขอความเป็นธรรมให้สามีด้วย เพราะนำตัวนายจักรพงษ์ไปสอบสวนโดยไม่มีหมาย และควบคุมตัวไปทั้งคืน
ต่อมาช่วงเข้าก็ควบคุมตัวมาหาหลักฐานที่บ้าน และนำรถจักรยานยนต์ไปเลย ไปขอพบที่สถานีตำรวจก็ไม่ได้รับอนุญาตให้พบ และนำนายจักรพงษ์ไปชี้จุดเกิดเหตุ โดยที่ไม่ได้ทำผิดเลย ตนยืนยันได้ว่าวันที่เกิดเหตุนั้น นายจักรพงษ์เลี้ยงลูกอยู่กับตนตลอด ตนจึงขอความเป็นธรรมแทนสามีด้วย
โดยหลังจากจับกุมทั้ง 2 รายได้นั้น ทั้ง 2 คนยอมรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง ผู้ก่อเหตุอ้างว่าได้ขี่รถสวนทางกับผู้ตายแล้วผู้ตายได้ร้องตะโกนด่าทอ ตนทั้ง 2 คน ด้วยสาเหตุใดก็ไม่ทราบ ตนทั้ง 2 คนก็ได้จอดรถจักรยานยนต์แล้วก็ได้ทะเลาะกับผู้ตายอยู่ประมาณสัก 5 นาที ต่างคนต่างไม่พอใจกัน ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน จึงได้นำมีดที่ติดอยู่กับรถจักรยานยนต์มาแทงผู้ตาย
แต่ในขณะนั้นผู้ตายยังไม่สิ้นใจ จึงได้นำผู้ตายไปแขวนคอ จนผู้ตายสิ้นใจ แล้วได้ทำพิธีทางไสยศาสตร์ นำผ้ามาปิดปากผู้ตาย ซึ่งผู้ก่อเหตุคิดว่าถ้านำผ้ามาปิดปากผู้ตาย ผู้ตายจะไม่สามารถไปเข้าฝัน หรือบอกกล่าวกับญาติได้ว่าใครเป็นคนฆ่า ซึ่งปมสาเหตุมาจากที่ผู้ตายเปิดไฟสูง ทำให้ไฟรถยนต์ไปแยงตา
นางสาวอันนา (นามสมมติ) ญาติผู้เสียชีวิต กล่าวว่า หลังจากที่ทางตำรวจเข้าจับตัวคนร้ายทั้ง 2 คนมาได้แล้ว ส่วนตัวเชื่อว่าทางตำรวจไม่ได้จับแพะ และเชื่อว่าเป็นคนร้ายตัวจริง เนื่องจากช่วงขณะที่ทางตำรวจพาไปชี้จุด ทางคนร้ายทั้ง 2 คน สามารถบอกพิกัดจุดที่ทิ้งสิ่งของ และจุดอื่น ๆ ในการลงมือได้อย่างที่คนอื่น ๆ ไม่มีใครสังเกตรู้เห็นเลย
ที่สำคัญตนเองเชื่อว่าคนร้ายที่ลงมือ อาจจะมีมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เชื่อว่าไม่น่าจะลงมือกันแค่ 2 คน เพราะดูจากสภาพศพแล้ว มีความยากที่จะลงมือฆ่ากันแค่ 2 คนอย่างแน่นอน ส่วนสาเหตุที่ทางคนร้ายเปิดเผยถึงต้นตอในการก่อเหตุว่ามาจากการเปิดไฟส่องหน้า ส่วนก็ยังไม่ปักใจเชื่อแต่อย่างใด อาจมีเรื่องราวเบื้องลึกมากกว่านี้ จนต้องก่อเหตุที่โหดเหี้ยมแบบนี้ ซึ่งที่สำคัญคนร้าย 2 คนที่รวบตัวมาได้ตนเองและคนในครอบครัวก็รู้จักกันดีอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนเองไม่หวั่นในเรื่องของคดีพลิก เพราะสุดท้ายทางตำรวจก็ต้องเก็บหลักฐาน จับตัวได้อย่างละเอียด และขอปล่อยให้ทางกฎหมายดำเนินการให้ถึงที่สุด