แม่ร่ำไห้ลูกเปิด GPS ตกเจ้าพระยาดับ ฉะท้องที่ชุ่ยทุบที่กั้นให้เรือลง สื่อพิสูจน์ขับตามพาลงน้ำจริง (คลิป)

ความคืบหน้าในการติดตามค้นหาตัว "นายธีระภัทร์ ธีรพงศ์ไพบูลย์" อายุ 27 ปี ลูกชายเจ้าของร้านจำหน่ายอุปกรณ์การเกษตรรายใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ที่จมแม่น้ำสูญหายไปพร้อมกับรถยนต์ ฟอร์ด Everest สีแดง ทะเบียน 6702 กรุงเทพมหานคร

โดยเหตุเกิดที่บริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ในจุดทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ทางหลวงหมายเลข 122 พื้นที่ตำบลกลางแดด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่ช่วงดึกของคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์เบื้องต้นทราบว่านายธีระภัทร์ได้ไปร่วมงานวันเกิดหญิงสาวคนสนิท ในพื้นที่เมืองนครสวรรค์ แล้วขากลับนายธีระภัทร์ได้ขับรถจะกลับไปพักที่บ้านของหญิงสาวคนสนิท ในพื้นที่อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท

โดยที่เพื่อนสาวคนสนิทได้ใช้รถยนต์อีกคันขับนำหน้ารถของนายธีระภัทร์ แต่ปรากฏว่าในระหว่างทาง ด้วยความที่นายธีระภัทร์ขับตามไม่ทัน จึงไปตาม GPS ทำให้หลงทางกันก่อนจะมาเกิดเหตุสลด ซึ่งในห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิตนายธีระภัทร์ได้โทรศัพท์กลับไปหาแม่และบอกว่าตนเองประสบอุบัติเหตุ และรถกำลังจะจมแม่น้ำ ก่อนที่จะไม่สามารถติดต่อได้อีกนั้น

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ภายหลังที่ทางทีมนักประดาน้ำจากหน่วยกู้ภัยนครสวรรค์ นำอุปกรณ์ดำน้ำ และเรือเข้าร่วมค้นหาผู้สูญหายเป็นเวลานานกว่า 3 วัน ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำเองได้พบร่างของนายธีระภัทร์ลอยมาติดอยู่กับกองกอหญ้า ใกล้กับตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่หมู่ 8 บ้านวังฉ่า อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์

ตรวจสอบร่างกายของผู้เสียชีวิต สวมเสื้อสีดำ กางเกงยีนส์ ข้างตัวพบกระเป๋าข้าง 1 ใบ เปิดกระเป๋าออกมาตรวจสอบ พบว่ามีเอกสารบัตรประจำตัวเป็นจำนวนมาก ระบุชื่อเป็นของนายธีระภัทร์ และนอกจากนี้ภายในกระเป๋ายังพบเงินสดประมาณ 9,000 บาท รวมถึงบัตรเครดิต และสิ่งของมีค่าอยู่ภายใน ทั้งนี้จุดที่พบศพอยู่ห่างจากจุดแรกที่มีการค้นหาไปประมาณ 15 กิโลเมตร ต่อมาทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะนำส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จังหวัดนครสวรรค์เพื่อทำการชันสูตรตรวจสอบอย่างละเอียด ก่อนที่ทางญาติเพื่อนำไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป

ส่วนรถยนต์ของผู้เสียชีวิต ตอนนี้เองยังไม่พบ โดยเจ้าหน้าที่พยายามค้นหาต่อไป ขณะที่ร่างของผู้เสียชีวิตเองทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะนำส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการชันสูตรตรวจสอบอย่างละเอียด ก่อนจะส่งมอบร่างคืนให้กับญาติเพื่อนำไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป บรรยากาศช่วงเช้า แม่ของผู้ตายเดินออกจากรถเก๋งมาดูศพเพื่อยืนยันเมื่อทางคุณแม่มาเห็นศพดังกล่าวก็ร้องไห้และนั่งทรุดลงไปกับพื้น

นางพินิจ ธีระพงษ์ไพบูลย์ แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า ก่อนเกิดเหตุยอมรับว่าลูกชายของตนเองไม่ด้มีความผิดปกติหรือไม่ได้มีลางสังหรณ์ก่อนเกิดเหตุ แต่จะแค่ความรู้สึกว่าลูกชายของตนค่อนข้างซึมเศร้า ดูเหงา ๆ เมื่อถามว่าในเรื่องของคดีความส่วนตัวยังติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิตลูกชายหรือไม่ ทางเจ้าตัวบอกว่าในส่วนสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ตอนนี้ยังไม่ได้ติดใจหรือจะมีแนวทางในการดำเนินการแต่อย่างใด อยากรอให้เรื่องของพิธีทางศาสนาให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งตนเองติดในเรื่องของกรมทางหลวง กับ อบต. ในพื้นที่ ว่าทำไมถึงละเลยปล่อยให้จุดดังกล่าว ถึงไม่มีทางกั้นหรือแท่นปูนแบริเออร์กั้นไว้ ตลอดจนจุดดังกล่าวยังไม่มีไฟจราจรที่ทำให้คนสัญจรไปมาเห็นได้ชัดเจนว่าจุดดังกล่าวไม่สามารถไปได้ หากไม่ใช่คนในพื้นที่ก็จะไม่มีใครรู้ วิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยากให้ช่วยไปดูจุดดังกล่าว หากปิดตายได้คงจะดี ตนลั่นเสียใจสุดชีวิตลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนคนเดียวต้องมาเสียชีวิตไป ทั้งที่ตนเองพร้อมจะมอบที่ดินซึ่งเป็นมรดกของครอบครัวให้กับเขา

ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณแยกไฟแดงลอดใต้สะดานที่มีการระบุช่วงเวลาที่ทางผู้ตายพลัดหลงกับทางแฟนสาว พบว่ารถฟอร์ด เอเวอร์เรส ของนายธีรภัทร์ได้ขับมาจากบ้านที่กินเลี้ยงวันเกิดเพื่อนจากทาง อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ และจะขับมุ่งหน้าไป อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท โดยมีรถมัสแตงสีดำ ของเพื่อนสาวคนสนิทขับนำมา เมื่อมาถึงช่วงใต้อุโมงค์สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
ช่วงหมู่ 2 ต.ตะเคียนเลื่อน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ คันขับนำคือรถมัสแตงของเพื่อนสาวเมื่อพ้นอุโมงค์ก็เลี้ยวซ้ายเพื่อไปขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา มุ่งหน้าถนนสายหลักเพื่อไปชัยนาท แต่รถของนายธีรภัทร์ขับรถตรงไปผิดทางก่อนเกิดอุบัติเหตุตกน้ำ

นายชะลอ เฉียดแหลม อายุ 60 ปี ข้าราชการบำนาญที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เล่าว่า ในช่วงวันที่เกิดเหตุขณะนั้นทางชาวบ้านเองได้มาเล่าให้ฟังว่า ช่วงเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืน ขณะที่กำลังขับรถผ่านสะพานดังกล่าว พบว่ามีลักษณะคล้ายแสงไฟพุ่งขึ้นมาจากแม่น้ำตรงจุดเกิดเหตุ แต่ตนไม่ได้เอะใจ นึกว่าเป็นแสงไฟจากคนที่เขาหาปลา เพราะปกติช่วงเย็นภึงดึก ๆ จะมีคนมาหาปลาค่อนข้างเยอะ

ช่วงประมาณ 4-5 ปีก่อนหน้านี้ ทางหน่วยงานในพื้นที่เองเพิ่งจะมีการมาทำทางลงไปในจุดดังกล่าว ซึ่งไม่ได้เป็นถนนหรือเส้นทางเก่าแต่อย่างใด โดยที่ทำทางลงดังกล่าวแล้วจะเห็นว่ามีการนำเรือแข่งเวลามีเทศกาลแข่งเรือมาลงในจุดดังกล่าว ตลอดจนมีประชาชนบางคนมาจอดรถนั่งตกปลา หรือนั่งเล่นในจุดดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้ ประมาณช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้เคยมีลักษณะรถกระบะขับพุ่งลงไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนั้นด้วยน้ำไม่ได้เยอะ และเขาเองมีสติเบรกไว้ทัน จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ไม่เหมือนครั้งนี้ที่น้ำค่อนข้างเยอะและเป็นช่วงดึกด้วย

นอกจากนี้ ทีมข่าวทดลองขับตามทางที่ GPS แนะนำ พบว่าถ้าขับตามทางจะตกลงแม่น้ำเจ้าพระยาจริง