เมื่อวันที่ 9 พ.ย.64 เวลา 08.00 น. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่า หมอปลา ลงพื้นที่จุดบ้านพักที่เป็นมรดกชิ้นสุดท้ายของนางประคอง มาบำรุง หญิงที่ปฏิบัติธรรมตำหนักร่างทรง “พ่อปู่องค์อินทร์” ก่อนที่จะเชื่อว่าตัวเองมีกรรม ไม่สามารถถือครองเงินหรือมรดกได้ จากนั้นขายมรดกที่นา จำนวน 11 ไร่ ได่รับเงิน 5.5 ล้านบาท แล้วโอนให้ร่างทรงทั้งหมด ทำให้สามีและญาติผู้เสียหายร้องเรียนกับหมอปลา เพราะเกรงนางประคอง จะถูกหลอกจนหมดตัวหรือไม่
เวลา 15.00 น. หมอปลาและฝ่ายปกครอง นำโดยนายณรงชนนฐ์ ดีปู รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองนครราชสีมา และผู้เสียหายทั้งใหม่และเก่าบุกไปที่สำนักร่างทรง โดยมีเหตุการณ์โต้เถียงกัน ลูกศิษย์ร่างทรงอ้างว่า แม่อารีย์ไม่อยู่ในสำนัก ออกไปทำงานต่างจังหวัด จึงไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในตำหนัก พร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจจะคืนเงินให้น.ส.ประคอง ซึ่งเงินทั้งหมดจำนวน 5,500,000 บาท แต่จะคืนเพียง 4,100,000 บาท ส่วนอีก 200,000 บาท อ้างว่าหักค่าทำพิธี เพราะมีการทำสัญญาไว้ แต่หากอยากได้คืนทั้งหมดให้ไปฟ้องศาล ก่อนจะมอบสมุดบัญชีให้กับลูกสาวของ น.ส.ประคอง
นอกจากนี้ ตำรวจได้นำตัวลูกสาวผู้เสียหายหาย บุกเข้าไปที่ห้องพักนางประคอง เพื่อนำปืนของนางประคอง ที่ก่อนหน้านี้เคยมอบให้ร่างทรงอารีย์กลับคืนมา ขณะที่รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองนครราชสีมา จะส่งเรื่องให้สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา เข้ามาตรวจสอบตำหนักร่างทรงแห่งนี้ต่อไป
โดยรักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองนครราชสีมา ยืนยันยอดเงินที่โอนเข้าบัญชีนางประคองจำนวน 4,100,000 บาทจริง พร้อมฝากผู้เสียหายรายอื่นเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับร่างทรงอารีย์ เพื่อให้สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ซึ่งทำให้สามีและญาตินางประคองดีใจที่ได้เงินคืน
ส่วนปืนของ น.ส.ประคอง ที่นำมาไว้ในภายห้องเช่าใกล้สำนักร่างทรง รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองนครราชสีมา จะเป็นคนเก็บไว้ให้จนกว่า น.ส.ประคอง จะมีสติและติดต่อรับคืนไป และเงินสด จำนวน 200,000 บาท ที่สำนักร่างทรงไม่ยอมคืนให้ ต้องให้ น.ส.ประคอง ไปแจ้งความกับตำรวจ
โดยวันนี้หมอปลาได้เข้าพูดคุยกับเด็กหญิงวัย 12 ปี ลูกสาวของผู้เสียหาย ซึ่งถูกตำรวจบุกช่วยเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา นำตัวเด็กหญิงออกมาจากตำหนักร่างทรงดังกล่าว หลังสามีผู้เสียหายตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กับตำรวจ ต่อมาตำรวจจึงนำกำลังบุกช่วยเหลือเด็กหญิง ขณะที่นางประคอง หมอปลาได้พาตัวไปรักษาโรคทางจิตเวช
เด็กหญิงวัย 12 ปี ยังคงมีอาการผวาเล็กน้อย เมื่อพบครอบครัวเธอและพบหมอปลา โดยเด็กคนดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนถูกคนในตำหนักร่างทรงบอกว่าหมอปลาเป็นคนไม่ดี ห้ามเข้าไปใกล้ และจะนำแม่ของตนไปทิ้ง ซึ่งตนอยากกลับไปอยู่ที่ตำหนักร่างทรงมากกว่าอยู่ที่บ้านพักหลังเดิม
นอกจากนี้ เด็กหญิงรายนี้ ยังเล่าอีกว่า ขณะอยู่ที่ตำหนักจะต้องปฏิบัติธรรมและเรียนออนไลน์ไปพร้อม ๆ กัน โดยคนที่ตำหนักเป็นคนดีและดูแลตนและแม่เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีเด็กอายุวัยใกล้เคียงกันอยู่ที่ตำหนัก 4 คน ส่วนผู้ใหญ่ที่อยู่ในตำหนักจะปฏิบัติธรรมและทำพิธีตามที่ปู่บอก ซึ่งตนไม่เคยรู้เรื่องปัญหาการโอนเงินของแม่ หรือเรื่องของลูกศิษย์คนอื่น ๆ
ด้านหมอปลา เชื่อว่าเด็กถูกล้างสมอง และเร่งติดต่อเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้เข้ามาช่วยเหลือเด็กออกจากตำหนักดังกล่าวต่อไป ขณะเดียวกันก็ได้เร่งช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียหายเรื่องคดี เพื่อทวงความยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ทางอมรินทร์ ทีวี นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น มีผู้เสียหายอีกหลายรายในจ.นครราชสีมา แจ้งเข้ามาว่าถูกร่างทรงหญิงรายนี้หลอกเงินหลักล้านบาท ทำให้ผู้เป็นพ่อเครียดจนป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ทีมข่าวได้ประสานหมอปลา เดินหน้าแฉร่างทรงต่อ
ขณะเดียวกันทีมข่าวและหมอปลาได้เดินทางต่อไปยังบ้านของผู้เสียหายที่ อ.โนนสูง เพื่อไปพูดคุยกับผู้เสียหายอีก 2 ราย ที่ถูกนางอัปสร หรือ แม่อารีย์ หลอกทั้งเงินและที่นาไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นญาติกัน
เมื่อหมอปลาไปถึงที่บ้านของผู้เสียหายรายแรก ก็ได้เจอกับตามีกับยายมา และนายสรศักดิ์ อินทร์ไกร ลูกชาย ที่เป็นผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว นางอัปสร ได้ย่องมาขอความช่วยเหลือกับ ตามีและยายมา โดยยืมโฉนดบ้านไปจำนองกับนายทุนในเมืองโคราช เป็นจำนวนเงิน 170,000 บาท อ้างว่าเดือดร้อนรถสิบล้อจะถูกยึด ซึ่งช่วงแรกนางอัปสร ก็จ่ายค่าดอกให้ปกติ แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 3 นางอัปสร ไม่ยอมส่งดอกให้กับนายทุน จนผ่านไป 4-5 ปี นายทุนได้ติดต่อมาว่าจะมายึดบ้าน หากไม่อยากให้ยึดก็หาเงินมาเคลียร์ทั้งต้นทั้งดอก ในจำนวนเงิน 400,000 บาท
ทั้งนี้ ด้วยความที่กลัวว่าบ้านจะถูกยึด ตามีกับยายมาก็เลยไปขายที่นา จำนวน 11 ไร่ ในราคา 500,000 บาท เพื่อนำเงินมาไถ่บ้านคืน จนถึงวันนี้นางอัปสร ก็เงียบเฉยไม่ยอมคืนเงินให้ตามีกับยายมา ทั้ง ๆ ที่ทำสัญญากันไว้ หมอปลาก็ได้แต่นั่งปลอบใจตามีกับยายมา และรับเรื่องว่าจะช่วยหาทนายมาจัดการให้ ยายมาก็ร้องไห้บอกว่าอยากได้ที่นาคืน เพราะที่นาเป็นที่ทำกินและเป็นมรดกที่สืบต่อรุ่นพ่อรุ่นแม่มา ไม่คิดว่าคนที่มีศักดิ์เป็นหลานสาวจะทำกันได้เช่นนี้
จากนั้นทีมข่าวและหมอปลา ได้เดินทางไปต่อยังบ้านผู้เสียหายรายที่ 2 เป็นเหยื่ออีกรายที่ถูกร่างทรงอารีย์หลอกเงิน ซึ่งเหยื่อรายนี้เป็นญาติของร่างทรงอารีย์เช่นกัน โดยถูกลวงขอยืมเงินหลักล้านบาทเพื่อช่วยร่างทรงอารีย์ขณะติดคุก ถูกดำเนินคดีในข้อหา ยักยอกทรัพย์เงินกองทุนหมู่บ้านในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยอ้างว่าหากออกจากคุกจะให้เงินคืน 10 ล้านบาท
แต่สุดท้ายไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จนทำให้คนที่เป็นพ่อกับแม่ประสาทเสีย พ่อจำความไม่ได้ แม่ร้องไห้ทุกครั้งเวลาคิดถึงเรื่องนี้ ซึ่งระหว่างการพูดคุยกับหมอปลา คนเป็นแม่ก็ร้องไห้ไม่หยุด ส่วนคนเป็นพ่อก็เหม่อลอย