เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 9 พ.ย.64 พ.ต.ต.ไพโรจน์ เผื่อนผึ้ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ สาขาย่อยหนองเบน ได้รับแจ้งเหตุผู้ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ และคาดว่ามีผู้เสียชีวิตที่บ้าน หมู่ที่ 6 ตำบลหนองกรด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
พบผู้บาดเจ็บที่มาเรียกให้คนช่วยเหลืออยู่บริเวณข้างกำแพงบ้าน เจ้าหน้าที่ก็รีบนำตัว นายรุจิภาส โชติธรรม อายุ 22 ปี ที่ถูกคนร้ายใช้เชือกมัดมือ เลือดท่วมตัว มีบาดแผลบริเวณกกหูซ้าย ท้ายทอย และบริเวณหลังมีบาดแผลเหมือนถูกของมีคม จึงรีบส่งโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เพื่อทำการรักษา
ส่วนในบ้านบริเวณห้องครัว พบศพนางสาวรัฐคณิศร จารุภัทรกิตติโชติ อายุ 56 ปี เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด รับทำเกี่ยวกับโครงข่ายอินเทอร์เน็ต อยู่บริเวณอ่างล้างจาน ลักษณะนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีแดงถลกถึงราวนม สวมกาเกงขาสั้นลายดอก มีบาดแผลหลายแห่งทั่วร่างกาย นอนอยู่บนกองเลือด
ผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายชโนทัย วงศ์แสง อายุ 35 ปี เบื้องต้นได้ถูกออกหมายจับในข้อหาฆ่าผู้อื่น และพยายามฆ่าผู้อื่น
ทีมข่าวได้ภาพนิ่งจากกล้องวงจรปิดจากบ้านฝั่งตรงข้าม ที่จับภาพขณะผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในบ้าน ซึ่งตอนนั้นเข้ามาตามปกติ ไม่ได้สวมหมวกกันน็อก และจับภาพขณะผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ออกมา ขณะนั้นใส่หมวกกันน็อกแล้ว
ล่าสุด วันที่ 10 พ.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านเกิดเหตุ หมู่ที่ 6 ตำบลหนองกรด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ตาย และเป็นพื้นที่จุดเกิดเหตุ ลักษณะเป็นบ้านพักชั้นเดียว รอบตัวบ้านมีสาย police line ขวางกั้นพื้นที่ไม่ให้คนภายนอกเข้าไป ตัวบ้านจุดที่เกิดเหตุจะห่างจากประตูรั้วประมาณ 15 เมตร และห่างจากกำแพงบ้านของแฟนผู้ตายประมาณ 8 เมตร บริเวณหลังบ้านของแฟนผู้ตายมีห้องธุรการของบริษัทผู้ตายตั้งอยู่
นางสาวนุ่น (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ลูกจ้างของผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่ตนกำลังนั่งทำงานอยู่ภายในออฟฟิศ นายรุจิภาส หรือ ฟิว คนเจ็บ ได้วิ่งมาตะโกนขอความช่วยเหลือจากตนที่บริเวณกำแพงบ้าน เมื่อตนเดินออกมาดู พบว่านายฟิวได้รับบาดเจ็บเลือดอาบตัว และที่มือถูกพันไว้ ตนจึงรีบเข้าไปดูอาการพร้อมกับโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที แต่ยังไม่กล้าเข้าไปดูในที่เกิดเหตุ กระทั่งเจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ ตนได้เดินเข้าไปดูภายในบ้าน พบว่าผู้ตายถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตที่บริเวณห้องครัวของบ้าน ส่วนผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปแล้ว
ขณะที่เกิดเหตุ ตนไม่ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน ไม่ได้ยินเสียงรถเข้าออกจากบ้านของผู้ตาย คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นคนคุ้นเคย และขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในตัวบ้านตามปกติ แต่นายฟิวเข้ามาเห็นหลังจากที่ก่อเหตุทำร้ายผู้ตายเสียก่อน ส่วนตัวรู้จักกันผู้ตายมาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งจะมาทำงานเป็นเสมียนที่บริษัทได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง ซึ่งตนไม่ทราบว่าทำไมถึงต้องก่อเหตุรุนแรงขนาดนี้ เพราะผู้ตายเป็นคนที่นิสัยดีมาก มีน้ำใจกับทุกคน
นางสาวขนิษฐา ศีลธรรม หรือ ติ๋ม อายุ 56 ปี แฟนของผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ตนกำลังเดินทางกลับจาก กทม. เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ตนไม่ได้เห็นสภาพข้างใน เพราะเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้า รวมถึงคนเจ็บได้ถูกนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาลแล้ว โดยตอนแรกตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำ กระทั่งตนได้โทรหาเพื่อนของผู้ตาย เพื่อที่จะบอเบอร์โทรติดต่อหาญาติของผู้ตาย เพื่อนคนดังกล่าวจึงเล่าว่าเวลาประมาณ 11.23 น. ของเมื่อวานนี้ได้วิดีโอคอลคุยกับผู้ตาย และบอกว่าผู้ตายได้หันกล้องไปหานายชโนทัย หรือ โน ผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีรอยถูกแตนต่อย
หลังจากนั้น ตนก็เริ่มมาเอะใจ และเริ่มคิดย้อนหลังดูว่า เวลา 12.00 น. นายฟิว คนเจ็บ ได้เดินไปที่บ้าน และเวลาประมาณ 14.00 น. ได้เดินออกมาจากบ้าน ซึ่งสอดคล้องกับภาพกล้องวงจรปิดของตำรวจ ที่จับภาพขณะที่รถเข้าออกเวลา 09.00 น. ผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ฟีโน่ โดยไม่ใส่หมวก แต่เวลา 14.00 น. ขี่รถจักรยานยนต์คันเดิมออกไป พร้อมกับใส่หมวกกันน็อก นอกจากนี้ ช่วงเช้า คนเจ็บได้รู้สึกตัว และยืนยันว่าคนทำคือนายชโนทัย ซึ่งเมื่อวานนี้ได้ก่อเหตุทำร้าย และบังคับให้โอนเงินเข้าบัญ 5 แสนบาท
ทั้งนี้ นายชโนทัย ผู้ก่อเหตุ มีฐานะเป็นน้องคนสนิทของผู้ตาย ซึ่งตนไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร แต่คาดว่าผู้ก่อเหตุมีหนี้สินนอกระบบหลายแห่ง และอาจจะถูกบีบคั้น จนต้องวิ่งหาเงินมาจ่าย เพราะทุกครั้งที่ผู้ก่อเหตุจะเข้ามาคุยที่บ้าน ก็คุยแค่เรื่องนี้ สำหรับเรื่องหุ้นส่วนของโรงกรองน้ำ เป็นเรื่องที่ผ่านมา 3 ปีแล้ว และครั้งนั้นผู้ตายได้ยื่นมือเข้าไปช่วย เพราะเอ็นดูและเห็นว่าเป็นคนซื่อ เลยอยากจะให้ผู้ก่อเหตุยืนได้ด้วยตนเอง
ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุติดหนี้เท่าไร แต่เรื่องโรงกรองน้ำที่เคยยื่นมือเข้าไปช่วย น่าจะประมาณ 5 แสนบาท ซึ่งยังไม่เคยได้คืน อีกทั้งช่วงที่นายชโนทัยจะทำธุรกรรม และยังเคยโอนเงินเข้าบัญชีของนายชโนทัย เพื่อที่เสตตเมนต์จะได้ดีขึ้น โดยนิสัยของผู้ตาย เป็นคนใจดี และเป็นคนใจอ่อนมาก เวลาทวงเงินใครก็ไม่เคยได้คืน ทั้งนี้ หากจับผู้ก่อเหตุได้ ขอให้รับโทษทางกฎหมาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตขออโหสิกรรมให้ เพราะไม่อยากที่จะเป็นบ่วงกรรมกันต่อไป สุดท้าย ตนอยากจะภาวนาขอให้อายุยืน ๆ จะได้รับรู้ และสำนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป
เวลาประมาณ 16.00 น. รถตู้ได้นำร่างของผู้เสียชีวิตมาจัดพิธีทางศาสนาที่วัดดอนใหญ่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เมื่อนำศพมาถึง ญาติพี่น้องได้เดินไปกอดคนเจ็บที่เดินทางมาพร้อมกับรถรับศพด้วย ทีมข่าวสังเกตเห็นว่าคนเจ็บมีบาดแผลบริเวณศีรษะ ใบหน้าบวมเป่ง และที่นิ้วมือทั้ง 2 ข้างมีผ้าพันแผลพันไว้
นายรุจิภาส โชติธรรม หรือ ฟิว อายุ 22 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นลูกบุญธรรมของผู้ตาย เปิดเผยว่า บ้านพักกับออฟฟิศจะตั้งอยู่ใกล้กัน และช่วงเที่ยงตนจะเดินทางไปที่บริษัทเป็นประจำอยู่แล้ว เพื่อไปชวนผู้ตายกินข้าว ขณะที่ตนเดินเข้าไปในบ้าน ผู้ก่อเหตุได้ใช้มีดอีโต้สำหรับใช้ตัดต้นไม้ตีเข้าที่ศีรษะของตน ทำให้ตนรู้สึกเวียนหัว
ขณะนั้นผู้ก่อเหตุพยายามลากตนเข้าไปในห้องน้ำ แต่ด้วยความที่ตนไม่ยอม ตนก็พยายามกอดรัดฟัดเหวี่ยงเพื่อที่จะแย่งมีด ทำให้ผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แต่ด้วยความที่ตนถูกตีเข้าที่ศีรษะก่อน ทำให้ตนเริ่มมีอาการเบลอ ตนถูกฟันบริเวณกกหูซ้าย ท้ายทอย และบริเวณหลัง ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะใช้เชือกมัดผ้าม่านมัดเข้าที่บริเวณข้อมือของตน และใช้เข็มขัดมัดเท้าของตน แล้วลากตนไปที่ห้องนอนใหญ่
จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้บอกให้ตนหาเงินให้ แต่พอค้นภายในห้องพบเพียงกระปุกเงิน มีแต่เหรียญห้าบาท และเหรียญสิบบาท แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังบังคับให้ตนนับเงิน ซึ่งได้เงินไปประมาณ 1,000 กว่าบาท จากนั้นผู้ก่อเหตุพยายามทำลายหลักฐาน ด้วยการถอดเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด และนำโทรศัพท์ของตนกับโทรศัพท์ของผู้ตายที่มีข้อมูลของกล้องวงจรปิดไป อีกทั้งยังบังคับให้ตนบอกรหัสเอทีเอ็ม และรหัสแอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์ และด้วยความกลัว ตนเลยให้รหัสกับเขาไป
จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้ขอให้ตนโอนเงินประมาณ 1 ล้านกว่าบาท จากบัญชีไทยพาณิชย์ของผู้ตายเข้าไปในบัญชีกสิกรของผู้ตาย เพราะผู้ก่อเหตุได้ยึดเอาบัตรเอทีเอ็มกสิกรของผู้ตายไปด้วย แต่การโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันนั้น โอนได้สูงสุด 5 แสนบาท ตนจึงทำการโอนเงินเข้าบัญชีกสิกรเพียง 5 แสนบาท หลังจากที่ตนโอนเงินให้แล้ว ผู้ก่อเหตุเริ่มเกิดอาการลน เพราะได้ยินเสียงผู้ตายดังรอดออกมาจากในห้องครับ จากนั้นผู้ก่อเหตุได้เดินออกไปจากห้อง ก่อนที่ตนจะได้ยินเสียงคล้ายกับเอามีดไปตีอะไรบางอบ่าง คาดว่าน่าจะเดินไปตีร่างของผู้ตายซ้ำ
หลังจากที่ก่อเหตุ ตนไม่ทราบว่าคนร้ายหนีไปทางไหน เพราะตอนนั้นตนเริ่มมีอาการเบลอแล้ว จำได้เพียงว่าผู้ก่อเหตุได้บอกทิ้งท้ายว่า "ถ้าไปบอกตำรวจ จะฆ่าทิ้ง" ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง แต่จะต้องเอาเขาเข้าคุกให้ได้ ส่วนตัวรู้จักกับผู้ก่อเหตุ เพราะมาที่บ้านบ่อย และผู้ก่อเหตุเป็นคนซื่อ ไม่ค่อยต่อล้อต่อเถียงกับใคร และไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน โดยสาเหตุเชื่อว่า เป็นไปได้ 2 กรณี คือปกติผู้ก่อเหตุจะมาขอยืมเงินเป็นประจำ ซึ่งผู้ตายก็จะช่วยเหลือตลอด แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งผู้ก่อเหตุเคยมาขอยืมเงินประมาณ 4 แสนบาท และครั้งนั้นผู้ตายไม่มีกำลังทรัพย์มากพอ เลยไม่ให้ยืมเงิน ส่วนอีกกรณีอาจจะเป็นเรื่องของการทวงเงินที่เคยยืมไป
ระหว่างที่ทางญาติพี่น้องของผู้ตายกำลังเตรียมพิธีรดน้ำศพ พ่อแม่ของผู้ก่อเหตุ เดินทางเข้ามาขอขมาศพ และกล่าวขอโทษกับผู้ได้รับบาดเจ็บ เพราะไม่คิดว่าลูกจะก่อเหตุเช่นนี้ ทั้งกับพยายามสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น และแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับเปิดเผยว่า ส่วนตัวของพ่อแม่ผู้ก่อเหตุเข้าใจว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินที่เคยหยิบยืมมา รวมถึงเรื่องธุรกิจน้ำดื่ม ซึ่งผู้ตายเคยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและสอนงาน จากนั้นทางญาติพี่น้องได้เข้าไปรดน้ำศพ โดยผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้เตรียมพวงมาลัยไว้ให้ผู้ตายด้วย
ต่อมา พล.ต.ต. ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ เดินทางเข้ามาพูดคุยกับญาติของผู้ตาย และสอบถามข้อมูลจากคนเจ็บ เพื่อแสดงความเสียใจ และยืนบันว่าจะนำตัวคนร้ายมารับโทษให้ได้ พร้อมกับบอกผ่านสื่อฯว่าขอให้คนร้ายออกมายอมรับกับสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะไม่อยากจะใช้ความรุนแรง
นายอำนวย วงศ์แสง 63 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับผู้ตายมานานแล้ว และบ้านที่เกิดเหตุ (บ้านของผู้ตาย) ตนเป็นคนรับจ้างก่อสร้างบ้านเอง โดยรับจ้างทำบ้านเป็นรายวัน แต่ตนทำไปสักพักก็ให้ลูกชายมาทำต่อ หลังจากนั้นลูกชายกับผู้ตายเลยสนิทกัน ระหว่างที่รู้จักกัน ลูกชายของตนได้ไปหุ้นส่วนทำโรงกรองน้ำกับเพื่อน จนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพื่อนจะขอถอนหุ้น ผู้ตายจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยเข้ามาเป็นหุ้นส่วนแทน แต่จากนั้นลูกชายได้ไปเช่นแชร์จนเสียเงินไปประมาณ 7-8 หมื่นบาท ทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่าบ้านที่ต้องผ่อนกับธนาคาร เพราะหลังจากที่ทำโรงงานอยู่ในช่วงผ่อนค่าบ้ายพอดี จึงไม่ยืมหนี้มาจากหลายส่วน และผู้ตายเคยทวงเงินจากลูกขายของตนด้วย แต่ทางครอบครัวพยายามเจรจาว่าไม่มีให้ ซึ่งเงินที่ยืมไปสูงถึงประมาณ 800,000 บาท
ทั้งนี้ ตนไม่คาดว่าลูกชายของตนจะทำเช่นนี้ได้ เพราะผู้ตายเป็นคนดีมาก มีอะไรก็เอามาให้ตลอด ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง ตนไม่สามารถติดต่อลูกชายได้เลย อีกทั้งลูกชายก็ไม่เคยเล่าปัญหาส่วนตัวให้ฟัง ด้วยเหตุนี้ตนจึงเชื่อว่าลูกชายเป็นคนก่อเหตุประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ และเป็นคนซื้อรวมถึงมีน้ำใจมาก เช่น ขับรถเหยียบแมว ก็พาแมวไปโรงพยาบาล แต่ถ้าลูกชายของตนทำจริง ตนเชื่อว่า เป็นไปได้ 2 สาเหตุคือ ทำไปเพราะขโมยทอง หรืออาจจะถูกทวงหนี้ และทำให้บันดาลโทสะก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ถ้าทำผิดจริงอยากจะให้ออกมามอบตัว แต่ถ้าไม่ได้ทำก็มาต่อสู้ตามขั้นตอนของกฎหมาย
นางรำเพย วงศ์แสง อายุ 61 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว ผู้ตายเคยมาสอบถามว่า ลูกชายของตนจะนำเงินที่เคยยืมไปมาคืนให้ตอนไหน ตนจึงบอกว่าใจเย็น ถ้าขายบ้านได้ตนจะเอาเงินมาคืนให้ ซึ่งผู้ตายก็ไม่ได้ว่าอะไร และไม่ได้ทวงเงินบ่อย
ล่าสุด ที่ตนคุยกับลูกชายคือเวลาประมาณ 18.30 น. อ้างว่ามาทำงานอ๊อกเหล็กที่พิษณุโลก เลยกลับไม่ทัน จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย ทั้งนี้ กล้องวงจรหน้าบ้านของผู้ตาย มีภาพของลูกชายปรากฏอยู่ ถ้าลูกชายมีส่วนเกี่ยวข้องจริง ตนขอให้กลับมารับโทษ และยอมรับสิ่งตัวเองทำลงไป เพราะต่อให้หนีเป็น 10 ปี เจ้าหน้าที่ก็สามารถตามจับได้ แต่ตนไม่ทราบว่าทำไปด้วยสาเหตุอะไร เพราะลูกชายเป็นคนเชื่อง ๆ ไม่ใช่คนหุนหันพันแล่น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกเสียใจมาก และคิดไม่ถึงว่าลูกชายจะทำเช่นนี้ เพราะผู้ตายเป็นคนดีมาก และลูกชายของตนยืมเงินจากผู้ตายบ่อยมาก รวมแล้วประมาณ 900,000 บาท แต่ผู้ตายไม่เคยคิดดอกเบี้ยสักครั้ง และไม่เคยได้เงินคืน เพราะตั้งใจว่าจะรอขายบ้านก่อน
ระหว่างที่ทีมข่าวลงพื้นที่ แม่ของผู้ก่อเหตุได้ทดลองโทรหาผู้ก่อเหตุให้ทีมข่าวดูแต่ไม่มีใครรับสาย ทั้งที่โทรไปกว่า 30 สาย ต่อมา เวลาประมาณ 15.00 น. ทางพ่อของผู้ก่อเหตุได้พาไปที่โรงกรองน้ำ อยู่ห่างจากบ้านของผู้ตายประมาณ 80 เมตร ซึ่งขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจสอบภายในโรงงาน แต่ไม่พบหลักฐานเพิ่มเติม
หลังจากที่ตรวจสอบโรงงานเสร็จ พล.ต.ต. ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบพื้นที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง