กรณีพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต ที่บ้านในซอยคงทรัพย์ 2 ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงเดินทางไปตรวจสอบ
พบศพนายพิศ กุลดำรงวิวัฒน์ อายุ 88 ปี สภาพถูกยิงบริเวณหน้าอก จำนวน 6 นัด นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ตรงประตูรั้วหน้าบ้าน
ตรวจสอบพบปลอกกระสุน ขนาด 11 มม. จำนวน 6 ปลอก ตกอยู่ในรั้วบ้าน 4 ปลอก และนอกรั้วบ้านอีก 2 ปลอก บริเวณชั้นสองของบ้าน พบเด็กและผู้หญิงอยู่ในอาการตกใจ ส่วนผู้ก่อเหตุทราบว่าเป็นลูกชายของผู้เสียชีวิต หลังก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีดำ หลบหนีไป
เวลาประมาณ 17.00 น. กล้องวงจรปิดห่างบ้านผู้ตายประมาณ 200 เมตร จับภาพนายพิศ ผู้ตาย เดินออกกำลังกายใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนเดินกลับเข้าบ้าน และภาพที่คนก่อเหตุขับขี่จักรยานยนต์เพื่อหลบหนีไป
วันที่ 16 พ.ย. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุทาวเฮาส์ 2 ชั้น หน้าบ้านมีกองเลือดขนาดใหญ่ติดอยู่ที่พื้น และกระจกบานใหญ่ที่พิงกำแพงแตก สอบถามนายเอ (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน เล่าว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 17.20 น. ได้ยินเสียงคล้ายการเขย่าประตูเหล็กหน้าบ้านผู้ตาย และเสียงดัง ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติ จึงขึ้นไปอยู่บนบ้านกับลูก ๆ
หลังจากนั้น ประมาณ 10 นาทีได้ยินเสียงดังปังรัวประมาณ 5-6 ครั้ง ขณะนั้นยังไม่คิดว่าเป็นเสียงปืน เพราะไม่ได้มีเสียงโวยวาย จึงไม่ได้ลงมาดู กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่เกิดเหตุ จึงรู้ว่านายพิศ ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ผู้ก่อเหตุก็คือลูกชายของตัวเอง
โดยปกตินายพิศ อาศัยอยู่กับนายเสรีย์ ลูกชาย และมีภรรยาของนายเสรีย์ รวมถึงเด็กผู้ชายอายุประมาณ 7 ขวบ ซึ่งเป็นลูกติด ที่ผ่านมานายพิศกับลูกชายก็เคยมีปากเสียงกันบ้าง แต่ไม่ค่อยบ่อย โดยก่อนหน้านี้นายพิศไปอยู่กับลูกชายที่ อ.นาทวี เกือบปี และย้ายกลับมาก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 เดือน
ส่วนนายเสรี ผู้ก่อเหตุเพิ่งย้ายมาอยู่กับนายพิศ ประมาณ 6-7 ปีเท่านั้น ก่อนหน้านี้ที่ตนได้ยินเสียงปึงปัง ก็อาจจะเป็นการทะเลาะกัน เช่นการใช้ไม้ทุบฝาบ้าน หรือเขวี้ยงเศษแก้วใส่บ้าง แต่ตนก็ไม่รู้สาเหตุ ทั้งนี้ ช่วงเกิดเหตุน่าจะเป็นจังหวะที่ลูกชายเพิ่งกลับมาจากทำงานพอดี ส่วนผู้ตายแม้จะมีอายุแล้ว แต่ก็ยังแข็งแรงเดินออกกำลังกายตลอด
นายอาทร สังข์ขาว อายุ 61 ปี เพื่อนบ้านอีกราย ระบุว่า ช่วงเกิดเหตุตัวเองไม่อยู่บ้าน ทราบข่าวช่วง 18.00 น. ว่านายพิศถูกยิงเสียชีวิต โดยส่วนตัวไม่รู้ว่านายพิศกับนายเสรีย์ ลูกชาย มีปัญหาอะไรกัน เพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัว
ที่ผ่านมานายพิศเป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือเพื่อนบ้าน เนื่องจากเจ้าตัวจะอยู่บ้านตลอด ตนก็จะเจอช่วงที่ออกมาเดินเล่น หรือออกกำลังกายเป็นประจำ ส่วนผู้ก่อเหตุตนไม่ค่อยได้พูดคุย แต่ก็ทราบว่าปกติช่วงกลางวันจะออกไปทำงานเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ และกลับบ้านในช่วงเย็นเป็นประจำ หลังทราบข่าวก็ค่อนข้างช็อก เพราะสงสารผู้ตาย ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้
ด้านนางกุลชญา ดำใส อายุ 38 ปี นายจ้างผู้ก่อเหตุ ระบุว่า เพิ่งทราบข่าวเวลาประมาณ 20.00 น. หลังเกิดเหตุ ค่อนข้างตกใจ
โดยวันเกิดเหตุนายเสรีย์มาทำงานตามปกติ แต่เป็นการออกไปทำเฟอร์นิเจอร์ที่หน้างาน ไม่ได้เข้ามาโรงงาน ตนจึงไม่ได้เจออีกฝ่าย และหลังเกิดเหตุนายเสรี ไม่ได้ติดต่อกลับมา ที่ผ่านมานายเสรีเป็นคนนิสัยดีกับเพื่อนร่วมงาน และเป็นคนรักเด็ก รักสัตว์ ไม่ค่อยใจร้อน โดยเรื่องปัญหาในครอบครัวเจ้าตัวไม่เคยมาพูดในที่ทำงาน ตนจึงไม่ทราบรายละเอียดลึก ๆ
ส่วนเรื่องการดื่มเหล้าก็อาจจะมีบ้างหลังเลิกงาน แต่นายเสรีก็ไม่ได้ดื่มเยอะจนคุมสติตัวเองไม่ได้ ทั้งนี้ ก็อยากให้นายเสรีย์เข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่อยากให้หนีไปแบบนี้
ล่าสุด เวลา 17.00 น. ที่วัดคลองเปล ญาติรับศพนายพิศมาทำพิธีรดน้ำศพ และสวดอภิธรรม โดยมีญาติและเพื่อนบ้านร่วมงานเป็นจำนวนมาก
