กรณีเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 64 นายต้นสน อายุ 27 ปี ครูสอนนาฏศิลป์ ผูกคอตายอยู่ที่บันไดขึ้นบ้านชั้น 2 โดยครอบครัวพบพิรุฑหลายอย่าง ไม่เชื่อว่าการตายเกิดจากการคิดสั้น เพราะมีรอยแผลฉีกขาดที่ศพ พบรอยช้ำเขียวตามตัว และในบ้านที่เกิดเหตุยังพบรอยหยดเลือดตามพื้น รอยมือเปื้อนเลือดติดที่ประตูและตู้เสื้อผ้าในห้องนอนคนตาย ญาติติดใจการตาย สงสัยเพื่อนสนิทชายที่เข้าออกบ้านในคืนวันเกิดเหตุ ล่าสุด ตำรวจแถลงข่าวว่าไม่ได้เสียชีวิตจากการถูกทำร้ายแต่อย่างใด
วันที่ 19 พ.ย. 64 นายอาทตี้ ชายคนสนิทของผู้ตาย ที่อยู่ในบ้านวันเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 ก.ย. 64 ตัวของครูต้นสนได้มีการทักข้อความมาหา ชักชวนให้ไปเล่นเป็นเพื่อนที่บ้าน มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องจริง มีการชักชวนให้ไปร่วมใช้ยาเสพติดร่วมกัน ตนเองก็มีหลักฐานชัดเจน มอบให้กับพนักงานสอบสวนไปแล้ว แต่เจตนาที่ตนเองต้องการพูดความจริงวันนี้ ไม่ใช่ต้องการที่จะประจานคนตาย เพราะการที่ตนเองออกมาพูดความจริง ก็ทำให้ชาวบ้านรวมถึงสังคมรู้เหมือนกันว่าตัวเองมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตั้งนั้นก็ต้องเลือกที่จะพูดเพื่อให้สังคมเข้าใจ
จนกระทั่งเข้าสู่วันที่ 29 ก.ย. ก็มีการออกไปซื้อยาเสพติดเพิ่ม และกลับมาใช้ยาร่วมกันอีก เป็นการเสพยาเสพติดต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ซึ่งตนเองสังเกตว่าวันแรก ตัวของครูต้นสนก็มีอาการปกติ แต่วันที่ 2 เริ่มมีอาการเปลี่ยน ลักษณะตาขวาง กระวนกระวาย จนกระทั่งช่วงหัวค่ำ เริ่มทะเลาะกันเกี่ยวกับความเข้าใจว่าตนเองมีการแอบถ่ายคลิปหรือตั้งกล้องแอบถ่ายในตอนที่มีสัมพันธ์กัน แต่ตนเองก็ยืนยันกับครูต้นสนแล้วว่าไม่มีการถ่ายหรือแอบถ่าย ทั้งหมดเกิดจากอาการหลอนหรือคิดไปเองทั้งหมด
ตนยืนยันว่าไม่ได้มีการลงไม้ลงมือจนถึงขั้นเลือดตกยางออก ตอนนั้นตนเองเห็นชัดเจนว่าตัวครูต้นสนไปหยิบกระดาษและนั่งเขียนจดหมายอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่ไม่ได้เข้าไปยุ่ง และไม่ได้เข้าไปสอบถามว่าเป็นการเขียนข้อความอะไร แล้วเดินออกจากห้อง หันมาบอกว่าจะไปนอนบ้านพี่สาว และทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ภายในห้อง ตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปก่อเหตุผูกคอตายที่ห้องฝั่งตรงข้าม เพราะได้ยินแต่เสียงของหล่น
ตนเองรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวคนตาย ตนเองก็เพิ่งทราบว่าครูต้นสนเสียชีวิตในวันที่ 25 ต.ค. ตนเองรู้เป็นคนสุดท้าย เพราะไม่มีใครบอก หลังจากที่มีคนแจ้งว่าครูต้นสนตาย ตนเองก็ช็อกและเสียใจมาก และคาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะตกเป็นผู้ต้องสงสับ
ทีมข่าวเดินทางไปที่ ตำบลนาสีนวล อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม บ้านของครูต้นสน พบว่านางคำปน บาไสย แม่ของครูยังอยู่ในอาการเสียใจ เพราะทุกครั้งที่แม่เข้าไปภายในห้องนอนของลูกเห็นภาพและของใช้ส่วนตัว ก็มักจะคิดถึงและอยากจะพูดคุยกับลูก โดยในวันนี้นางคำปนได้มีการพูดคุยกับรูปลูกที่ใช้เป็นภาพตั้งหน้าศพทำนองว่า "แม่คิดถึงลูก ลูกเป็นอย่างไรบ้าง ไปอยู่ไหนแล้ว ใครทำร้ายลูก ลูกมาบอกแม่หน่อย ตอนนี้แม่อยากให้ลูกได้รับความเป็นธรรม ลูกได้ยินที่แม่พูดใช่ไหม ใครทำลูกก็ขอให้ความจริงกระจ่าง"
หลังจากนั้น นางคำปน แม่ครูต้นสน พาทีมข่าวไปสำรวจในห้องนอน หลังจากที่ตำรวจยืนยันว่ามีการใช้ยาเสพติด ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้คือเข็มฉีดยา แต่แม่ไม่เชื่อ จึงพาทีมข่าวไปสำรวจสิ่งของภายในห้อง มีการรื้อค้นถังขยะ และดูตามชอกต่าง ๆ ซึ่งพบว่าภายในห้องดังกล่าวมีสลิงและเข็มฉีดยาจริง แต่ถูกวางเอาไว้บนโต๊ะทำงาน ซึ่งใกล้กับเครื่องปรินเตอร์ และวางอยู่ในกล่องหมึก ผ่านการใช้งานแล้ว ซึ่งแม่ยืนยันกับทีมข่าวว่าเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเติมหมึก
นางคำปน เล่าว่า หลังจากที่ผลการยืนยันของทางโรงพยาบาลชี้ชัดว่าเป็นการขาดอากาศหายใจ พนักงานสอบสวนเตรียมที่จะเรียกตนเองไปเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม แต่โดยเบื้องต้นตนเองยังไม่เชื่อจากผลดังกล่าว 100% เพราะยังติดใจเกี่ยวกับเลือดที่ติดทั่วบ้าน รวมถึงการผูกเชือกฆ่าตัวตายผิดวิสัยจากคนปกติทำให้ต้องรอคำตอบที่ชัดเจน เว้นแต่ผลยืนยันชี้ชัจนกระทั่งครอบครัวเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย จึงจะเชื่อตามนั้น
หลังจากที่ลูกชายเสียชีวิต ตนเองได้มีการตรวจสอบทรัพย์สินภายในห้องของลูกชาย ซึ่งล่าสุด ตรวจสอบพบว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ที่ตนเองซื้อให้กับลูกชายหายไป ทำให้ตนเองสงสัยว่าคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าวหายไปได้อย่างไร ประกอบกับในคดีนี้มีเรื่องของการถ่ายคลิปหรือแอบถ่ายคลิปเกิดขึ้นจึงเชื่อว่าในคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าวจะมีหลักฐานสำคัญอะไรหรือไม่