จากกรณีสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ออกมาเปิดพฤติกรรมของน้องชายตัวเองว่ามีอาการป่วยทางจิต หลังจากเข้าค่ายธรรมะของโรงเรียน เมื่อ 4 ปี ที่แล้ว กระทั่งปัจจุบัน น้องชายก็ยังไม่หายเป็นปกติ แม้จะเข้ารับการรักษากับจิตแพทย์แล้ว ทำให้ครอบครัวรู้สึกสงสัยว่าสาเหตุดังกล่าวนั้น มาจากค่ายธรรมะหรือไม่ (อ่าน :
เปิดใจพ่อ ลูกป่วยจิตหลังเข้าค่ายธรรมะ หยุดเรียนรักษาตัว 4 ปีไม่หาย - หมอไม่ฟันสาเหตุ)
วันที่ 26 พ.ย. 61
นายสุนทร ไกรมาก พ่อของผู้ป่วย เปิดเผยว่า หลังเข้าค่ายธรรมะ ลูกชายก็มีอาการทางจิต ลักษณะคล้าย ซึมเศร้า ซึ่งลูกชายไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน โดยลูกของตนกลับบ้านมาก็จะรู้สึกผิดตลอดเวลา ขอโทษพ่อแม่ บ่อย ๆ กระทั่งต้องพาไปพบจิตแพทย์ โดยแพทย์ระบุว่า ลูกชายมีอาการของคนป่วยโรคไบโพลาร์ มีอาการ 2 ขั้วอารมณ์ คือ ดีใจก็จะร่าเริงในระดับที่มากที่สุด และเสียใจในระดับที่มากที่สุดเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ตนยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าลูกเป็นอะไร แต่ต้องรักษาตามอาการไปก่อน ซึ่งขณะนี้ แพทย์แนะนำให้กินยาของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ ซึ่งในระหว่างการรักษา ตนจึงต้องให้ลูกชายพักการเรียนก่อน แต่ขณะนี้ลูกชายกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ชั้นปี 2 ซึ่งขณะนี้พักการเรียนมาได้ 1 เทอมแล้ว (อ่าน :
เปิดใจพ่อ ลูกป่วยจิตหลังเข้าค่ายธรรมะ หยุดเรียนรักษาตัว 4 ปีไม่หาย – หมอไม่ฟันสาเหตุ)
ทั้งนี้ ญาติของเด็ก เล่าว่า กิจกรรมภายในค่ายมีลักษณะแปลก เนื่องพระมีการเปิดคลิปวิดีโอความรุนแรง เช่น การเปิดคลิปฆ่าวัวให้เด็กดู ในขณะกำลังกินข้าว
และมีการลงโทษเด็กที่ทำผิด ด้วยการให้ยืนเรียงกัน พร้อมใช้รองเท้าผูกเชือกติดกัน ห้อยคอไว้เป็น 10 คู่
โดยเหตุการณ์ที่น่าตกใจมากที่สุด คือ พระรูปนี้ลงไปนอนกลางถนน คล้ายกับจะให้รถที่วิ่งมาชน แล้วให้เด็กทุกคนวิ่งเข้ามาห้ามพระ และเกลี้ยกล่อมไม่ให้ทำพฤติกรรมดังกล่าว หลังจากนั้น พระก็หัวเราะ และบอกว่าเป็นวิธีการสอนแบบหนึ่ง ซึ่งญาติมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า ต้องการจะสอนเด็กเรื่องใด
อีกทั้งมีการให้เด็กร่วมสาบานว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยบอกว่า มีเด็กในค่ายที่เคยสาบานไว้ แล้วเมื่อกลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก จะต้องรับผิด เช่น โดนรถชนตาย จากนั้นก็มีการเปิดภาพเหตุการณ์รถชนคนตายให้เด็กดู พร้อมอ้างว่าคนในคลิปคือคนที่เคยสาบานไว้
นอกจากนี้ มีการลงโทษเด็กที่ทำผิด ด้วยการให้ใช้ปากคาบจานไว้ เพื่อเป็นการอบรมอีกด้วย
ล่าสุด
ดร.สุรินทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่า โรงเรียนจัดกิจกรรมค่ายปฐมนิเทศ ฝึกอบรมนักเรียนใหม่ เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน โดยเชิญพระสงฆ์จากวัดแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี แต่จำชื่อวัดไม่ได้ มาเป็นวิทยากร โดยระหว่างทำกิจกรรมไปเพียง 1 วัน พบว่ามีเด็กผู้ชายชั้น ม.4 ป่วย 1 คน โรงเรียนจึงต้องให้ผู้ปกครองมารับกลับบ้านไป
อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องจะผ่านมา 4 ปีแล้ว รวมถึงเด็กชายคนดังกล่าวจะจบการศึกษาไป 2 ปีแล้ว แต่โรงเรียนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะมีการเชิญผู้ปกครองมาพูดคุยช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งพ่อของเด็กก็เข้าใจดีว่าลูกตัวเองป่วย และตกลงกันว่า วันพรุ่งนี้ (27 พ.ย.) เวลา 14.30 น. จะแถลงข่าวชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ด้าน
ครูฝ่ายปกครอง ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เมื่อ 4 ปี ก่อน ตนเองเพิ่งเข้ามาสอนได้ไม่นาน โดยกิจกรรมในวันนั้น โรงเรียนเชิญพระสงฆ์ จาก จ.สุราษฏร์ธานี มาเป็นวิทยากรจริง แต่จำชื่อวัดไม่ได้ เพราะคุณครูที่เชิญพระสงฆ์มาบรรยายนั้นเกษียณไปแล้ว ขณะเดียวกันโครงการนี้ เป็นค่ายคุณธรรม การอบรมอาจจะมีความกดดันบ้าง ตนยอมรับว่า การเทข้าวที่นักเรียนกินเหลือ มาให้ครูกินต่อนั้น เป็นข้าวและกับข้าวใหม่ ไม่ใช่ของเหลือ แต่แยกไว้เพื่อหลอกเด็กเท่านั้น ทำให้เด็กเห็นว่า ต่อไปต้องกินข้าวให้หมด ไม่เช่นนั้นต้องรับผิดชอบร่วมกัน คล้ายเป็นกุศโลบาย เป็นรูปแบบของวิทยากร ส่วนช่วงที่มีการอ้างว่าเปิดคลิปอุบัติเหตุให้เด็กดู ตนไม่แน่ใจ เพราะจำได้ว่าตอนนั้นเดินออกมาด้านนอก ส่วนเรื่องที่พระแกล้งจะกลับวัด แล้วจะไปนอนให้รถชนบนถนน ก็เป็นกุศโลบายเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ระหว่างการอบรม พระได้มาขอบิณฑบาตยาเสพติด และอาวุธ ซึ่งก็มีเด็กเอาบุหรี่มามอบให้ และบางคนที่พกสนับมือก็เอาออกมาให้พระ โดยยืนยันว่า ไม่มีการสาบานว่าหากเด็กกลับไปเสพยาแล้วจะเสียชีวิตอย่างแน่นอน มีเพียงพระเปิดคลิปอุบัติเหตุซึ่งเกิดจากการเสพยาเสพติดให้ดูเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม โรงเรียนปรับปรุงรูปแบบการอบรม โดยให้เด็กอบรมคุณธรรมที่วัด ด้วยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกลม และทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ โดยยืนยันว่ากิจกรรมของโรงเรียนต้องการสร้างเด็กทุกคนให้เป็นคนดี