กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “เรียกสิ๊ อาหลิน โดราเอมอน” โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพในกลุ่มเฟซบุ๊ก “ห้องข่าว:สุราษฎร์ธานี” ระบุว่า พี่สาวคบหากับผู้ชายรายหนึ่ง จนพี่สาวตรวจครรภ์พบว่าท้อง จึงบอกฝ่ายชาย ปรากฏว่าฝ่ายชายบอกว่าไม่พร้อม ให้ไปเอาเด็กออก แต่พี่สาวของตนไม่ทำตาม ฝ่ายชายจึงกระทืบและต่อย เพื่อให้พี่สาวของตนแท้ง ซึ่งแม่ของฝ่ายชายก็ยืนมองโดยไม่ช่วยอะไรเลย
วันที่ 22 พ.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุพื้นที่ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี ได้พูดคุยกับนายเอ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ผู้ถูกกล่าวหา ระบุว่า ตนคบหากับแฟนสาวได้ประมาณ 1 ปี โดยแฟนย้ายมาอยู่บ้านตนได้ประมาณ 8 เดือน เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น. ขณะที่ตนนั่งอยู่หลังบ้าน แฟนสาวเดินมาพร้อมที่ตรวจครรภ์ ระบุว่าขึ้น 2 ขีดตนก็งงว่าคืออะไร แฟนสาวบอกว่าท้อง ตนจึงถามว่าไม่ได้กินยาคุมเหรอ จากนั้นแฟนก็เดินกลับเข้าบ้าน ตนได้ยินแฟนคุยโทรศัพท์กับแม่เพื่อบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ตนจึงเดินเข้าไปหาแฟน และถามว่าทำไมไม่บอกกันก่อน เพราะตนก็ยังไม่พร้อมที่จะมีลูก เนื่องจากตัวเองป่วยเป็นโรคกระดูกทับเส้นประสาท ไม่สามารถทำงานหนักได้ ทุกวันนี้ก็แค่ทำมีดขาย รายได้มีไม่มาก จึงไม่พร้อมที่จะมีลูก จึงมีการถกเถียงกัน ก่อนตนจะตบหน้าแฟน 1 ครั้ง และใช้มือดันที่คอผลักให้นอนลงบนเตียง พร้อมกระทืบที่ขาไป 2 ครั้ง โดยไม่ได้กระทืบที่ท้อง
ตนยอมรับว่าตัวเองผิดที่ทำร้ายร่างกาย เพราะโมโหที่แฟนไม่ปรึกษาตัวเอง แต่กลับเอาเรื่องที่ท้องไปปรึกษาคนอื่น โดยหลังเกิดเหตุแฟนก็โทรศัพท์ให้ญาติมารับออกไปจากบ้านของตนทันที ช่วงเช้าวันที่ 20 พ.ย. น้องสาวของแฟนทักแชตมาด่าตนอย่างหนัก ด้วยความโมโหตนจึงส่งแชตไปให้แฟนดู และบอกให้มาเก็บของออกจากบ้าน เพราะมองว่าทำเกินไป
นายเอ กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยสั่งให้แฟนไปทำแท้งตามที่มีข่าว และไม่ตั้งใจจะกระทืบให้แฟนแท้ง ส่วนแม่ของตนก็ไม่ได้ยินดูในช่วงเกิดเหตุ แต่แม่นอนอยู่อีกห้อง ไม่ได้รับรู้ใด ๆ โดยก่อนหน้านี้ตนพยายามง้อให้แฟนกลับมา แต่ทราบว่าญาติของแฟนไม่อยากให้กลับมาคบกับตนแล้ว จึงต้องปล่อยไป ส่วนเรื่องการทำร้ายร่างกาย ก็ยินดีให้แฟนไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่เรื่องลูก ตนก็ยินดีจะส่งเสียเลี้ยงดูตามกำลังที่มี
ทั้งนี้ ทีมข่าวติดต่อไปหาฝ่ายหญิงที่ถูกทำร้ายร่างกาย เจ้าตัวระบุ ไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ เพราะสภาพจิตใจไม่พร้อม แต่ยืนยันว่าถูกบังคับให้ทำแท้งจริง ส่วนเรื่องทำร้ายร่างกายไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี เพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย