กรณีร้านเช่าชุดเจ้าสาวและรับแต่งหน้า ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอว่าที่เจ้าสาวรายหนึ่งที่มีความพิการบนใบหน้า เนื่องจากประสบอุบัติเหตุจนเสียโฉม แต่ช่างแต่งหน้าได้เนรมิตให้กลายเป็นเจ้าสาวที่สวยหวานงดงาม
โดยเขียนข้อความระบุว่า “ของขวัญสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง คือ การได้แต่งงานและเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดกับครั้งหนึ่งในชีวิต #ขอบพระคุณเจ้าสาวที่อนุญาตให้ถ่ายก่อนหลัง…เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจให้กับผู้หญิงทุกคน🙏🏻🙏🏻...#เรือนเจ้าสุพรรณบุรี”
และมีการโพสต์ความแตกต่างระหว่างก่อนแต่งและหลังแต่ง ซึ่งได้รับอนุญาตจากว่าที่เจ้าสาวรายนี้แล้ว พร้อมเขียนข้อความว่า “ความฝันของผู้หญิงคนหนึ่ง คือ อยากเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด #ขอบพระคุณเจ้าสาวที่อนุญาตให้ถ่ายก่อนหลังเพื่อเป็นแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจให้กับผู้หญิงทุกคน #เรือนเจ้าสาวสุพรรณบุรี”
ล่าสุดวันที่ 22 พ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับ นางสาวอรธีรา รสหอม หรือ ส้ม อายุ 26 ปี ว่าที่เจ้าสาวในรูปดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่ตนต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น เพราะวันที่ 11 ตุลาคม 51 ตนประสบอุบัติเหตุมีรถสิบล้อฝ่าไฟแดงมาชนขณะตนขี่มอเตอร์ไซค์ และลากไปเกือบ 200 เมตร จนรถมอเตอร์ไซค์ระเบิดทำให้ไฟคลอกตนจนเผาไหม้เรือนร่างบางส่วน มือซ้ายทั้งมือหายไป นิ้วก้อยนิ้วนางมือขวาหายไป ขาขวาขาดต้องใส่ขาเทียม ใบหูขวาขาดหาย ผมด้านขวาถูกเผาไหม้จนเซลล์ตาย ตาฝั่งขวาเปิดออก ต้องเอาหนังตรงไหปลาร้าไปปะแทน และแผ่นหลังเปิดถึงกระดูก
โดยทุกจุดที่ถูกไฟคลอกผิวหนังตายหมด ต้องขูดเอาหนังบริเวณหน้าขามาปะไว้ จึงกลายเป็นรอยหย่นจากการปะ ทำให้ตนหมดความมั่นใจ ท้อแท้และคิดจะฆ่าตัวตายตายมาแล้วหลายรอบ แต่โชคดีที่ครอบครัวคอยให้กำลังใจ ประกอบกับตนเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงรู้สึกว่าต้องสู้ต่อไป
ต่อมาในเดือนธันวาคม 59 เรื่องราวของตนก็ได้นำไปทำเป็นละครเทิดพระเกียรติ ชุดใต้ร่มพระบารมี เรื่อง จากฟากฟ้าสุราลัย โดยมีนักแสดงชื่อดัง “มุกดา นรินทร์รักษ์” นักแสดงสาว รับบทเป็นตน กระทั่งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีผู้ชายคนหนึ่งทักข้อความในไอจีเข้ามาจีบ บอกว่าเห็นตัวจริงของตนแล้วถูกชะตา แต่ยังไม่รู้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกมีบางอย่างบกพร่อง ก็เลยตัดสินใจบอกไปตั้งแต่วันแรกที่เริ่มคุยกัน เพราะตนอยากรู้ว่าเขาจะโอเคหรือเปล่า ไม่น่าเชื่อผู้ชายคนนี้กลับรับได้ และชื่นชมตนว่าเข้มแข็งมากที่สามารถใช้ชีวิตแบบนี้ จึงทำให้พวกเราได้นัดเจอกัน และคบกันเรื่อยมา
เมื่อ 2 ปีก่อน ฝ่ายชายต้องไปเป็นทหาร แล้วช่วงเดือนเมษายน 64 ที่ผ่านมา พ้นจากการเป็นทหารเกณฑ์ จึงให้ผู้ใหญ่มาติดต่อสู่ขอตนอย่างเป็นทางการ ซึ่งตนก็ตกลงเพราะมองว่าเขาไม่อายที่จะไปไหนมาไหนกับตน ก็เลยประทับใจ พร้อมกับมีการวางแผนแต่งงานแล้วเรียบร้อย ในวันที่ 12 มีนาคม 65 และหลังแต่งงานก็อยากมีลูกด้วยกัน ชาย 1 คน หญิง 1 คน
ส่วนภาพที่กำลังเป็นกระแส เป็นช่วงที่ตนถ่ายพรีเวดดิ้งในแพ็กเกจราคา 19,999 บาท มีทั้งแต่งหน้า และชุดเจ้าสาว โดยที่ตนไม่ได้ให้ตัวอย่างที่อยากได้กับช่าง บอกไปแค่ว่าตนมีปัญหาเกี่ยวกับผมและใบหน้า อยากให้ช่างช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ ตอนแรกที่ช่างเห็นก็ถึงกับตกใจ ทำให้ใช้เวลาแต่งนานถึง 5 ชั่วโมง
"หนูเห็นกระแสโซเชียลก็ตกใจเหมือนกันค่ะ ไม่คิดว่าจะได้รับความสนใจเยอะขนาดนี้ เพราะตอนแรกที่อนุญาตให้ช่างแต่งหน้าถ่าย เพราะอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ต่อมาช่างแต่งหน้าก็ขอญาตโพสต์ ซึ่งก็เห็นด้วยเพราะมองว่าอาจจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองได้ ด้านของฝ่ายชายหรือว่าที่เจ้าบ่าวก็ถึงกับอึ้งอยู่หลายนาที จำไม่ได้ว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขาหรือเปล่า เพราะสวยมาก สุดท้ายก็อยากขอบคุณทุกคน ไม่ว่าจะช่องทางไหนก็แล้วแต่ อ่านแล้วมันตื้นตันจนน้ำตาไหล และอยากบอกกับทุกคนว่า พยายามให้กำลังใจตัวเอง ชีวิตของเราต้องมั่นใจและทำทุกวันให้เป็นวันที่มีความสุข อย่าแคร์หรือท้อแท้ต่อคำติของคนอื่น และที่สำคัญอย่าได้หมดหวัง" นางสาวอรธีรา กล่าว
นายชานนท์ อู่ทรัพย์ หรือ เจมส์ อายุ 24 ปี ว่าที่เจ้าบ่าว ในวันนี้ก็โชว์หวานออกสื่อให้เราได้ดูด้วย ทั้งหอมแก้ม จับมือ พร้อมบอกว่าส่วนตัวตกกลุ่มรักผู้หญิงคนนี้ และอยากที่จะแต่งงานกับเขา เพราะชอบในสิ่งที่เขาเป็น ไม่ว่าจะเป็นตัวตน รูปลักษณ์ภายนอก และอยากจะดูแลเขาไปตลอดชีวิต ไม่เคยรู้สึกอายเลยด้วยซ้ำเมื่อต้องเดินในที่สาธารณะแล้วมีคนมอง
"ยิ่งมาเห็นตอนที่เขาแต่งหน้าเสร็จ ผมยอมรับว่าตกใจเพราะสวยมาก ๆ ขอบคุณช่างแต่งหน้ามาก ๆ ที่ช่วยกันแต่งจนไม่ได้กินข้าวเลย แต่ถ้าถามว่าอยากให้เขาแต่งแบบนั้นทุกวันไหม เจ้าไม่นะครับ ผมชอบธรามชาติมากกว่า เพราะไม่ว่ายังไงในสายตาผมเขาก็สวย และผมขอสัญญาว่าจะดูแลแบบนี้เสมอต้นเสมอปลายไปตลอดชีวิตครับ" นายชานนท์ กล่าวให้ฟัง
นายวานิช หอมเขียว หรือ จิงโจ้ อายุ 27 ปี ช่างแต่งหน้าและเจ้าของร้านเรือนเจ้าสาว สุพรรณบุรี ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเปิดมาแล้วกว่า 7 ปีแล้ว เปิดเผยว่า ทันทีที่ตนเห็นใบหน้าและร่างกายของว่าที่เจ้าสาว ยอมรับว่าเครียดและกังวลเหมือนกัน เพราะถือว่าเป็นงานที่ยากที่สุดเท่าที่ทำงานมาทั้งหมด 7 ปี แต่ตนก็ไม่ได้มองว่าเกินความสามารถ เพราะจากประสบการณ์ในการทำงาน รู้ว่าสามารถใช้เทคนิคหลายอย่างผสมผสานกันได้ จึงต้องมีการวางแผนกับทีมช่าง 5 คน ทั้งช่างหน้าและผมกว่า 2 ชั่วโมง สุดท้ายก็ตกลงกันว่าจะให้ออกมาชมพู หวาน ๆ สดใส เพราะด้วยความที่ต้องปกปิดข้อบกพร่องต่าง ๆ ถ้าใช้สีเรียบ ๆ คลีน ๆ จะปกปิดยาก แต่ถ้าใช้สีแรง ๆ ก็จะดูเข้มเกินไป
ทั้งนี้จุดที่ยากที่สุดจะมีอยู่ 2 จุด ได้แก่ ผม ทีมช่างก็เลยตัดสินใจใช้วิคผมตาข่ายเข้ามาช่วย เลือกสีผมและทรงผมให้เข้ากับใบหน้าโทนชมพูหวาน ๆ ส่วนจุดที่ 2 คือคิ้วฝั่งที่ไม่มีขนคิ้ว ตรงนี้จะใช้ขนตาปลอมตัดออกมาแล้วใช้กาวติดขนตาแปะบริเวณคิ้วให้เรียงเส้น จะได้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด รวมแล้วใช้เวลาแต่งหน้า 3 ชั่วโมง ทำผมอีก 2 ชั่วโมง ทั้งหมดรวม 5 ชั่วโมง
หลังจากแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้ว ตนเห็นว่าที่เจ้าสาวมีความสุข และบอกกับตนว่า "มันเกินคาดมาก ๆ" ส่วนตัวก็ดีใจ ปลื้มใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะเป็นหนึ่งในเคสที่เชื่อว่าลูกค้าก็ต้องตั้งความหวังไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากวินาทีแรกที่ว่าเจ้าสาวเดินเข้ามาในร้านและได้พูดคุยกับตนนั้น ว่าที่เจ้าสาวบอกว่า “หนูไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ได้แต่งงาน เป็นเจ้าสาว” ตั้งแต่ตอนนั้นตนรู้แล้วว่า "นี่แหละคือแรงบันดาลในการสร้างสรรค์ผลงาน และต้องทำยังไงก็ได้ ให้เขาสมหวังมากที่สุด"
ส่วนเรื่องกระแสโซเชียลนั้น ตนไม่คิดเลยว่าจะถูกพูดถึงเยอะขนาดนี้ เพราะความตั้งใจแรกแค่อยากให้ลูกค้าประทับใจมากที่สุด เพราะฉะนั้นตนในฐานะช่างแต่งหน้าก็อยากจะฝากบอกผู้หญิงทุกคนที่ไม่มั่นใจในรูปลักษณ์หน้าตาและเรือนร่างของตัวเองว่า “ทุกคนมีความสวยในตัวเอง เช่นว่าที่เจ้าสาวเคสนี้ ความสวยนั้นคือความสุข พลังบวก รอยยิ้มและกำลังใจ ฉะนั้นไม่ว่าจะมีลักษณะภายนอกเป็นยังไง ก็อยากให้มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองมี”