สืบเนื่องจากกรณีการเสียชีวิตของ "ไฮโซแบงค์" นางกัลยรัตน์ อัครเดชเดชาชัย ไฮโซสาวเจ้าของธุรกิจความงาม "อิมเมจินี่ และเดซี่ ดีว่าคลินิก" เสียชีวิตภายในบ้านพัก ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 3 ก.ย. 64 โดยพบศพอยู่ภายในห้องน้ำของห้องนอนส่วนตัว ที่บ้านย่านสุขุมวิทพื้นที่ สน.ทองหล่อ โดยหลังจากที่ข่าวออกไปก็มีเพียงแค่กระเเสว่าเจ้าตัวนั้นเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง แต่สาเหตุการเสียชีวิตนั้นเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สรุปสาเหตุเป็นการฆ่าตัวตาย โดยวันที่เกิดเหตุนั้น ผู้ตายอยู่คนเดียวภายในบ้านลำพัง ขณะที่แม่บ้านเลี้ยงสุนัขอยู่ภายนอกบ้านนั้น
โดยทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต ข้องใจในสาเหตุการเสียชีวิตที่ตำรวจได้สรุปคดีเบื้องต้น เพราะที่ผ่านมาทางครอบครัวเองกลับได้รับการติดต่อจากเจ้าพนักงานตำรวจผู้รับผิดชอบ ทั้งที่ครอบครัวเคยยื่นหนังสือถึงตำรวจผู้รับผิดชอบคดี เพื่อขอรับทราบรายงานการชันสูตรพลิกศพ ไปตั้งแต่ช่วงวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา จนกระทั่งวันนี้ 23 พ.ย. 64 นับตั้งแต่วันที่ผู้ตายเสียชีวิตก็กินเวลามานานกว่า 80 วัน แต่ทางครอบครัวกลับไม่ได้รับแจ้งความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใด มองว่าการเสียชีวิตเป็นการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม
ล่าสุด วันที่ 23 พ.ย. 64 ที่ สน.ทองหล่อ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลา 10.00 น. ทางครอบครัวของ "ไฮโซแบงค์" นายไตรรัตน์ ณ พัทลุง พ่อพร้อมด้วยนางสาวกิรัติมา ณ พัทลุง น้องสาว และนายเกรียงศักดิ์ อิ่มสมบูรณ์ ทนายความส่วนตัว เดินทางมาเข้าพบกับทาง พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ เพื่อสอบถามเรื่องคดี
พ่อและน้องสาวของไฮโซแบงค์ เปิดใจก่อนพบเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ทางครอบครัวของตนสงสัยถึงสาเหตุการเสียชีวิตมาตั้งแต่วันแรกที่ทราบข่าว ด้วยทางครอบครัวเองไม่ได้มีโอกาสเข้าพบหรือพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาลักษณะนิสัยของพี่สาวเป็นคนเข้มแข็ง โดยเฉพาะคนสนิทหรือคนในครอบครัวจะรู้ดี ส่วนกรณีโรคร้ายหรือโรคมะเร็ง ที่เจ้าตัวเป็นมากว่า 1 ปีนั้น ผลการรักษาเป็นไปด้วยดี ทำคีโมมาแล้ว 9 ครั้ง เหลืออีกแค่ 3 ครั้งก็จะเสร็จสิ้นกระบวนการรักษา จากการพูดคุยกับพี่สาวไม่ได้เห็นท่าทีท้อหรือมีการบ่นถึงอาการป่วยแต่อย่างใด ตลอดจนที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีประวัติทำร้ายร่างกายตัวเองด้วย เรื่องปัญญาของธุรกิจหรือหนี้สินนั้นก็ยืนยันว่าไม่มีปัญหาด้วย
ยืนยันว่าทางครอบครัวไม่ได้ติดใจหรือสงสัยใครเป็นพิเศษ เนื่องจากยังไม่ได้ดูข้อมูลหลักฐานและสำนวนเพราะในวันเกิดเหตุเจ้าตัวอยู่ภายในบ้านคนเดียวมีเพียงแม่บ้านที่อยู่ด้านนอก ในส่วนของจุดเกิดเหตุพบข้อพิรุธหรือข้อสงสัยที่ระบุว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่นั้น ครอบครัวเองไม่ได้ทราบข้อมูลว่าเป็นฆ่าตัวตายหรือใช้อาวุธอะไร มองแค่ว่าคดีดังกล่าวล่าช้าเกินไป นับตั้งแต่การเสียชีวิตก็ผ่านมากว่า 80 วัน ครอบครัวรอที่จะเข้ามาให้ข้อมูลกับทางตำรวจมาตลอด แต่ไม่มีการเรียกมาแต่อย่างใด
น.ส.กิรัติมา น้องสาวของผู้เสียชีวิต ระบุว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็มีการระบุว่ายังคงต้องรอผลพิสูจน์หลักฐานเพื่อสรุปสำนวนอีกรอบ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองได้ระบุว่าต้องใช้เวลาในการทำสำนวนเบื้องต้น 60 วันทำการ ซึ่งตนเองและครอบครัวก็รู้สึกพอใจที่ได้รับทราบข้อมูลในบางส่วน ทั้งนี้ ก็ให้เวลาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมหลักฐานอีกครั้ง ตนยืนยันคำเดิมว่าตั้งแต่วันแรกที่ทราบข่าวในใจก็คือว่าคงไม่ใช่เป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็อย่างที่บอกต้องดูในส่วนของพยานหลักฐานด้วย สุดท้ายผลจะออกมาเป็นอย่างไรทางครอบครัวก็พร้อมรับ
ด้านนายเกรียงศักดิ์ อิ่มสมบูรณ์ ทนายความส่วนตัว บอกว่าส่วนของข้อมูลที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าสาเหตุการเสียชีวิตนั้นน่าจะมาจากการฆ่าตัวตาย จริงแล้วเป็นเพียงการสันนิษฐาน เพราะสาเหตุจริงนั้นมาจากการสำลักเลือด ที่เกิดจากบาดแผลบริเวณลำคอจากของมีคม และบริเวณบาดแผลบริเวณแขนด้วย ซึ่งทางครอบครัวเองก็ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนว่าอาวุธที่ใช้คืออะไร มีลักษณะอย่างไร ทราบว่าเบื้องต้นตำรวจแจ้งว่าคล้ายมีดทำครัวแต่สุดท้ายก็มีการระบุว่าเป็นมีดคัตเตอร์ ตลอดจนยังไม่ทราบรายละเอียดร่องรอบบาดแผลเช่นกันว่าบริเวณลำคอมีกี่แผลลึกแค่ไหน ลักษณะเป็นอย่างไร เลยต้องเดินทางมาในวันนี้
ทั้งนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่ทางครอบครัวสงสัยในส่วนของเวลาเสียชีวิต เพราะตอนแรกครอบครัวได้รับแจ้งช่วงเวลาประมาณ 19.30 น. แต่ปรากฏว่าในใบมรณะบัตร กลับระบุว่าเสียชีวิตในช่วงเวลา 20.45 น. ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ครอบครัวได้รับข้อมูลมา จึงอยากทราบว่าจริง ๆ แล้วในข่วงเวลาดังกล่าวเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่มีการนำส่งโรงพยาบาล อีกทั้งตามกฎหมายแล้ว ใบมรณะบัตรจะต้องมีการระบุในช่วงเวลาที่ได้รับแจ้งหรือพบศพ
ด้าน พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า เรื่องสำนวนการสอบสวนผู้เสียชีวิต พนักงานสอบสวนได้สอบพยานที่เกี่ยวข้องและพยานในที่เกิดเหตุ คือแม่บ้าน สามีผู้เสียชีวิต และได้สอบพยานแวดล้อมอื่น ๆ แล้ว แต่ยังไม่สามารถสรุปสำนวนคดีนี้ได้ เนื่องจากผลการตรวจพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐานยังไม่แล้วเสร็จ
หากครอบครัวผู้เสียชีวิตติดใจสาเหตุการตาย หรือมีพยานหลักฐานใหม่ ก็สามารถนำมาร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือนำมาให้กับพนักงานสอบสวนพิจารณาได้ ซึ่งตำรวจยินดีที่จะสอบสวนให้ละเอียดขึ้น หากพบว่ามีพยานหลักฐานใหม่ที่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไป ก็พร้อมจะสอบสวนจนกว่าจะหมดข้อสงสัย เพื่อสรุปสำนวนและสาเหตุการตายให้ครบถ้วนสมบูรณ์ต่อไป