จากกรณีเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คง ได้รับแจ้งเหตุพบชายชราวัย 60 ปี โดนทำร้ายร่างกายด้วยของมีคมนอนเสียชีวิต ที่บริเวณกระท่อม กลางทุ่งนาดอนสวาย บ้านทองหลาง หมู่ 4 ต.โนนเต็งอ.คง จ.นครราชสีมา ทราบชื่อภายหลังคือ นายฉัตร ภักดีกลาง อายุประมาณ 60 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นคือภรรยาที่อยู่กินกันมา 8 ปี ยืนรอมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณกระท่อมดังกล่าว
ทราบชื่อ น.ส.นิตยา อักษรกลาง อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตาย ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร พบอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุลักษณะเป็นมีดพร้า ซึ่งมีรอยคราบเลือดติดอยู่ ทิ้งไว้ในพงหญ้า คาดว่าจะเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ
ก่อนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำตัว น.ส.นิตยา ไปสอบปากคำที่ สภ.คง และรอทางพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเบื้องต้นในส่วนของสถานที่เกิดเหตุดังกล่าวนั้น ใช้เป็นสถานที่กักตัวของ นายฉัตร ผู้เสียชีวิต กับน.ส.นิตยา ภรรยา เนื่องจากทั้งคู่มีประวัติไปสัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 โดยในวันเกิดเหตุมีชาวบ้านได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน จึงได้โทรแจ้งผู้ใหญ่บ้านเข้าไปตรวจสอบ ก่อนจะพบว่านายฉัตรเสียชีวิตแล้ว
ล่าสุด วันที่ 23 พ.ย. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ เป็นลักษณะกระท่อมไม้ ยกพื้นสูงอยู่กลางทุ่งนา บริเวณโดยรอบไม่มีบ้านคน และไม่มีไฟ ทั้งนี้ ยังพบร่องรอยคราบเลือด และร่องรอยของข้าใของที่กระจัดกระจาย มีซากขนไก่ ซึ่งเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของผู้ตายก่อนเกิดเหตุ
ต่อมาทางทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับทาง นางสายพิณ ถุงกลาง อายุ 58 ปี คนสนิทของผู้ก่อเหตุ และเป็นคนที่ทางผู้ก่อเหตุได้โทรมาบอกเล่าถึงเหตุการณ์เป็นคนแรก เล่าว่า ช่วงประมาณตี 4.20 น. ผู้ก่อเหตุได้โทรมาตนพร้อมเล่าให้ฟังว่าโดนทางผู้ตายเอาจานข้าวตีหัวจนแตก เลือดไหลไม่หยุด ตนเองเลยถามว่าแล้วนายฉัตร ผู้ตายไปไหน ผู้ก่อเหตุก็บอกว่า "ฉันเอามีดฟันคอมันนอนนิ่งแล้ว" ตนเลยถามผู้ก่อเหตุว่ามันเจ็บหนักไหม ผู้ก่อเหตุบอกว่า "ไม่รู้จะตายหรือเปล่า" ตนเลยดูว่าทีท่าไม่ดีเลยตัดสินใจโทรหาผู้ใหญ่บ้าน จนมาทราบว่านายฉัตรเสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงสาเหตุนั้น เบื้องต้นที่ตนเองไปฟังคำให้การของผู้ก่อเหตุได้เล่าให้ตำรวจฟังว่า สาเหตุของการทะเลาะหันมาจากจังหวะที่กำลังจะกินข้าวกันช่วงค่ำ ผู้ตายเองก็ต้มไก่ ส่วนเมียก็จัดเตรียมหุงข้าว ไม่รู้ว่าทางผู้ตายเป็นอะไร เมายาหรือเมาเหล้าไม่ทราบ ก็เอาจานตีเข้าตรงหัวด้านหลัง 1 ที
หลังจากนั้นผู้ตายเองก็หัวเราะชอบใจ หลังจากนั้นพอตกดึก ผู้ตายเองก็ชวนให้ทางภรรยา มีอะไรด้วย แต่ทางผู้ชายนกเขาไม่ขัน เลยพยายามให้ทางผู้ก่อเหตุช่วย แต่ทางผู้ก่อเหตุเองกลับปวดหัวเลยไม่อยากทำให้ สุดท้ายทางผู้ตายโมโหเตะเข้าไปที่ลำตัว ทางฝ่ายผู้ก่อเหตุเลยรู้สึกทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาไล่เอามีดตัดอ้อยฟันเข้าไปตรงบริเวณลำคอ 3 ที ก่อนที่ทางผู้ตายจะล้มฟุบลงไป ผู้ตายเองพยายามจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง ทางผู้ก่อเหตุคว้ามีดสปาต้าฟันเข้าไปตามร่างกายอีก 10 บาดแผล จนแน่นิ่ง
นายละมัย ศรีนอก อายุ 57 ปี ชาวบ้านที่เข้าไปดูเหตุการณ์คนแรกพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่า ประมาณช่วงตี 4 ตนได้รับการติดต่อมาจาทางผู้ใหญ่บ้านว่าให้ช่วยไปดูจุดที่เกิดเหตุเป็นเพื่อน หลังจากที่ได้นับแจ้งจากขาวบ้านในพื้นที่ว่ามีการทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันที่บริเวณกระท่อมกลางนา ในพื้นที่หมู่ 4 ซึ่งพอไปถึงที่เกิดเหตุก็พบร่างของนายฉัตร ผู้เสียชีวิต นอนจมกองเลือดอยู่ บริเวณกระท่อมหลังดังกล่าว
โดยทั้งคู่คือคนในพื้นที่ค่อนข้างมีปากเสียงกันบ่อย และชอบโทรมาให้ผู้ใหญ่เข้าไปดู โดยที่ทางผู้ตายมีลักษณะนิสัยชอบทำร้ายภรรยาบ่อยครั้ง แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถข่วยเหลือหรือเข้าไปยุ่งอะไรได้มาก เพราะมันเป็นปัญหาของครอบครัว ขณะที่ทางผู้ก่อเหตุเองเป็นคนที่ค่อนข้างพูดน้อย ไม่ค่อยพูดและไม่มีพิษมีภัย ยอมรับตกใจหลังทราบเรื่อง ตอนแรกไม่คิดว่าทางภรรยาจะเป็นคนก่อเหตุ แต่พอถามไปถามมาเขาบอกว่าเหลืออดกับทางสามีที่ชอบทำร้ายร่างกายเขา เลยโมโห และคุมสติไม่อยู่