ภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านขุนพลโลจิสติกส์รับขนส่งสินค้าอาหารทะเล จับภาพของกลุ่มวัยรุ่นรวม 7 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่ข้างรถกระบะ บริเวณร้านขุนพลโลจิสติกส์ ตลาดทะเลไทย แล้วกระหน่ำลงไปชกต่อยพ่อค้ามาส่งหอยแครงที่ขับรถกระบะมา 2 คน
ในกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าที่รถกระบะมีชายสวมใส่เสื้อสีเขียวและสวมเสื้อสีดำลาย ยืนและนั่งอยู่เสื้อสีเขียวคือนายพีระพงษ์ ปิ่นแก้ว อายุ 30 ปี ส่วนเสื้อสีดำคือ นายเอกพจน์ กำแพงเงิน อายุ 47 ปี ทั้งสองคนนำหอยแครงในกระสอบมาส่งที่เกิดเหตุ
จากนั้นมีกลุ่มที่ขับรถจักรยานยนต์มาคือชายเสื้อเหลือง ทราบภายหลังว่าคือนายโอม อายุ 16 ปี ขึ้นไปบนกระบะ เปิดฉากชกต่อย แล้วโอมลงไปชกต่อย จากนั้นคนที่สวมใส่หมวกกันน็อกก็ขึ้นไปชกต่อยชายซ้ำหลายครั้ง
วันที่ 24 พ.ย. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านผู้ที่เสียหาย ที่ถูกรุมชกต่อย พบกับนายเอกพจน์กำแพงเงิน และนายพีระพงษ์ ปิ่นแก้ว หลานชายของนายเอกพจน์สวมเสื้อสีเขียว ที่ถูกรุมต่อยจนตกจากรถกระบะแล้วมีอาการชักเกร็ง เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน โดยเวลา 19.00 น. ทั้ง 2 คนกำลังขับรถกระบะ ไปส่งหอยแครงที่ตลาดทะเลไทย
ระหว่างทางกลับรถ ใต้สะพานบริเวณชุมชนศรีสุข พบกับเด็กวัยรุ่น 3 คน ได้ชูนิ้วกลางใส่รถของตนจึงมีการจอดถามว่าชูนิ้วกลางใส่ทำไม มีเด็กคนนึงตอบกลับมาว่าไม่ได้ชูใส่ ขณะที่มีวัยรุ่นอีกคนเดินกลับมาบอกว่า "มีค-ยอะไร เดี๋ยวเจอกันทั้ง 2 คน" จึงปิดกระจกแล้วขับรถไปส่งหอยตามปกติไม่ได้คิดอะไร จากนั้นพอมาถึงที่ร้านขุนพลโลจิสติกส์ตลาดทะเลไทย วัยรุ่นก็ขับขี่รถจักรยานยนต์มาประมาณ 3-4 คัน มากัน 6-7 คน รุมทำร้ายจนตนทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่นางกุหลาบอาจคง ป้าของนายโอม อายุ 16 ปี คนที่ใส่เสื้อสีเหลืองในคลิป เล่าว่า ในวันที่เกิดเหตุประมาณ 19.00 น. เด็กชายซ่าที่อายุ 12 ปีวิ่งเข้ามาในซอย อย่างกระหืดกระหอบ หน้าตื่นตกใจ แล้วก็ตะโกนโวยวายบอกว่ามีคนจะทำร้าย เป็นคนขับรถกระบะขับรถมาแล้วหาว่าตนยกนิ้วกลางให้ แล้วก็ขู่จะทำร้ายจึงวิ่งมาฟ้องพวกพี่ ๆ ในซอย เด็กวัยรุ่นในซอยถึงรวมตัวกันขับขี่รถมอเตอร์ไซค์จะออกไปเอาเรื่องคนขับรถกระบะ ตนก็เตือนแล้วว่าอย่าไปทำอะไรเขา แต่ก็เข้าใจว่าเด็กวัยรุ่นบางทีก็หัวร้อน โดนด่าให้ของลับก็โมโห เป็นป้าก็โมโหเหมือนกัน ขนาดรู้ว่าหลานตัวเองโดนด่าให้ของลับก็ยังรู้สึกเจ็บใจแทน
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาสอบถามแล้ว เด็กวัยรุ่นก็ให้ข้อมูลเป็นอย่างดีก็ไม่ได้คิดจะหนี ก็เข้าใจว่าเด็กทำไปเพราะโมโห