กรณีวันที่ 25 พ.ย. 61 เมื่อเวลา 03.00 น. เจ้าหน้าที่ สน.พญาไท รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ชนราวสะพานข้ามแยกยมราช มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายทัศพล อินทร์รอด อายุ 23 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ผู้ตายขี่รถมาด้วยความเร็วสูง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้ง ทำให้รถหลุดโค้งเสียหลักไปเฉี่ยวกับขอบปูนราวสะพานอย่างรุนแรงนั้น โดยญาติและเพื่อนของผู้เสียชีวิตพบพิรุธ ที่ข้อมือผู้ตายพบรอยคล้ายกระสุนปืน จึงคาใจว่าเป็นการฆาตกรรมหรือไม่นั้น (อ่าน :
เปิดภาพนาทีเพื่อน “เลย์ ตัวแสบ” ตาย เจอกระบะประกบ เชื่อรูที่ศพปืนยิง)
วันที่ 28 พ.ย. 61
นายพีรวัฒน์ ธีรภาพเจริญ หรือ เลย์ตัวแสบ เพื่อนรุ่นพี่ผู้ตาย ให้สัมภาษณ์ในรายการต่างคนต่างคิด ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 เวลา 18.50 น. โดยแจงข้อสงสัยว่า ภาพของกล้องวงจรปิดขณะติดไฟแดง จะสังเกตได้ว่า ผู้ตายขับรถผิดวิสัยของผู้ขับขี่จักรยานยนต์ทั่วไป คือ ผู้ตายจอดข้างรถกระบะ ซึ่งตามปกติแล้ว ผู้ขับขี่จักรยานยนต์จะไม่จอดเทียบข้างรถยนต์ นอกจากนี้ยังพบว่า มีการเปิดหมวกกันน็อก และขยับรถถอยหลังตามกันอีกด้วย
จากนั้น กล้องวงจรปิดข้ามแยกยมราช จะสังเกตได้ว่า รถกระบะขับผ่าไฟแดงออกมาในลักษณะประหลาด ผิดเลน เพราะตามปกติแล้วรถจะต้องตรงมาตามทางก่อน แล้วจึงเบี่ยงขวาเพื่อเลี้ยวเหมือนอย่างทั่วไป ตนจึงตั้งข้อสงสัยว่า คนขับรถกระบะอาจเป็นคนร้าย
นอกจากนี้
นายพีรวัฒน์ ตั้งสงสัยอีกว่า ต่อมาเป็นภาพบริเวณที่เกิดเหตุ พบว่า มีวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายกับกระสุน หรือปลอกกระสุนตกอยู่ แต่วัตถุดังกล่าวกลับไม่มีใครเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนบนสะพาน พวกตนขึ้นไปสังเกตและเก็บหลักฐานกันเองแล้ว พบว่า ไม่มีน็อตหรือของแหลมที่จะทำให้เกิดแผลในลักษณะดังกล่าวได้
หรือหากจะมีสิ่งของที่สามารถทำให้เกิดแผลจริง แต่บาดแผลที่ถูกน็อตเกี่ยว ควรจะต้องมีลักษณะบาดแผลที่ไม่เรียบ จะต้องมีการเปื่อยยุ่ยของเนื่อเยื่อ เนื่องจากแรงกระชากบ้าง ตนคิดว่าผู้ตายอาจถูกยิงในขณะเลี้ยวขึ้นสะพาน เนื่องจากประสบการณ์ของตน หากถูกยิงจะรู้สึกชาและยังไม่รู้ตัว เมื่อเวลาผ่านไปประมาณไม่เกินนาที จึงจะรู้ว่าถึงยิง จึงอาจเป็นไปได้ว่า ผู้ตายถูกยิงมาก่อน กระทั่งมารู้ตัวและทำให้รถเสียหลักล้มบนสะพานข้ามแยก
นายพีรวัฒน์ กล่าวอีกว่าเรื่องดังกล่าวนี้ ตนจึงแบ่งประเด็นต้องสงสัยออกเป็น 2 ประเด็น คือ การเขม่นหรือหมั่นไส้กันระหว่างทาง เนื่องจากรถของผู้ตายเป็นรถแต่ง มีท่อเสียงดัง หรืออาจจะเป็นคนคุยเก่าของผู้หญิงที่ผู้ตายคบหาด้วย เนื่องจากผู้ตายมีนิสัยเจ้าชู้ ประกอบกับคนคุยคนเก่าของฝ่ายหญิงเป็นคนมีสีและเพิ่งเลิกรากันไปไม่ถึงเดือน จึงทำให้สงสัยว่าแฟนเก่าอาจเป็นผู้ลงมือหรือไม่
น.ส.ชนัญธิดา พิทักษ์ หญิงที่อยู่กับนายทัศพลเป็นคนสุดท้าย กล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการเดียวกันว่า ตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเองด้วยการให้โทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่ามีการพูดคุยกับแฟนเก่าหรือไม่แล้ว เนื่องจากตนเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับผู้ตาย โดยขณะนั้นผู้ตายมาหาตน เมื่อเวลาประมาณ 01.40 น. และออกไปจากห้องไปในเวลาไม่เกิน 02.30 น. ซึ่งหลังจากนั้นตนก็มารู้ข่าวในช่วงสายคือ ประมาณ 09.00 น.
ตนไม่ได้ติดต่อกับคนคุยเก่าแล้ว แต่ยอมรับว่าเพิ่งเลิกรากันไม่ถึงเดือน และบุคคลดังกล่าวก็รู้จักบ้านของตนเป็นอย่างดี โดนคนคุยคนนี้เป็นทหาร แต่ไม่พกอาวุธ และไม่ได้อาศัยอยู่ในกทม. รวมถึงไม่ได้เป็นเจ้าของรถกระบะคันต้องสงสัย และตนค่อนข้างมั่นใจว่า คนคุยเก่าของตนไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวด้วย
น.ส.ชนัญธิดา กล่าวอีกว่า ในวันที่ผู้ตายมาหา ตนก็รั้งผู้ตายเอาไว้แล้ว แต่ผู้ตายกลับไม่ยอมอยู่กับตน ซึ่งเป็นเรื่องผิดสังเกต เพราะปกติ หากผู้ตายมาหา ก็จะนอนกับตนจนถึงเช้า แต่ในวันเกิดเหตุ ผู้ตายลุกขึ้นมารับโทรศัพท์และพูดว่า "ครับ อยู่ข้างนอกครับ รู้แล้วครับ" ก่อนจะออกไปจนกระทั่งประสบอุบัติเหตุ
ต่อมา ทีมข่าวลงพื้นที่มาคอนโดแห่งหนึ่งย่านบรมราชชนนี ซึ่งเป็นคอนโดที่นายทัศพล อินทร์รอด ผู้เสียชีวิตเดินทางมาหา น.ส.ชนัญธิดา ก่อนเสียชีวิต โดยทีมข่าวดูภาพกล้องวงจรปิดบริเวณลานจอดรถของคอนโดพบว่าในวันที่ 25 พ.ย. คืนเกิดเหตุ พบผู้ตายขับรถบิ๊กไบก์เข้ามาในช่วงเวลาประมาณ 01.44 น.
ขณะที่กล้องวจรปิดด้านหน้าประตูทางเจ้าตึกของคอนโดดังกล่าว เวลาประมาณ 01.47 น. โดยสวมเสื้อสีดำ ถือหมวกกันน็อก ยืนรออยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าคอนโดเป็นระยะเวลาประมาณ 3 นาที หลังจากนั้นพบว่าเวลาประมาณ 01.50 น. น.ส.ชนัญธิดา ได้สวมเสื้อสีชมพูลงมาเปิดประตูให้
โดยกล้องอีกตัวหนึ่งที่ฉายให้เห็นภาพช่วงเวลา 01.50 น.พบว่าฝ่ายหญิงได้เดินมาประตู ก่อนที่ทั้ง 2 คนเข้าไปในลิฟท์ พบว่าผู้ตายได้กอดคอฝ่ายหญิงเดินเข้าในลิฟท์ หลังจากนั้นในช่วงเวลา 02.42 น. พบว่าผู้ตายสวมหมวกกันน็อกลงมาจากลิฟท์เพียงคนเดียวและออกจากคอนโดไป