หมอเฉลิมชัย เตือนโควิดกลายพันธุ์ โอไมครอน น่าห่วง จัดอยู่ในกลุ่มรุนแรงสูงสุด ตำแหน่งหนามมากกว่า เดลต้า 3.5 เท่า หวั่นหากเกิดการระบาดใหม่ ศก. พังทั้งโลก ชี้ บริษัทวัคซีน โว ผลิตวัคซีนต้านโอไมครอนได้ใน 6 สัปดาห์นั้น ยังไม่มีอะไรมาพิสูจน์ได้ว่าทำได้แน่นอน
28 พ.ย. 2564 หมอเฉลิมชัย นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์แชร์ความรู้เกี่ยวกับ โควิดโอไมครอน ผ่าน blockdit ส่วนตัว ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย โดยมีข้อความว่า
"น่ากังวลมาก ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ตัวล่าสุด โอไมครอน เปลี่ยนแปลงที่ตำแหน่งหนามมากกว่าเดลต้า 3.5 เท่า องค์การอนามัยโลกจัดให้อยู่ในกลุ่มรุนแรงสูงสุดแล้ว ขณะนี้องค์การอนามัยโลกได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ให้ไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ล่าสุดคือ B.1.1.529 ซึ่งพบเป็นครั้งแรกที่ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นกลุ่มที่มีความรุนแรงสูงสุดหรือกลุ่มน่ากังวล (VOC : Variant of Concern)
และตรวจพบว่ามีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่ เป็นส่วนหนามมากถึง 32 ตำแหน่ง ในขณะที่ไวรัสสายพันธุ์เดลต้า กลายพันธุ์ที่ส่วนหนามเพียง 9 ตำแหน่ง
รายละเอียดที่ควรสนใจเกี่ยวกับไวรัสตัวนี้ประกอบด้วย
1) ไวรัสโคโรนาลำดับที่ 7 ซึ่งก่อโรคโควิด-19 เป็นไวรัสที่กลายพันธุ์ได้ง่ายเป็นธรรมชาติ เนื่องจากเป็นสารพันธุกรรมเดี่ยว อาร์เอ็นเอ (RNA)
2) ในช่วงสองปีที่ผ่านมา พบว่ามีไวรัสกลายพันธุ์ไปแล้ว มากกว่า 1000 สายพันธุ์หลักและสายพันธุ์ย่อย
3) ไวรัสมีสารพันธุกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงได้ประมาณ 30,000 ตำแหน่ง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงไปเพียงตำแหน่งเดียว ก็เรียกว่าเป็นไวรัสกลายพันธุ์ได้แล้ว
4) องค์การอนามัยโลกได้จัดกลุ่มไวรัสสายพันธุ์ต่างๆเรียงตามลำดับความรุนแรงได้แก่
4.1 ไวรัสที่น่ากังวล (VOC) ประกอบด้วย
สายพันธุ์อัลฟ่าหรืออังกฤษเดิม
สายพันธุ์เบต้าหรือแอฟริกาใต้เดิม
สายพันธุ์แกมมาหรือบราซิลเดิม
สายพันธุ์เดลต้าหรืออินเดียเดิม
และได้ประกาศสายพันธุ์ที่ 5 คือ โอไมครอนของแอฟริกาใต้
4.2 ไวรัสที่ต้องให้ความสนใจ(VOI : Variant of Interest) มีสองสายพันธุ์ได้แก่แลมป์ด้า และมิว
4.3 ไวรัสที่ควรติดตาม (VUM : Variant Under Monitoring) มีทั้งหมด 7 ตัว
5) การจัดกลุ่มไวรัสดังกล่าวใช้องค์ประกอบ ดังนี้
5.1 สารพันธุกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ไวรัสเกิดการเปลี่ยนแปลงในประเด็นของ
5.1.1 การแพร่ระบาดที่กว้างขวางรวดเร็วมากขึ้น
5.1.2 ความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น
5.1.3 ความสามารถในการหลบหลีกระบบภูมิคุ้มกันหรือวัคซีนมีมากขึ้น
5.2 มีการแพร่ระบาดในชุมชน หรือเกิดเป็นคลัสเตอร์ในหลากหลายประเทศ
6) ไวรัสโอไมครอน มีการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรมมากที่สุด เท่าที่เคยมีการกลายพันธุ์มาคือมากกว่า 50 ตำแหน่ง และที่สำคัญคือเปลี่ยนแปลงในส่วนหนามซึ่งใช้ในการก่อโรคในมนุษย์ มากถึง 32 ตำแหน่ง
เมื่อเปรียบเทียบกับไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งหนามเพียง 9 ตำแหน่ง ทำให้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนมีการเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรมที่ตำแหน่งหนาม มากกว่าไวรัสเดลต้าถึง 3.5 เท่า
7) ไวรัสโอไมครอนพบเป็นครั้งแรกในประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ตามด้วยประเทศบอตสวานา และอีกหลายประเทศในแอฟริกาใต้ เช่น นามิเบีย ซิมบับเว เลโซโท เอสวาตีนี่ มาลาวี อังโกลา โมซัมบิก และแซมเบีย
8) ขณะนี้มีการแพร่ระบาดออกไปนอกทวีปแอฟริกาใต้แล้ว ได้แก่ ในทวีปยุโรปคือ อังกฤษพบผู้ป่วยสองราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้ และเบลเยี่ยม
ฮ่องกงพบ 1 ราย ก็เดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้เช่นกัน นอกจากนั้นยังพบในประเทศอิสราเอลด้วย การตรวจพบผู้ติดเชื้อนั้น ส่วนใหญ่จะตรวจพบจากการเดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง และมีการกักตัว
10) เหตุที่ในประเทศแอฟริกาใต้ มีการกลายพันธุ์ของไวรัสบ่อยครั้ง เนื่องจากมีการฉีดวัคซีนได้จำนวนน้อย จึงมีการระบาดของโรคมาก และไวรัสเพิ่มจำนวนบ่อย จึงกลายพันธุ์ได้มากกว่า
11) ขณะนี้ประเทศอังกฤษ ได้ประกาศให้ 10 ประเทศในแอฟริกาห้ามเดินทางเข้าอังกฤษ และคนอังกฤษที่มาจากประเทศดังกล่าวจะถูกกักตัวอย่างน้อย 10 วัน เช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ และคนไทยที่เดินทางมาจาก 8 ประเทศดังกล่าว จะต้องถูกกักตัว 14 วัน
จำเป็นต้องเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด รวมทั้งติดตามรายงานการศึกษาซึ่งจะมีเพิ่มเติมว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน จะมีการแพร่ระบาดที่รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้ามากน้อยอย่างไร รวมทั้งมีอาการโรคที่จะรุนแรง และอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นหรือไม่
ประการสำคัญที่สุดคือ จะดื้อต่อวัคซีนหรือไม่
ถ้าโชคดี การกลายพันธุ์ที่ตำแหน่งส่วนหนามของไวรัสดังกล่าว ทำให้ติดเชื้อแพร่ระบาดน้อยลง มีอาการรุนแรงน้อยลง และวัคซีนป้องกันได้ ก็จะโล่งอกกันไป
แต่ถ้าโชคไม่ดี การกลายพันธุ์ในส่วนหนามครั้งนี้ ทำให้มีการแพร่ระบาดรวดเร็วมากขึ้น อาการของโรครุนแรงและเสียชีวิตสูง และดื้อแต่วัคซีนด้วยแล้ว
ก็จะเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดครั้งใหม่อีกระลอกหนึ่งทั่วโลก ซึ่งจะกระทบกับประเทศต่างๆ อย่างรุนแรง ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ
แม้จะมีบางบริษัทออกมาประกาศว่า สามารถที่จะผลิตพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่ เพื่อรองรับโอไมครอนได้ใน 6 สัปดาห์ ก็ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าจะทำได้รวดเร็วภายในเวลาดังกล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไทย ตั้งการ์ดสู้ โอไมครอน สั่งห้าม 8 ประเทศจากแอฟริกาเข้าประเทศ ตั้งแต่ 1 ธ.ค.64
- เกาหลีใต้ บล็อก โอไมครอน งด 8 ประเทศจากแอฟริกาเข้าประเทศ มีผลทันที
- ผวา! โอไมครอน เนเธอร์แลนด์เร่งตรวจผู้ติดเชื้อโควิด 61 ราย จากแอฟริกาใต้