จากกรณี ด.ช.จิระดนัย ทันเต หรือ น้องเฟรม อายุ 12 ปี เสียชีวิตจากการถูกไฟดูด บริเวณริมรั้วลวดหนามที่มีกระแสไฟฟ้า ภายในเก็บกองไม้พะยูง ในอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย จ.อุบลราชธานี ซึ่งญาติติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เพราะพบร่องรอยคล้ายถูกทำร้ายร่างกาย โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เด็กและครอบครัวถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ และข้อหาบุกรุกนั้น (อ่าน :
เปิดพิรุธคดีเด็ก 12 ถูกไฟดูดตายคากองไม้พะยูงของกลาง - ก๊วนเล่านาทีอดีตเคยโดนจับ)
วันที่ 29 พ.ย. 61 ที่ศาลจังหวัดเดชอุดม จ.อุบลราชธานี นางอุลัย ทันวิมา แม่ของผู้ชีวิต พร้อม ดร.สมชาติ วงศ์ธราธร ทนายความ เข้ายื่นฟ้องหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูจองนายอยที่ทำหน้าที่ยามในวันเกิดเหตุ และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพรรณพืช ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ดร.สมชาติ ทนายความ เปิดเผยว่า กรณีน้องเฟรม พร้อมเพื่อนวัยเดียวกันเข้าไปในพื้นที่ใช้เก็บของกลางไม้พะยูง ไม่มียานพาหนะใช้ขนไม้ และเลื่อยยนต์ตัดไม้ ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่อุทยานเสนอเงินชดเชยค่าเสียหายให้กับครอบครัวจำนวนหนึ่งแล้ว
ทางญาติได้ติดต่อให้ตนเข้ามาเป็นทนายความ เพื่อฟ้องร้องต่อศาลขอความเป็นธรรม เพราะการที่เจ้าหน้าที่อุทยานปล่อยกระแสไฟฟ้าพาดกองไม้พะยูง จึงเล็งเห็นผลของการวางกระแสไฟฟ้า ว่าหากผู้ใดไปแตะ จะต้องถูกไฟดูดจนถึงแก่ความตายได้ ซึ่งเป็นการเล็งเห็นผลถือว่าเป็นการฆ่าคนตายโดยเจตนา และการฟ้องวันนี้ เป็นการฟ้องในทางคดีอาญา ยังไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งต่อคู่กรณีแต่อย่างใด
ที่อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย พาผู้สื่อข่าวย้อนเหตุการณ์กลับไปดูจุดเกิดเหตุ บริเวณรั้ว ซึ่งสร้างขึ้นระหว่างความร่วมมือของชาวบ้านและเขตอุทยาน โดยเป็นรั้วที่ทำด้วยเสาปูน และเสาไม้เก่าที่ผุพัง
โดยบริเวณจุดดังกล่าวมีการใช้ลวดหนาม ทำเป็นแนวกั้นประมาณ 4 - 5 เส้น สูงประมาณ 110 ซม. และใช้ไม้ไผ่ตอกตะปู เป็นแนวขวาง เพื่อให้รั้วมีความถี่มากขึ้น แต่บริเวณรั้วดังกล่าวที่เรียกว่ารั้วชาวบ้าน ไม่ได้มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าแต่อย่างใด
ซึ่ง
นางอุลัย ทันวิมา แม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยมีทนายเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งในวันนี้ตนพร้อมด้วยทนายความเดินทางไปที่ศาลจังหวัดเดชอุดม เพื่อมีการฟ้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว ฐานเจตนาฆ่าคนตาย โดยใช้กระแสไฟฟ้าหวังเอาชีวิต ซึ่งการตัดสินใจฟ้องครั้งนี้ เกิดจากข่าวว่าเจ้าหน้าที่กำลังจะฟ้องเอาผิดเด็ก ๆ ในข้อหาขโมยไม้พะยูง ตนเองจึงรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งตนเพียงแค่ติดใจเรื่องลูกเสียชีวิต ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องขนาดนี้
นอกจากนี้ อุทยานไม่ได้เป็นรั้ว 2 ชั้น แต่รั้วชั้นนอกเป็นของชาวบ้านในพื้นที่ ที่ทำกั้นขึ้นมาเอง โดยรั้วดังกล่าวนั้นชาวบ้านสามารถเข้าออกได้ตามปกติ และทางอุทยานไม่เคยมีการแจ้งให้ชาวบ้านรับทราบ ว่าสามารถเข้าออกได้หรือไม่ พร้อมทั้งโต้กลับกรณีเจ้าหน้าที่อ้างว่า วันเกิดเหตุมีฝนตก ซึ่งวันนั้นไม่มีฝนตก
ส่วนกรณีที่ เจ้าหน้าที่อุทยานกล่าวหาว่า เด็กเข้าไปขโมยไม้พะยูงนั้น ตนเองยังไม่เคยเห็น และยืนยันว่า เด็ก ๆ รวมถึงลูกชายของตนเอง ไม่มีพฤติกรรมลอบขนไม้ของอุทยาน และเด็กคงไม่รู้ว่าไม้เหล่านั้นมีมูลค่าเท่าไร พร้อมทั้งปฏิเสธว่าไม่มีใครว่าจ้างให้เด็กเข้าไปขโมยไม้ออกมาแลกกับค่าตอบแทนอย่างแน่นอน เพราะสมัยนี้ไม่มีนายหน้ามารับซื้อเหมือนเมื่อก่อน เพราะหากมีนายหน้า ก็ต้องจะมีคนลักลอบตัดไม้เอามาขาย ไม่ใช่วิธีการขโมยแบบนี้