กรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ออกมาโพสต์ยืนยันการถอนตัวทำคดีให้ลุงพลว่า "วันนี้ผมและทีมทนาย ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นทนายคดีลุงพลแล้วนะครับ เนื่องจากความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ไม่ได้มีปัญหาหรือผิดใจอะไรกัน สิ่งหนึ่งที่ผมเงียบมาตลอด และปล่อยให้สังคมพูดกันไปโดยแทบไม่มีใครปกป้องคือ ในการทำคดีนี้ ผมไม่ได้รับเงินเพื่อช่วยทำคดีแต่อย่างใด ทำด้วยใจล้วน ๆ แต่มาถึงวันนี้ผมขอใช้เวลาของผมไปทำคดีให้กับคนที่เห็นคุณค่าดีกว่า และขอให้ลุงพลและป้าแต๋นโชคดีครับ"
ล่าสุดวันที่ 29 พ.ย.64 ทนายสมเกียรติ โรจนวรกมล ทนายความส่วนตัวลุงพล ในคดีครอบครองไม้หวงห้าม กับคดีบุกรุกป่าสงวน เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวตนก็รู้สึกช็อกและตกใจที่ทนายตั้มถอนตัวจากการเป็นทนายความให้ลุงพลในคดีน้องชมพู่ ซึ่งตอนแรกตนก็คิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น กระทั่งฝั่งของทนายตั้มได้ออกมาประกาศชัดเจน ยอมรับว่าตอนนี้ก็เป็นห่วงลุงพล เพราะรู้จักมานาน ซึ่งหลังจากนี้ตนก็อยากให้ลุงพลตั้งสติแก้ปัญหาแล้วเดินหน้าต่อไป
"ที่ลุงพลตกเป็นจำเลย ก็เหมือนกับว่าตอนนี้ลุงพล กำลังทำศึกสงคราม แล้วจู่ ๆ แม่ทัพใหญ่ถอนตัว มันก็ทำให้ลุงพล อาจรู้สึกขวัญเสีย เสียใจ เกิดคำถามว่ามันเกิดอะไร ทำไมต้องถอนตัว ซึ่งอาจจะใช้เวลา 2 - 3 วัน ลุงพลจะต้องไปหาคำตอบ ไม่งั้นคดีจะเสียหายได้ ในส่วนคดีความของลุงพลที่ผมรับผิดชอบ ตอนนี้ยังมีอีก 2 คดี ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ทนายความอย่างเต็มที่" ทนายสมเกียรติ กล่าว
นอกจากนี้ ลุงพลก็ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาพูดคุยกับตน รวมทั้งยืนยันว่ายังไม่มีการทาบทาม หรือติดต่อให้ตนไปเป็นทนายความในคดีน้องชมพู่ด้วย แต่ตนก็ยินดีและพร้อมให้คำปรึกษากับลุงพล
ทนายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ตามหลักการถอนตัวของทนายความ ปกติแล้วจะถอนตัวได้ก็เมื่อมีความเห็นทางคดีไม่ตรงกัน เช่น ทนายความจะสืบพยานปากนี้ แต่ลูกความอาจจะไม่เห็นด้วย ซึ่งการถอนทนายความจะไม่ทำเพราะความรู้สึกไม่ชอบกันหรือไม่พอใจกัน
ส่วนขั้นตอน ทนายความจะต้องแจ้งให้ลูกความทราบ ซึ่งหากไม่อยากพูดคุยก็จะต้องส่งจดหมายชี้แจงถึงประเด็นการขอถอนตัว จากนั้นต้องยื่นคำร้องต่อศาล แล้วศาลจะเรียกลูกความมาสอบถาม โดยจะพิจารณาจากประโยชน์ของลูกความเป็นหลัก ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็จะไม่อนุญาต แต่หากฝืนเป็นทนายความต่อไปก็ไม่มั่นใจว่าจะออกมาในทางบวกหรือลบ
เวลา 09.30 น. บรรยากาศหน้าบ้านของนายไชย์พล วิภา ยังคงปิดบ้านเงียบ โดยมีเหล่ายูทูเบอร์ ไลฟ์สดที่หน้าบ้านอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวได้พบกับนายชาญ หลาบโพธิ์ เปิดเผยว่า ตนเข้ามาดูแลบ้านให้ลูกสาว ซึ่งตอนนี้นายไชย์พล และนางสมพร ไม่ได้อยู่ในบ้าน ส่วนเรื่องการถอนตัวของทนายนั้นตนก็ได้ทราบจากข่าว แต่ก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงถอนตัว เบื้องตนได้โทรศัพท์ไปหาลูกสาวแล้วก็ไม่ได้คุยกันเกี่ยวกับเรื่องทนายเลย
ขณะที่บรรยากาศช่วงค่ำ มีเหล่าบรรดายูทูเบอร์จำนวนไม่มาก ยังเกาะติดอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านลุงพล ขณะที่ลุงพล-ป้าแต๋น ไม่อยู่บ้านตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.64 ทราบว่าเดินทางไปดูธุรกิจที่จังหวัดชลบุรี และไปร่วมงานศพของคนรู้จักที่ จ.นครปฐม
ทีมข่าววิดีโอคอลสอบถามไปยัง นายไชย์พล วิภา ลุงเขยน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้พูดคุบกับทนายตั้ม หลังจากมีการประกาศถอนตัว ซึ่งในวันนี้ตนได้ยินเพียงแค่เสียงสัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส ตนยังไม่มีโอกาสเจอตัวหรือคุยอะไรส่วนตัว ส่วนเรื่องการหาทนายใหม่ตนต้องปรึกษาป้าแต๋นก่อนว่าจะหาทนายอย่างไร ส่วนตัวไม่ได้มีความรู้เรื่องกฎหมาย อีกทั้งตนไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงอาจไม่ได้จ้างทนายดังที่มีชื่อเสียง ตนยอมรับว่ามีทนายติดต่อเข้ามาบ้างหลังจากมีข่าวถอนตัว แต่ยังไม่ได้ตอบตกลงกับใคร เพราะตนยังคงเครียดแต่ยืนยันว่าที่ไม่ได้อยู่กกกอกตอนนี้ ไม่ได้หนีหายไปไหน
ส่วนเรื่องสาเหตุของการถอนตัว ตนยืนยันคำเดิมว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หากเป็นเรื่องการถูกโจมตีหรือการวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนตัวคิดว่าทนายตั้มน่าจะมีความหนักแน่น และเจอคนหลายรูปแบบอยู่แล้ว จึงไม่คิดว่าจะมีปัญหาในเรื่องนี้ การถูกโจมตีในโซเชียลฯ ตนก็เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้ และที่ผ่านมาก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักเช่นกัน
"เรื่องความเห็นไม่ตรงกันตามที่ทนายตั้มบอกนั้น ส่วนตัวก็ยังให้คำตอบนี้ไม่ได้ เนื่องจากปกติไม่ค่อยได้คุยเรื่องเรื่องอื่น ๆ กันสักเท่าไร จะมีคุยเรื่องคดีความก็มีอยู่เล็กน้อย และยังไม่มีเรื่องความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้ส่วนตัวก็ยังสงสัยอยู่ และยืนยันว่าไม่รู้ถึงสาเหตุนี้ กรณีเงิน 10 ล้าน ส่วนตัวคิดว่ามูลนิธิของทนายตั้มน่าจะชี้แจงได้ ส่วนตัวไม่ทราบว่าเรื่องจะเกี่ยวข้องไหม อย่างไรก็ตามต้องหาทนายใหม่ และทำเรื่องที่ศาลให้เสร็จสิ้นภายใน ธ.ค.64 - ม.ค.65 เนื่องจากต้องขึ้นศาลนัดแยกช่วง มี.ค.65" ลุงพล กล่าว ทิ้งท้าย
นายนรินทร์ หลาบโพธิ์ หรือ น้าแต น้องชายป้าแต๋น และแม่น้องชมพู่ หนึ่งในพยานที่ตรงกับฝ่ายโจทก์และจำเลย ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากทราบข่าวตนก็รู้สึกตกใจที่ทนายตั้ม ถอนตัวจากการเป็นทนายความคดีน้องชมพู่ แต่ตนก็เคารพการตัดสินใจของทั้ง 2 ฝ่าย คิดว่าทั้งทนายตั้มและลุงพล คงจัตัดสินใจดีแล้ว ส่วนสาเหตุที่ทนายตั้มถอนตัว ตนก็ไม่รู้ คิดว่าคงเป็นเหมือนที่ทนายตั้มให้ข่าวหรือไม่ ที่ว่าทนายตั้มถอนตัวเพราะความเห็นไม่ตรงกับลุงพล
หากจะถามตนว่าการที่ทนายตั้ม เป็นทนายความให้ลุงพล แล้วได้รับเงินค่าทนายหรือไม่ ประเด็นนี้ตนก็ไม่ทราบข้อมูลจริง ๆ เท่าที่ตนสัมผัสกับทนายตั้ม เขาเป็นคนที่ทำงายเก่ง เป็นคนตั้งใจทำงาน ไม่รู้เรื่องมาก่อนว่าทนายตั้มจะถอนตัว เพราะเมื่อวันที่ 23 พ.ย.64 ตนยังได้เจอทนายตั้ม และให้กำลังใจทนายตั้มเสมอ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับทนายเกิดผล แก้วเกิด นักกฎหมายอิสระ กล่าวว่า ตนมองว่าคดีความนี้จำเป็นต้องมีทนายความอย่างยิ่ง เนื่องจากมีอัตราโทษสูง หลังจากนี้ลุงพลต้องดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อที่จะขอถอนทนายความเดิม ศาลจะถามตัวลูกความว่าจะคัดค้านหรือไม่ หากลุงพลไม่คัดค้าน ศาลก็จะให้ถอน และให้หาทนายความใหม่เข้ามาแทน บางกรณีที่ศาลไม่อนุญาตให้ถอน เช่นบางคดีเป็นการประวิงเวลาและเลื่อนคดี
จากนั้นลุงพลมีหน้าที่ว่าจ้างสรรหา แต่งตั้ง และเมื่อทนายความคนใหม่เข้ามา หากลุงพลไม่มีเงินจ้างทนายความ ศาลก็จะหาให้ เพราะคดีนี้อัตราโทษสูง หากศาลกำหนดนัดอีกครั้งในปี 65 วันนั้นลุงพลต้องมีทนายความแล้ว
"หลังจากนี้ ลุงพลต้องเตรียมทนายความแต่เนิ่น ๆ เพราะต้องให้ทนายคนใหม่ รวบรวมหลักฐานอีก ใช้คำว่าเกือบจะรื้อใหม่เลยก็ว่าได้ เพราะต้องมานั่งเล่าข้อมูลเดิม ๆ ให้ทนายฟังใหม่ ผมมองว่ามีผลเสีย แต่ก็ไม่เสียทั้งหมด เสียเวลามากกว่า เสียกระบวนการเตรียมพยานหลักฐาน วงการทนายพบบ่อย แต่ไม่เป็นข่าว ตัวลุงพลก็ถือว่าหนักใจ เพราะเป็นคดีดัง ซับซ้อน ทนายคนใหม่ต้องรับแรงกดดัน เพราะการถอนทนายเดิม ส่งผลต่อความรู้สึกทนายคนใหม่ที่จะมาทำหน้าที่แทน" ทนายเกิดผล กล่าวให้ฟัง
นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ออกมาไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ทนายคลายทุกข์” ระบุว่า ต้องยอมรับก่อนเลยว่าคดีลุงพลเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน หากพูดตามที่โซเชียลฯ พูดกันก็คือ “คดีหิวแสง” ใครอยากมีแสงก็ไปเกาะคดีลุงพล ส่วนจะเกาะในรูปแบบไหนก็ได้ ส่วนลุงพลกลายเป็นคนดังในคดี จนมีทนายเข้าไปพูดว่าจะยืนเคียงข้าง พร้อมกับบอกว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ รวมถึงมีทนายความบางคนไปเปิดช่องยูทูบใหม่ โดยอาศัยแฟนคลับลุงพลจนมียอดวิว ยอดไลก์ ซึ่งยูทูบก็มีรายได้
ส่วนประเด็นในวันที่มีคนนำตัวนายไชย์พล มามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้ง ๆ ที่บ้านนายไชย์พล อยู่ที่จังหวัดมุกดาหาร แต่กลับนำตัวมาที่กรุงเทพฯ เพื่อหวังจะได้ความนิยม ซึ่งพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็คงทราบว่า คนเหล่านี้ต้องการแสง ท่านจึงไม่รับมอบตัว หลายคนจึงได้เห็นภาพนายไชย์พล นั่งเฮลิคอปเตอร์จนกลายเป็นประเด็น รวมถึงทนายความที่ถอนตัวก็พาตัวนายไชย์พล ไปที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อไปหานายสิระ เจนจาคะ จนภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแสดงความเห็นในการนำตัวผู้ต้องหามาแถลงได้อย่างไร
"ส่วนตัวมองว่า ที่ทนายความของลุงพล ได้ออกมาพูดก่อนหน้านี้ บางคนก็มองว่าโม้ที่ออกมาพูดว่า คดีนี้ไม่สามารถเอาผิดลุงพลได้ โม้ว่ายังไงคดีนี้ก็ไม่ถึงศาล หลักฐานไม่มี เครื่องมือซินโครตรอนใช้ผิดประเภท แต่สุดท้ายอัยการสั่งสอบเพิ่ม และแจ้งข้อหาเพิ่ม คือ ฆ่าคนตายโดยเจตนาในที่สุด" ทนายเดชา กล่าว
ทั้งนี้ ตนเคยพูดว่าให้รอดูวันที่อัยการส่งฟ้อง แสดงให้เห็นว่าจำเลยน่าจะได้กระทำความผิดคดีฆ่าน้องชมพู่ และรอวันตรวจพยานหลักฐาน จะเป็นวันที่พอเดาได้ว่าคดีนี้จะยกฟ้องหรือมีคนติดคุกหรือไม่ ตนได้พูดคุยกับนายอัจฉริยะ ซึ่งเขาบอกว่าเมื่อดูหลักฐานก็ไม่คาดคิดว่าตำรวจจะทำสำนวนละเอียดขนาดนี้ นายอัจฉริยะยังบอกตนว่าในส่วนหลักฐานเด็ด นายไชย์พล จะแก้ได้ยากมาก ขนาดทนายของนายไชย์พลยังอึ้ง บอกเลยว่าเขาก็หนักใจ ทั้งเส้นผม เส้นขนที่อยู่ในรถมาได้อย่างไร ถ้าตอบไม่ได้ก็ตาย จนในที่สุดทนายความของจำเลยถอนตัว ตนก็ไม่แปลกใจ ขนาดนายอัจฉริยะ บอกว่าแบบนี้ทนายจำเลยหาทางลงใช่หรือไม่ ซึ่งตนก็เห็นด้วยว่าคือการหาทางลง เพราะท่าทางไปไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าทนายไม่ใช่ดารา จะถอนทนายก็ต้องไปแจ้งลูกความ และต้องไปที่ศาล รวมถึงต้องรอให้ลุงพลมีทนายความคนใหม่ ไม่ใช่มาประกาศต่อสื่อมวลชนหรือโพสต์เฟซบุ๊ก ซึ่งถ้าทำเช่นนั่นอาจจะโดนร้องมรรยาททนายความ ข้อหาทิ้งลูกความ ซึ่งตนอยากเตือนไว้ก่อน นอกจากนี้การไปให้สัมภาษณ์ว่ารับว่าความฟรีก็โดนไปแล้วคดีหนึ่ง เพราะไม่ควรทำและไม่มีคดีฟรี เพราะผิดมรรยาททนายความ
นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา เปิดเผยว่า ตนมองว่าทนายตั้มคอยช่วยเหลือลุงพลเรื่อยมา แต่ลุงพลกลับเชื่อยูทูเบอร์ที่กล่างอ้างว่า ทนายเปิดรับบริจาค ตนรู้จักทนายตั้มมานานแล้ว เชื่อว่าทนายตั้มไม่ใช่คนที่รับเงินใคร และเข้ามาช่วยเหลือด้วยใจ เพราะช่วงแรก ๆ ที่ทนายตั้ม จะเข้าไปพูดคุยกับลุงพลเรื่องคดีความ ได้ขอเพียงค่าน้ำมันเท่านั้น ตนยังได้ฝากเงิน จำนวน 5000 บาทผ่านลุงพลไป และพอตนสอบถามทนายตั้มว่า ได้เงินค่าน้ำมันหรือไม่ ทนายตั้มก็ยืนยันว่ายังไม่ได้รับ แสดงว่าทนายตั้มไม่คิดเรื่องเงิน
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนไม่มีอะไรจะบอกกับลุงพลแล้ว และมองว่าคนที่ช่วยเหลือตลอด พอถูกใส่ความใส่ร้าย ทำไมลุงพลถึงไม่ออกมาปกป้องเขา ส่วนทนายตั้ม ตนยังไม่ได้คุยกัน และอยากจะฝากให้กำลังใจ เพราะก่อนหน้านี้ตนเคยพูดผ่านสื่อว่า ตนคิดว่าสักวันทนายตั้ม จะต้องโดนแบบตน
นอกจากนี้ หากย้อนคำทำนายในวันที่ 3 ก.ย.64 อ.ชัญญา ราชินีไพ่จิตสัมผัส เคยเปิดไพ่ดูดวงให้กับลุงพล ดังต่อไปนี้
ไพ่ 1 ทางผีผ่าน หมายถึง จะยังมีเรื่องราวผ่านไปวนมาในชีวิต คนจะยังพูดถึงเขาอยู่เรื่อย ๆ
ไพ่ 2 ผีฉุดลงต่ำ หมายถึง โดนอะไรบางอย่าง วิญญาณ เจ้ากรรมนายเวรฉุดชีวิตลงต่ำ
ไพ่ 3 ผู้เหนือวิญญาณ หมายถึง มีผู้มาอุปถัมป์ช่วยเหลือให้รอดพ้น
ไพ่ 4 วิญญาณตามติด หมายถึง ยังมีอะไรบางอย่างติดตามตัว
ไพ่ 5 วิญญาณถูกตรึง หมายถึง ไม่มีอิสระในการใช้ชีวิต ทำอะไรก็ถูกจับตามอง
ไพ่ 6 สัมภเวสีผีเร่ร่อน หมายถึง เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมบางอย่าง
ไพ่ 7 การให้ทาน หมายถึง คน ๆ นี้จะชอบให้ทาน
ไพ่ 8 หุ่นเชิด หมายถึง เป็นคนชอบใช้อำนาจและควบคุม
ไพ่ 9 แม่มดหมอผี หมายถึง ชีวิตมีเรื่องความเชื่ออยู่ตลอด
ไพ่ 10 หญิงสาวถูกมัด หมายถึง ต้องถูกจองจำและถูกมัดจากบางอย่าง
ไพ่ 11 อันดับ 2 หมายถึง จะต้องเจอบางอย่างที่ไม่ได้เลือก
ไพ่ 12 คู่สามีภรรยา หมายถึง จะต้องมีคู่เข้ามาเกี่ยวข้อง
ไพ่ 13 หัวใจแปะพลาสเตอร์ หมายถึง ประสานความเข้าใจกับใครบางคน
ไพ่ 14 จิกซอว์ หมายถึง ยังรออะไรบางอย่าง ชีวิตยังไม่สมบูรณ์