จากกรณี
น.ส.นันทพร บุญประสบ อายุ 27 ปี พยาบาลสาวผู้ได้รับบาดเจ็บ จากการโดยกระชากกระเป๋าขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 60 จนเลือดคั่งในสมอง ขณะนี้ยังไม่รู้สึกตัว โดยวันนี้ (2 มิ.ย.2560) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเสม็ดติดตามจากกล้องวงจรปิด จนสามารถจับกุมตัว
นายวิชิต ศรีสวัสดิ์ หรือเจี๊ยบ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหา ได้ในที่สุด จึงได้ควบคุมตัวนำมาแถลงข่าว
ระหว่างนั้น
นางชวน บุญประสบ อายุ 50 ปี มารดาของพยาบาลผู้บาดเจ็บ ได้เดินเข้ามาแล้วตบเข้าที่ศีรษะของผู้ต้องหา จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาห้ามไว้เพื่อควบคุมสถานการณ์
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณจุดเกิดเหตุถนนเส้นโรงพยาบาลมะเร็ง ชลบุรี ท่ามกลางประชาชน ตลอดจน เพื่อน และญาติ พยาบาลสาว ที่ตกเป็นเหยื่อเคราะห์ร้าย ได้พากันมารุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ใช้เวลา อย่างรวบรัด ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหากลับไปดำเนินคดีในข้อหา วิ่งราวทรัพย์โดยใช้พาหนะ และชิงทรัพย์จนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส
ด้าน
นายเจี๊ยบ ผู้ต้องหา ที่เคยต้องคดีวิ่งราวทรัพย์มาแล้ว และพึ่งจะพ้นโทษออกมาไม่นาน ได้รับสารภาพว่า ที่ทำไปเพราะจำเป็น เนื่องจากต้องการเงินมาให้กับภรรยา ที่จะนำไปรักษาตัวจากการป่วยเป็นวัณโรค โดยวันที่ก่อเหตุ เมื่อเวลา 06.30 น.ของวันที่ 30 พ.ค. 2560 ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตาม น.ส. นันทพร ผู้เสียหาย จากถนนพระยาสัจจาต่อเนื่องจนถึงถนนหน้าศูนย์มะเร็งชลบุรี เพราะเห็น น.ส. นันทพร สะพายกระเป๋า เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้กระชากกระเป๋าทันที จนรถของผู้เสียหายล้ม ส่วนตัวเองขับหลบหนีไป
ด้าน
นางชวน บุญประสบ อายุ50ปี มารดาของพยาบาลผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า วันนี้ตนรู้สึกดีใจที่ตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายได้ แต่รู้สึกแค้นที่มาทำกับลูกสาวตนแบบนี้
อยากให้ประหารคนร้ายที่มาทำร้ายลูกตน เพราะมองว่าหากพ้นโทษออกมาก็จะมาทำเช่นนี้อีก
ส่วนลูกสาวตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัว อยากให้ลูกหายไวๆ เพราะลูกเป็นดวงใจของแม่ ตอนนี้ตนก็อยู่เฝ้าลูกสาวตลอดไม่ห่าง ขณะนี้มีหน่วยงานจากกรมคุ้มครองสิทธิ์ จ.ชลบุรี เข้ามาดำเนินการช่วยเหลือเรื่องดำเนินการค่าเยียวยาแล้ว
นายแพทย์ ชุติเดช ตาบ-องครักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี เปิดเผยอาการของพยาบาลสาวที่ได้รับบาดเจ็บว่า ผู้ป่วยมีเลือดออกในสมอง อยู่ในอาการโคม่า และยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่แพทย์ได้หยุดให้ยากระตุ้นความดันโลหิต ซึ่งถือว่าเป็นผลดี ขณะนี้ยังต้องเฝ้าดูอาการตลอด24ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดภาวะสมองบวม โดยตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าหลังจากนี้ผู้ป่วยจะกลับมาเป็นปกติหรือไม่
ระหว่างนั้น นางชวน มารดาได้เดินเข้ามาเยี่ยมลูกสาวทั้งน้ำตา โดยเข้าไปจับแขนพร้อมเรียกลูกสาวหวังให้รู้สึกตัว แต่ น.ส.นันทพร ก็ไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด