เมื่อวันที่ 30 พ.ย.64 เวลา 07.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุลมกระโชกแรง ในเขตพื้นที่หมู่ 3 หน้าวัดนางรอง ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก ทำให้ต้นเหรียงอายุกว่า 100 ปี กิ่งหักทับบ้านมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ทราบชื่อนายชำนิด สืบจากศรี อายุ 68 ปี บาดเจ็บสาหัสมีบาดแผลที่ศีรษะ และนางเล้น อร ภรรยา ได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย จากนั้นกู้ชีพหินตั้ง ได้ช่วยออกมาจากภายในบ้าน ก่อนจะเร่งนำส่งโรงพยาบาลนครนายก
แต่ระหว่างที่ชาวบ้านมาดูสภาพบ้าน จู่ ๆ กิ่งของต้นเหรียงได้หักลงมาทับสองพ่อลูกเสียชีวิตอีก 2 ราย ทราบชื่อนายสุนทร คระกระโทก อายุ 35 ปี และด.ช.ธาดา คระกระโทก อายุ 2 ขวบ ขี่รถจักรยานยนต์ PCX สีดำ ทะเบียน 3 กธ 7867 กรุงเทพฯ มาจอดพูดคุยกับชาวบ้าน
ส่วนชาวบ้านอีกคน ทราบชื่อนางยุพา เขตสาลี อายุ 51 ปี ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์ ทะเบียน 1 กข 5081 นครนายก ผ่านมาช่วงที่กิ่งไม้หักพอดี ได้รับบาดเจ็บสาหัส กู้ภัยน้ำส่งโรงพยาบาลนครนายกและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่งผลให้เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และเสียชีวิต 3 ราย
ล่าสุดวันที่ 30 พ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่าเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดนครนายก กองพันทหาราบนายจปร. นำกำลังทหาร 10 นาย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ รวมกันตัดกิ่งไม้ขนาด 2 คนโอมออกจากพื้นที่ไปขายแปรรูปต่อไป โดยมีตำรวจสภ.เมืองนครนายก คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเร่งเข้าแก้ไขไฟฟ้า
ทีมข่าวพบรถยนต์ชาวบ้านได้รับความเสียหาย 2 คัน แบ่งเป็นรถของนายชำนิด ผู้บาดเจ็บ 1 คัน และของชาวบ้าน 1 คัน รวมถึงรถจักรยานยนต์เสียหายทั้งหมด 8 คัน แบ่งเป็นรถของนายสุนทร ผู้เสียชีวิต 1 คัน และรถของนางยุพา ผู้เสียชีวิต 1 คัน รวมถึงของชาวบ้านในพื้นที่ 6 คัน เสียหายพังยับเยิน อีกทั้งพบบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายหนัก 1 หลัง เป็นบ้านของนางสนอง หอมสนิม อายุ 56 ปี และบ้านของนายชำนิด ผู้บาดเจ็บ เสียหายเล็กน้อยอีกหลัง
ส่วนต้นไม้ที่หักโค่น พบว่ามีขนาดใหญ่มากถึง 10 คนโอบ สูงเกือบ 20 เมตร แต่ใจกลางเนื้อในต้นไม้เป็นโพลงถูกปลวกแทะกินเป็นรูโบ๋แล้ว ในวันนี้ทุกคนช่วยก้นเคลียร์กิ่งไม้ออกจากท้องถนน ส่วนต้นไม้จะมีการประเมินและตัดออกต่อไป
นางยุวดี สืบจากศรี อายุ 43 ปี ลูกสาวนายชำนิด เปิดเผยว่า ตนกับพ่อไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน โดยบ้านพ่อจะห่างจากบ้านตนประมาณ 500 เมตร พ่ออาศัยอยู่กับแม่เลี้ยง และคุณตา นอนติดเตียง ในขณะเกิดเหตุเป็นเวลาเดียวกับพ่อของตนกำลังห่อข้าวเตรียมตัวไปทำงาน ตนขี่รถจักรยานยนต์มาหาพ่อพอดี พบว่าพ่อโดนต้นไม่ล้มทับ ตนแทบไม่ได้สติ โชคดีมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและกู้ภัยปลอบใจตนให้ทำใจดี ๆ เพราะตนกลัวพ่อจะไม่รอดชีวิต แต่นำพ่อส่งโรงพยาบาลได้ทัน เบื้องต้นพ่อเย็บ 50 เข็ม แม่เลี้ยงบาดเจ็บที่ขาต้องใช้รถเข็น
อย่างไรก็ตาม ตนเห็นต้นไม้ต้นนี้มาตั้งแต่เกิด เป็นตนไม้ใหญ่ทั้ง 2 ต้นที่อยู่ข้างบ้านพ่อ แข็งแรงดี ไม่รู้ว่าข้างในต้นไม้เป็นโพรง ปลวกกิน แต่เมื่อ 2 วันก่อนลมพัดแรงมาก ๆ พ่อก็พูดกับตนว่าอยากหาเงินจ้างคนตัดต้นไม้ออก เพราะพ่อตนเป็นคนพื้นที่คุยกับวัดและอุทยานเขาใหญ่ได้ พ่อกังวลพูดขึ้นว่าถ้าลมแรงขนาดนี้ต้นไม่โค่นแน่ ๆ สุดท้ายก็โค่นจริง ๆ
ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดท่าด่าน สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายสุนทร และด.ช.ธาดา บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ทามกลางญาติพี่น้องและชาวบ้านมาร่วมไว้อาลัย และรดน้ำศพ ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 6 พฤศจิกายน 64 ขณะที่เจ้าหน้าที่จากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถได้เข้าดูแล พร้อมให้การช่วยเหลือเบื้องต้น
นางกมลชนก การิก อายุ 31 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า เมื่อเช้าเดินทางจาก กทม.ตั้งใจจะมาหาลูกชาย เพราะเป็นสิ้นเดือน และหยุด 2 วัน ระหว่าทางใกล้ถึงบ้าน ป้าโทรแจ้งข่าวร้าย พูดจาติด ๆ ขัด ๆ ให้รีบมาดูสามีกับลุกชาย ซึ่งตนรีบขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ ห่างจุดที่จอดรถคุยโทรศัพท์แค่ 3 กม. โดยเมื่อมาถึงเห็นภาพสุดสลดใจมาก ๆ ลูกและสามียังไม่ถูกคุมผ้าขาว ตนเรียกลูกและสามีแต่ไม่มีเสียงตอบรับแล้ว ก่อนตนจะถูกกันออกจากพื้นที่ เพราะเจ้าหน้าที่กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำ นาทีนั้นตนก็เลยไม่ได้กอดลูกและสามี
ส่วนวันนี้ยังไม่ได้คุยกันกับสามีแม้แต่คำเดียว ตนนัดว่าเจอกันจะพากันไปซื้อของเข้าบ้าน เป็นความตั้งใจที่จะไปด้วยกัน ไม่คิดว่าจะเป็นการซื้อของจัดงานศพลูกชายกับสามี อีกทั้ง ตนก็ไม่คิดว่าสามีจะตื่นเช้าไปไหน เพราะสามีและลูกชายจะตื่นสายกว่านี้
สำหรับตนกับสามีแยกกันทำงานได้ 2 ปี เป็นพนักงานประจำที่ กทม. ส่วนสามีเป็นเชฟทำอาหารที่ร้านอาหารในจังหวัด และโควิด-19 ทำพิษเพิ่งจะได้ทำงานอีกครั้ง เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ตนเรียนจบสาขาด้านการอาหารเหมือนกัน ก่อนคบกันและแต่งงานมีลูกชาย 1 คน
"ลูกชายหนูขอมาจากพระพรหมบริเวณหน้าออฟฟิศ ตั้งจิตขอกว่าเขาจะมาเกิด จากนั้นหนูก็ฝันว่าได้ลูกชาย จึงพากันไปตรวจครรภ์ ก็ได้ลูกชายจริง ๆ จึงตั้งชื่อว่าน้องธาดา ลูกเกิดมาในครอบครัวที่พร้อม หนูและสามีพร้อมมาก ลูกก็เป็นเด็กน่ารักมาก ๆ และเป็นหลานชายคนเดียวที่ทุกคนรักมาก วันนี้เขา 2 คนพ่อลูกไม่มีอีกแล้ว" ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่นายสุรชัย มังสี อายุ 33 ปี ลูกชายคนโตของนางนางยุพา ผู้เสียชีวิตอีกราย กล่าวว่า ในวันนี้ยังไม่สามารถไปรับศพแม่มาประกอบพิธีการได้ เพราะแม่ไม่มีบาดแผล จึงต้องส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดเสียก่อน เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ปกติแม่ของตนเป็นคนตื่นเช้า ออกไปซื้อกาแฟให้ตนเป็นประจำ หลังแม่ซื้อกาแฟเสร็จก็ไปส่งหลาน คาดว่าเป็นช่วงขี่รถจะกลับเข้าบ้าน
"กู้ภัยบอกว่าแม่แค่แขนหักและคงไม่เป็นอะไรเยอะ แต่ไปถึงโรงพยาบาล หมอบอกชีพจรไม่เต้นแล้ว ผมก็ใจสลาย เพราะแม่ไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไร ไม่คิดว่าจะสูญเสียแม่ไปเร็วขนาดนี้ แต่ก็ไม่ติดใจ เพราะคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ คงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องนี้" นายสุรชัย กล่าว