จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 1" ได้โพสต์คลิปนายวัฒนศักดิ์ หรือ เอก อายุ 41 ปี ผู้เป็นพ่อ ทำร้าย ด.ญ.วรัญญา หรือ บี ลูกสาววัย 14 ปี ด้วยการตบและถีบ ในพื้นที่ ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำรุนแรงเกินไปหรือไม่นั้น
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้นัดนายวัฒนศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ พ่อของเด็ก ให้เขามารับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น จากนั้นในช่วงเที่ยง นางสาวเรณู แม่ของน้องบี รวมถึงนางทิพย์ภัสสร์ อาของน้องบี และนางพีรสุพัศ ย่าของน้องบี ก็ได้เดินทางมาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่จะเดินทางไปพูดคุยกับอัยการจังหวัดนครสวรรค์ในช่วงบ่าย
นางสาวเรณู แม่ของน้องบี บอกว่า ตนแยกทางกับนายวัฒนศักดิ์ ตอนที่น้องบีอายุ 1 ขวบ โดยพาลูกสาวไปด้วย เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนโมโหร้าย ติดสุรา เสพยาเสพติด และชอบทำร้ายร่างกายตน ไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ จากนั้นขณะที่ลูกสาวอายุ 7 ขวบ ประถมศึกษาปีที่ 1 ปู่และย่าของลูกสาวได้ขอร้องให้ตนส่งลูกสาวมาอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ เพราะจะได้ช่วยกันดูแลส่งเสริมให้เด็กได้เรียนหนังสือ
กระทั่งเมื่อลูกสาวอายุ 11 ขวบ ประถมศึกษาปีที่ 5 ลูกสาวก็ได้ติดต่อตนไปว่า "ทนไม่ไหว ถูกพ่อตีมาโดยตลอด ทั้งมือและไม้เรียว ถ้าแม่ไม่มารับ หนูจะเดินหนีออกจากบ้าน" ตนจึงเดิงทางมา จ.นครสวรรค์ แอบพาลูกกลับไป จ.ตราด จนอาและย่าของลูกสาวตน ได้ติดต่อตนไปอีกครั้ง แล้วขอให้ตนส่งลูกสาวกลับมาเรียนต่อที่ จ.นครสวรรค์ เนื่องจากขณะนี้ตนทำงานค้าขาย อาจจะไม่มีเวลาดูแลลูก อีกทั้งลูกสาวยังเรียนไม่ค่อยเก่ง ตนกลัวว่าลูกสาวจะเรียนไม่ทันเพื่อน จึงตัดสินใจส่งลูกสาวกลับมา จ.นครสวรรค์ ในวันที่ 26 ตุลาคม
เหตุการณ์ในครั้งนี้ เกิดจากลูกสาวของตนทะเลาะกับเด็กแถวบ้าน แล้วดึงเด็กลงมาจากจักรยานยนต์ จนข้อศอกถลอก ผู้ปกครองของเด็กคนดังกล่าวจึงไปต่อว่านายวัฒนศักดิ์ ทำให้นายวัฒนศักดิ์ไม่พอใจ แล้วเกิดเหตุการณ์ตามคลิป โดยตนได้พูดคุยกับลูกสาว ลูกสาวบอกว่า "พ่อไม่ฟังหนู หนูพยายามอธิบายแล้ว" ขณะนี้ลูกสาวมีอาการหวาดระแวง กลัวว่านายวัฒนศักดิ์จะทำร้าย ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกสาวก็มีอาการตัวสั่น เมื่อได้เจอกับนายวัฒนศักดิ์ที่สถานีตำรวจ ตนอยากจะดำเนินคดีกับนายวัฒนศักดิ์ให้ถึงที่สุด ตนอยากให้ศาลชี้คำขาดว่านายวัฒนศักดิ์มีสิทธิ์อะไรบ้างในตัวลูกสาว และสามารถเข้าใกล้ได้มากน้อยแค่ไหน
จากนี้ตนจะพาลูกสาวกลับ จ.ตราด ตนอยากจะบอกนายวัฒนศักดิ์ว่า "อยากให้สำนึก อยากให้สลดบ้าง นี่คือลูก ทำไมทำเหมือนไม่ใช่ลูก จะบอกไม่ได้ตั้งใจไม่ได้ ภาพมันฟ้อง"
จากนั้น ในเวลา 13.30 น. น้องบีพร้อมครอบครัวก็ได้เดินทางออกจาก สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อเดินทางไปพบอัยการจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยน้องบีได้เดินกอดเกาะเอวของนางสาวเรณูอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้นายวัฒนศักดิ์ได้ทักแชตมาหา ใจความว่า "รู้ตัวว่าตีลูกรุนแรงเกินไป เวลาโมโหจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่พอได้สติ ก็เสียใจกว่าทุกคน"
นายวัฒนศักดิ์ พ่อของน้องบี บอกว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดจากผู้ปกครองของเด็กที่ทะเลาะกับลูกสาวของตน บอกกับตนว่าลูกสาวของตนกระชากลูกเขาจนตกรถจักรยาน จนข้อศอกแตกถลอก ตนจึงรับปากผู้ปกครองของเด็กอีกฝ่ายว่าตนจะอบรมลูกสาวของตนให้ในวันนั้น ตนได้เข้าไปถามลูกสาวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลูกสาวตนไม่ตอบ แต่ต่อว่าย่า ว่าย่ามาฟ้องตน "ย่าเขาจะไปรู้อะไร ย่าไม่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด" ทั้ง ๆ ที่ย่าไม่ได้มาฟ้องตน ด้วยคำพูดที่ไม่เคารพย่า เพราะตนได้สั่งสอนลูกตลอดให้เคารพผู้ใหญ่ ตนจึงไม่พอใจและเกิดอารมณ์โกรธ
ตนขอยืนยันว่าตนไม่ได้มึนเมา ไม่ได้เสพยาเสพติด แต่ยอมรับว่าเคยเสพกัญชา เนื่องจากหลังจากที่ถูกนางสาวเรณูพาลูกหนีไป ตนนอนไม่หลับ ตนยอมรับว่าสันดานของตนไม่ดี เนื่องจากตนถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรุนแรง ตนถูกพ่อตีมาตั้งแต่เด็ก ตนถูกตีด้วยขวดสุรา หากขวดไม่แตก พ่อก็จะไม่หยุดตี ซึ่งแม่ไม่เคยช่วยตน เพราะแม่ถือด้ามไม่กวาดรอตีตนซ้ำ อีกทั้งตนยังพบเห็นแม่ถูกพ่อไล่ยิงมาตลอด ทำให้ตนซึมซับนิสัยที่ไม่ดีมา เวลาที่ตนโกรธ ตนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ตนก็ไม่เคยที่จะตีหรือทำร้ายลูกสาวให้เจ็บสาหัส จนขณะนี้ลูกสาวของตนก็กำลังซึมซับสิ่งที่ไม่ดีไปจากตนเช่นกัน
ขณะที่ลูกสาวของตนอายุประมาณ 10-11 ขวบ ลูกสาวของตนเริ่มมีนิสัยใช้ความรุนแรง ตนจึงต้องการที่จะพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์ แต่นางสาวเรณูก็มาพาลูกสาวหนีกลับไปอยู่จังหวัดตราดเสียก่อน ตนรู้ตัวว่าตนผิด วันนี้ตนรู้สึกตำหนิตัวเองว่าทำไมทำให้ลูกสาวกลัวได้ขนาดนี้ ตนนอนร้องไห้ทั้งคืน หลังจากลงมือตีลูกสาวไป ตนได้รับบทเรียนมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้หนักที่สุด ตนรักลูกสาวของตน ตนโอนเงินให้ลูกสาวใช้ตลอด 20-500 บาท แล้วแต่ลูกจะขอ ตนพยายามจะหาเงินและสั่งสอนลูกสาวให้ดี เท่าที่ตนจะสามารถทำได้ ปกติรับเหมาก่อสร้าง แต่โควิด-19 ทำให้ตกงาน จึงมารับจ้างส่งอาหารแทน
เมื่อเรื่องราวของตนกับลูกกลายเป็นข่าวแล้วมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือลูกสาวตน ตนก็อยากให้หน่วยงานเข้ามาดูแลตนบ้าง ตนเคยฝึกนั่งสมาธิเพื่อควบคุมอารมณ์ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ตนอยากพบจิตแพทย์ ตนอยากควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ ตนไม่ได้อยากเป็นคนอารมณ์ร้อนรุนแรงแบบนี้ ตนอยากมีชีวิตครอบครัวปกติเหมือนพ่อลูกคู่อื่น หลังจากที่นพยายามอธิบายสังคมผ่านอมรินทร์ทีวี ตนก็น้ำตาตกใน "พ่อเกิดมากับคำว่ารัก ไม่เคยให้ใครเยอะเท่าลูก อกหักยังไม่เจ็บเท่าที่ลูกไม่อยู่กับพ่อ พ่อขอโทษ พ่อจะพยายามปรับปรุงตัวเองแล้วกลับมาเป็นพ่อที่ให้คำปรึกษาลูกเหมือนเดิม"