วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้รับเรื่องเรียนจากผู้เสียหายรายหนึ่ง เป็นผู้หญิงอายุ 23 ปี นางสาวพรทิพย์ ไชยหอม บอกว่าเมื่อช่วงประมาณ 03.00-04.00 น. ของวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 โดนแฟนหนุ่มวัย 25 ปี ที่เพิ่งคบหาดูใจกันได้แค่ 2 สัปดาห์ ทราบชื่อนายวัฒนา พุทธา ทำร้ายร่างกายด้วยการเตะ กระทืบ จนสลบกลางถนน ภายในซอยสะแกงาม 7 แยก 8 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นไปที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ก่อนที่จะมีการทำร้ายร่างกายกันภายในซอยสะแกงาม 7 แยก 8 จน มีเหตุการณ์อุกอาจเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ภาพวงจรปิดที่ทีมข่าวได้มาทั้งหมด 9 ตัวสามารถจับภาพไว้ได้ชัดเจน
ภาพวงจรปิดสามารถจับภาพได้ภายในซอยสะแกงาม 7 แยก 6 ช่วงเวลาประมาณ 03.19 น. นางสาวพรทิพย์เดินมาตามถนน และเกือบจะผ่านกล้องวงจรปิดไปแล้ว แต่มีนายวัฒนาที่ขับ จยย.ตามมา ขี่ไปดักหน้าแล้วพยายามต้อนให้ย้อนกลับไป หลังจากนั้นทั้งคู่ไปยืนคุยกันที่หน้าบ้านชาวบ้านสักพัก ก่อนที่นายวัฒนาจะถีบนางสาวพรทิพย์จนหงายหลังลงไปนอนอยู่กับพื้น แล้วก็มีการดึง ลากไปกันไปมา จนนางสาวพรทิพย์ลุกขึ้นยืน แล้วล้มลงอีกรอบ ส่วนนายวัฒนาพยายามใช้เท้าเขี่ยและพยุงตัวสาวขึ้นมาอีกรอบ เพื่อให้ซ้อนท้ายรถ
จากนั้นนายวัฒนาเหวี่ยงตัวนางสาวพรทิพย์ล้มลงกับพื้นถนน แล้วก็เตะเข้าที่ใบหน้า 1 ครั้ง เตะที่ศีรษะด้านหลังอีก 1 ครั้ง เตะเข้าที่กลางหลัง 3 ครั้ง เดินวนไปเตะที่ด้านหน้าอีก 1 ครั้ง จากนั้นก็ยืนมองอยู่ประมาณ 10-15 วินาที แล้วก็เตะไปที่ใบหน้าอีก 3 ครั้ง จากนั้นก็เดินมากระชากผมพลิกให้นอนหงาย แล้วก็จ้องไปที่ใบหน้า ทำท่าเหมือนเรียกให้ตื่น แต่ตอนนั้นนางสาวพรทิพย์สลบ นอนแน่นิ่งไปแล้ว นายวัฒนาจึงเดินออกไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน
ต่อมานายวัฒนาพยายามกลับมาเขย่าร่างของนางสาวพรทิพย์เพื่อให้ตื่นขึ้นมา แต่ 3 นาทีก็ไม่เป็นผล นายวัฒนาเดินไปหยิบกระเป๋ามารองศีรษะของนางสาวพรทั้งไว้ ก่อนที่จะพยายามไปเรียกชาวบ้านให้ออกมาช่วยเหลือ จนเวลาประมาณ 04.10 น. นางสาวพรทิพย์เริ่มได้สติ
นางสาวพรทิพย์ ไชยหอม อายุ 23 ปี ยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างตนกับนายวัฒนาเป็นแค่คนที่กำลังจีบกัน และเพิ่งจะรู้จักกันได้แค่ 2 สัปดาห์ จากกลุ่มเพื่อนของเพื่อนอีกที ไม่ได้เป็นผัวเมียกัน ตอนแรกที่เริ่มศึกษาดูใจกันนายวัฒนาก็ดูเหมือนเป็นคนดี ดูแลเอาใจใส่ตน ไม่ได้มีการเอะอะโวยวาย หรือทำร้ายร่างกายตน จนกระทั่งคืนวันที่ 27 พฤศจิกายน ตนกับนายวัฒนาและเพื่อน ๆ ไปดื่มเหล้ากันที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ร้านปิดทั้งหมดก็พากันไปดื่มต่อที่บ้านรุ่นน้อง จนกระทั่งดื่มกันเสร็จประมาณ ตี 2 ก็แยกย้ายกันกลับ
ขณะที่ตนนั่งซ้อนท้ายนายวัฒนาเพื่อจะกลับบ้านพัก นายวัฒนาก็พูดขึ้นมาด้วยอาการเมาว่าจะพาไปหาพ่อที่โรงงานในซอยสะแกงาม 7 แยก 8 ตนมองว่ามันดึกมากแล้ว จะเป็นการรบกวนผู้ใหญ่ จึงบอกไปว่าไม่ไปได้ไหม นายวัฒนาไม่ยอม โมโห แล้วพูดออกมาว่า "ทำไมไม่เชื่อฟังกัน" จากนั้นมีการทำร้ายร่างกายตนตามที่ปรากฏในคลิปวงจรปิด
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าส่วนตัวไม่มี เรื่องชู้สาวอื่น ๆ แต่ในความรู้สึกของเขา ตนตอบไม่ได้ เพราะอาจจะมีบ้างที่ตนคุยเล่นสนุกกับรุ่นน้องที่รู้จักกันในวงเหล้า และนั่งใกล้กันไม่รู้จะเป็นเหตุให้นายวัฒนาหึงหวงตนด้วยหรือไม่ หลังจากนั้นตนก็เพิ่งจะมารู้จากเพื่อนของเขาว่า นายวัฒนาเวลาเมาจะทำร้ายร่างกายคนอื่นบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นแฟนเก่าหรือแม้กระทั่งแม่ของเขา ยังเคยโดนไล่ฟันมาแล้วด้วยซ้ำ
ส่วนตัวยอมรับว่าตอนนี้กลัว ระแวงมากเพราะไม่มีใครติดต่อนายวัฒนาได้ หวั่นใจว่าเขาจะกลับมาทำร้ายตนเอง จึงตั้งใจไว้แล้วว่าจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด อยากให้ตำรวจจับเข้าคุกให้ได้ แม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะโทรมาขอให้ถอนแจ้งความ ตนก็ยืนยันว่าจะไม่ถอนแน่นอน เพราะอยากให้เขาได้รับบทเรียนจากการกระทำในครั้งนี้ "ไม่เอาแล้วผู้ชายแบบนี้ ไม่ให้อภัย ไปอยู่ในคุกเหอะ ถ้าไม่เลิกทำตัวแบบนี้ ก็ไม่มีใครเอาแล้วมั้ง" อยากฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งตามหาตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว
นายโสภา พุทธา อายุ 47 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ปกติลูกชายชอบดื่มเหล้าและมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง โวยวาย หาเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว จนเมื่อ 5-6 ปีก่อน เคยโดนชาวบ้านแจ้งความข้อหาส่งเสียงดังอื้ออึง ทำให้ประชาชนเดือดร้อนมาแล้วถึง 2 ครั้ง ก็มีการถูกเรียกตัวไปเสียค่าปรับที่โรงพัก และยอมรับว่าลูกชายเคยทำร้ายแฟนเก่าอยู่บ่อย ๆ จนไม่มีใครทนได้ คบได้ไม่นานก็เลิกราไปหมด แต่ไม่หนักถึงขั้นเลือดตกยางออก เตะจนสลบขนาดนี้
เมื่อถามว่าลูกชายยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดไหม ตนยืนยันว่าไม่มี ส่วนใหญ่จะดื่มเหล้า ตนก็พยายามตักเตือนตลอด ลูกก็รับปาก “ครับ ครับ” แล้วก็หยุดดื่มไปพักหนึ่ง ซึ่งเวลาที่เขาไม่ดื่ม ไม่เมาเขาจะนิสัยดีมาก ขยันทำงาน อย่างเมื่อประมาณวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2564 ลูกชายกับแฟนสาวก็โทรมาบอกว่าทั้งคู่กำลังคบกัน ตนก็เลยบอกไปว่า "มีเมียแล้วก็ตั้งใจทำงาน ตั้งหลัก ตั้งฐาน เก็บเงินเก็บทอง" และตั้งใจว่าจะหาฤกษ์งามยามดีไปผูกข้อมือให้ทั้งคู่ตามประเพณี ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าหลังจากนั้นจะเกิดเรื่องขึ้น ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์เหล้าแท้ ๆ
ซึ่งหลังเกิดเหตุ ก็ทราบว่าทั้งคู่แยกทางกันเลย คาดว่าคงเลิกกันแล้ว เพราะเที่ยงของวันที่ 28 พฤศจิกายน นางสาวพรทิพย์ก็ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม เรียบร้อย ตนก็ยินดีที่จะให้ตำรวจตามตัวลูกไปดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะตนดูคลิปแล้วก็รับไม่ได้เหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกันตนก็อยากขอโทษนางสาวพรทิพย์แทนลูกชาย และขอให้สังคมให้โอกาส เห็นใจลูกชายได้ออกมาทำมาหากินต่อหลังถูกดำเนินคดีด้วย
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวีและนางสาวพรทิพย์เดินทางไปยังอะพาร์ตเมนต์ ที่นายวัฒนาพักอาศัยอยู่ ภายในซอยสะแกงาม 35/2 ซึ่งเราได้รับอนุญาตจากเจ้าของอาคาร พบว่าห้องถูกปิดเงียบ ไม่พบตัวผู้ก่อเหตุ
ล่าสุด ความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กของนายวัฒนา พบว่าเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน หลังเกิดเหตุมีการโพสต์ข้อความว่า “ทำตัวเองไม่มีใครทำตัวเราเลยไม่อยากให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเลย ย้อนเวลาไปได้จะไม่ทำเลย” และมีแม่ของ “นายวัฒนา” เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “คิดก่อนทำไม่ใช่ทำแล้วมาคิดมันไม่ลูกผู้ชาย..แม่บอกเองแล้วคนดีชอบแก้ไข คนจัญไ-ชอบแก้ตัว”
ทั้งนี้ ในเฟซบุ๊กของแม่ผู้ก่อเหตุได้มีการโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ว่า “ชีวิตกูทำไมถึงมีแต่เรื่องไม่ดีเข้ามา ไม่เว้นแต่ละวันเลย มีลูกแม่งสอนยังไงก็ไม่ดีขึ้นเลย เหมือนคนอื่นเขา ชอบทำให้คนเขาประจาน พ่อแม่ไม่มีที่จะอยู่แล้ว ชีวิตบัดซบ เพราะเกิดมาเป็นกา ก็จะให้เป็นหงษ์”, “ตื่นมาปวดหัว เหมือนจะไม่ไหว ก็มันมีแต่ทุกข์ใจให้คิดตลอดเวลา ชีวิตหาความสุขไม่ได้กับเขา....จนเครียดให้ตายไปเลย”, “คนที่อยากฆ่าตัวตายก็คือคนทีไม่มีทางออกของชีวิต ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง ไม่มีที่ปรึกษา แต่คนไม่เจอกับตัวมันก็ไม่รู้ว่าทุกข์แค่ใหน”