นายสิบหัวร้อนยิงรถเมล์ 71 อ้างพ่นควันดำใส่ กระเป๋าเปิดนาทีขับปาดหน้าก่อนลั่นไก (คลิป)

กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้" โพสต์คลิปวิดีโอคนขับรถเมล์และกระปี๋รถเมล์สาย 71 ถูกชายฉกรรจ์ใช้ปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่ 1 นัด ขณะที่คนขับรถเมล์พยายามขับรถเลี้ยวเพื่อหลบหนี ทำให้กระปี๋รถเมล์กรีดร้องออกมาอย่างตกใจ ถามคนขับรถเมล์ว่า "เธอมันยิงมา มองเห็นไหมมันอยู่ไหน"

นอกจากนี้ ยังมีคลิปขณะที่กระปี๋รถเมล์พยายามโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามมายิงคนขับรถเมล์ ระบุว่า "เขากำลังมาจ่อที่แฟนหนู หนูกำลังมุ่งหน้าเข้าห้างฯ แฟชั่น ไม่กล้ามองหน้า จักรยานยนต์ยี่ห้อ Scoopy ตัวใหม่ เลขทะเบียน 2791 กรุงเทพมหานคร"

อย่างไรก็ตาม ภายในคลิปวิดีโอยังถ่ายติดภาพคนร้ายที่ใส่เสื้อสีส้ม พยายามขี่รถจักรยานยนต์ตีคู่รถเมล์มาตลอดทาง ก่อนจะขี่มาปาดหน้ารถเมล์แล้วหยุดรถ จากนั้นเดินมาที่รถเมล์ และเดินกลับไปที่รถจักรยานยนต์เพื่อหยิบอาวุธปืนตามที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว

ล่าสุดวันที่ 2 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มาที่สน.บางชัน กรุงเทพมหานคร จึงได้พบกับคนขับรถเมล์และกระปี๋รถเมล์ เดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหาแก่ผู้ก่อเหตุ ได้แก่ พยายามฆ่า พกอาวุธปืนในที่สาธารณะ และยิงปืนในที่สาธารณะ 

โดยคนขับรถเมล์ เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกาย 64 เวลา 15.15 น. ที่ผ่านมา โดยตนขับรถเมล์ออกจากอู่รถเมล์ที่สวนสยาม รับผู้โดยสารได้ 1 ป้ายรถเมล์ ประมาณ 4-5 คน จากนั้นขับรถไปยังเส้นรามอินทรา ผ่านหน้ารพ.นพรัตน์ราชธานี ขณะนั้นชายคนดังกล่าวขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้า อ้างว่าตนขับรถเมล์ปาดหน้าไปมา แล้วควันรถเมล์ก็ดำด้วย ตนก็ตะโกนออกไปว่า "ให้ไปถามเจ้าของอู่รถเมล์เอง" จึงทำให้เขาโมโหเดินกลับไปยังรถจักรยานยนต์ หยิบปืนมาขู่ ผู้โดยสารก็รีบลงจากรถเมล์ทันที

หลังจากนั้น ตนก็ขับรถเมล์มาจนถึงหน้าห้างฯ แฟชั่นไอส์แลนด์ ก็ถูกคนร้ายยิงปืนถูกกระจกรถเมล์ด้านขวาข้าง ๆ คนขับเฉียดตนไปนิดเดียว ตนยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อน และไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้จักกัน จู่ ๆ เขาก็มีปัญหาขี่รถจักรยานยนต์มายิง ทำให้ตนและแฟนสาวที่เป็นกระปี๋รถเมล์ตกใจมาก ๆ ตอนนี้ก็ยังรู้สึกไม่กล้าจะขับรถเมล์อีกต่อไปแล้ว

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวศิริวรรณ บางไพร กระปี๋รถเมล์ เปิดเผยว่า ในวันที่เกิดเหตุตนตกใจมาก ๆ แฟนหนุ่มเพิ่งขับรถเมล์ออกจากอู่ จู่ ๆ ก็มีผู้ชายขี่รถจักรยานยนต์มาจอดขวางหน้ารถเมล์สาย 71 จากนั้นก็ลงจากรถจักรยานยนต์มาถามว่า รถควันดำขับมาได้อย่างไร แฟนหนุ่มของตนจึงตอบไปว่า "ผมไม่รู้ ไม่ใช่ช่าง ไปถามช่างที่อู่เอา" จากนั้นคนขับขี่รถจักรยานยนต์ ก็กลับไปที่รถจักรยานยนต์แล้วก็หยิบปืนออกมาจากใต้เบาะรถตอนนั้นตนก็เห็นว่าเขาพยายามจะขึ้นมายิงบนรถเมล์ แฟนของตนจึงรีบปิดประตูรถและขับรถเมล์หนีไป

จากนั้นได้จอดให้ผู้โดยสารลง ห่างจากจุดที่มีปากเสียงกันประมาณ 100 เมตร แล้วขับรถเมล์มุ่งหน้าหลบหนีไปทางห้างฯ แฟชั่นไอซ์แลนด์ เพราะเห็นว่าคนร้ายชักปืนตั้งท่าจะยิงใส่ตลอดเวลา แฟนหนุ่มของตนก็พยายามขับรถเบี่ยงไปเบี่ยงมาปิดเส้นทาง เพื่อไม่ให้คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามขึ้นมา พอถึงจังหวะหน้าห้างฯ แฟชั่นไอส์แลนด์ คนร้ายได้ก่อเหตุยิง 1 นัด แต่กระสุนปืนไม่ถูกคนขับรถเมล์ แล้วก็ขับขี่ไล่บี้กันมาจนถึงกม. 8 จากนั้นก็เห็นคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางบางเขน 

"หนูเพิ่งรู้วันนี้ว่าคนร้ายเป็นตำรวจ และก่อนหน้านี้ก็มีผู้ชายโทรมาขอเจรจาไกล่เกลี่ยกับหนู เพื่อให้ยอมความ แต่หนูขอไม่บอกว่าเป็นใคร เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย แต่ยืนยันว่าไม่ว่าอย่างไรจะขอให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เอาเรื่องคนยิงให้ถึงที่สุด เพราะหากวันนั้นแฟนของหนูไม่มีสติดีพอที่จะขับหลบหนีไปได้ ก็อาจจะถูกยิงเสียชีวิตไปแล้ว และไม่อยากให้ตำรวจคนนี้ทำแบบนี้กับคนอื่น ๆ อีกค่ะ" นางสาวศิริวรรณ กล่าวให้ฟัง 

ทีมข่าวสอบถาม พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ เพชรรักษ์ ผู้บังคับการกองบินตำรวจ กล่าวว่า ตนทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ผู้ก่อเหตุปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของกองบิน หรือ รปภ. ตนไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุมีนิสัยใจคออย่างไร แต่ทราบว่าผู้ก่อเหตุมีภรรยาอยู่ด้วยกันจริง เรื่องนี้ตนได้สั่งให้สารวัตรกองบินเข้าไปนำตัวผู้ก่อเหตุไปมอบตัว และไปรายงานตัวตามที่นัดหมาย

นอกจากนี้ ตนได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนผู้ก่อเหตุจะออกจากราชการหรือไม่ ตนยังไม่ขอตอบเนื่องจากให้เป็นไปตามกระบวนการของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และสอบวินัยให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

"ตอนนี้ให้ผู้ก่อเหตุพักราชการไปก่อน โดยให้อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลต่อชื่อเสียงของกองบินตำรวจ แต่เบื้องต้นก็ทราบว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้ก่อเหตุ ไม่ได้มีการกระทำความผิดในนามของกองบิน และเรื่องนี้ได้กำชับไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจในกองบินทุกคนว่าไม่ควรทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก" พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำ