กรณีนายเลาหลู่ สีลิ อายุ 65 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งพิการเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก เดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ หลังถูกหญิงไม่ทราบชื่อ-นามสกุล ตีสนิทจนมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว จากนั้นหญิงรายดังกล่าวกลับแอบโอนเงินออกจากบัญชี โดยโอนไปยัง 2 บัญชี ได้แก่ บัญชีของผู้หญิง 2 คน คาดว่าเป็นลูกสาว จำนวน 6 ครั้ง รวมเป็นเงิน 92,500 บาท พร้อมทั้งนำลอตเตอรี่ไป 3 ครั้ง รวมแล้วจำนวน 400 ใบ เป็นเงิน 40,000 บาท ทำให้มีเงินในบัญชีคงเหลือทั้งหมด 335.30 บาท
ล่าสุดวันที่ 8 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางพูดคุยกับนายเลาหลู่ สีลิ อายุ 65 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ช่วงกลางเดือนตุลาคม 64 ตนได้รู้จักกับหญิงรายหนึ่งเข้ามาพูดคุยขณะที่ตนได้นั่งขายลอตเตอรี่อยู่ที่ตลาดวโรรส เขาซื้อลอตเตอรี่ จำนวน 200 ใบ เป็นเงิน 20,000 บาท จากนั้นอ้างว่าจะโอนเงินให้ ตนยอมรับว่าเชื่อใจน่าจะไม่มีทางโกง เพราะตนก็ไม่เคยโกงใคร และลูกค้าคนอื่น ๆ ก็โอนเงินให้เสมอ ๆ ผ่านไปสักพักหญิงคนดังกล่าวอ้างว่าไม่สามารถโอนเงินได้ ขอโอนให้ทีหลัง พร้อมกับเข้ามาตีสนิทพูดคุยกัน จนทราบว่าเป็นคนชนเผาจีนฮ่อ และเป็นคนบ้านเดียวกันจนทำให้สนิทกัน
จากนั้นตนยอมรับว่ามีการแลกเบอร์โทรพูดคุยกันทุกวัน จนหญิงคนดังกล่าวบอกกับตนว่า "อยากมาดูแล ไม่ได้หวังอะไร" จึงทำให้ตนยอมคบหา เพราะตนก็อยากมีคนดูแล เนื่องจากป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ประมาณ 11 ปีแล้ว ตนยอมรับว่าไม่รู้จักชื่อและที่อยู่ของหญิงคนดังกล่าว นอกจากนั้นเกือบทุกวันหญิงคนดังกล่าวโทรมาหาและได้เดินทางมาหาตนที่ห้องอีกด้วย ก่อนที่จะแอบโอนเงินออกจากบัญชีของตนโดยที่ตนได้ทราบ
ขณะเดียวกันตนได้ไปซื้อลอตเตอรี่งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 64 ประมาณ 700 ใบ หญิงคนดังกล่าวได้ขอไป 100 ใบ เป็นเงิน 10,000 บาท ซึ่งขายใบละ 100 บาท โดยที่ตนไม่ได้เงิน พองวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 64 ขอไปอีก 100 ใบ เป็นเงิน 10,000 บาท ซึ่งตนก็ไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียวเช่นกัน
จากนั้นวันที่ 29 พฤศจิกายน 64 ตนได้เช็กบัญชีในแอปฯ ของธนาคาร จนทราบว่าเงินหายไปรวม 92,500 บาท ซึ่งมีเพียงหญิงคนดังกล่าวที่จับโทรศัพท์มือถือของตน และเขาก็ทราบรหัสผ่านด้วย ภายหลังตนจึงได้ตัดสินใจพูดคุยกัน แต่เขาพูดเพียงว่าจะคืนให้ ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 64 สุดท้ายบ่ายเบี่ยง วันที่ 5 ธันวาคม 64 ก็บ่ายเบี่ยงอีกเช่นกัน จากนั้นตนจึงหนักใจ เพราะขณะนี้ตนไม่มีเงินที่จะไปลงทุนซื้อลอตเตอรี่มาขายแล้ว
"ผมก็เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้กับพ่อค้าแม่ค้าฟัง เขาจึงแนะนำให้ไปแจ้งความ และในวันนี้ได้ตัดสินใจเดินทางไปแจ้งความ เพราะอยากได้เงินคืน ซึ่งหญิงคนดังกล่าวได้กล่าวอ้างว่าวันที่ 17 ธันวาคม 64 ที่จะถึงนี้ จะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ ไม่ว่าจะเป็นเงินในบัญชีและเงินซื้อขายลอตเตอรี่ เป็นเงินทั้งหมด 132,500 บาท ส่วนความสัมพันธ์ของผมและหญิงสาวคนดังกล่าว ไม่ทราบว่าจะไปในทิศทางไหน จะจบความสัมพันธ์หรือไม่ เพราะทุกวันนี้ยอมรับว่ายังคุยกันอยู่ครับ เงินก็เหลือทั้งหมด 335.30 บาท" นายเลาหลู่ กล่าวทิ้งท้าย
ทีมข่าวโทรศัพท์พูดคุยกับนางวัน (นามสมมติ) คู่กรณีนายเลาหลู่ ให้ข้อมูลอ้างว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของคน 2 คน ส่วนคนนอกอย่างผู้สื่อข่าวไม่เกี่ยวข้อง อย่าเข้ามายุ่ง ตนให้ข้อมูลทางโทรศัพท์เท่านั้น เพราะไม่มีเวลาว่างที่จะคุยด้วยแม้แต่วินาทีเดียว ตนรู้จักกับนายเลาหลู่ ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 64 จากนั้นได้นำลอตเตอรี่ของนายเลาหลู่ไปจำนวน 200 ใบจริง เพื่อนำไปขาย ยอมรับว่าไม่ได้โอนเงินให้ เพราะตนก็ไม่มีเงินหมุนเหมือนกัน
แต่ว่าตนได้แลกเบอร์โทรศัพท์พูดคุยกัน จนสนิทสนมทราบว่าเป็นคนบ้านเดียวกันและเป็นชนเผ่าเดียวกัน ในวันที่ 18 ตุลาคม 64 นายเลาหลู่ ได้มาขอคบกับตนอ้างว่าหากมาเป็นภรรยาของเขา ตนจะได้เงินใช้ทุกบาททุกสตางค์ เขาก็ยอมเปย์ให้ ขณะนั้นตนมีปัญหาด้านการเงิน จึงตกลงคบหาดูใจกัน แต่ไม่คิดที่จะหลอกเอาเงิน ซึ่งตนก็ดูแลเอาใจใส่เขา แต่จะเทียวไปเทียวมาบ้านกับที่พักของฝ่ายชาย เพราะตนมีลูกสาวหนึ่งคนที่ต้องเลี้ยงดู ในอดีตก็เคยเป็นเมียน้อยมาก่อน
นอกจากนี้ ตนขอชี้แจงว่าทุกครั้งที่โอนเงินออกจากบัญชีฝ่ายชาย นายเลาหลู่ ก็ทราบ ซึ่งเขาก็ยินยอม เพราะเห็นว่าตนเป็นภรรยาของเขา และก่อนหน้านั้นเขาก็ได้อ้างว่าหากเป็นภรรยาของเขา จะให้ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์
"สาเหตุที่นายเลาหลู่ไปแจ้งความ น่าจะโกรธที่วันที่ 5 ธันวาคม 64 นายเลาหลู่ เรียกให้ไปหาที่ห้อง แต่ไม่ได้ไปเนื่องจากมีประจำเดือน จึงทำให้เขาโกรธ ภายหลังจากเกิดเหตุก็ได้คุยกัน หากต้องการเงินคืนก็จะนำเงินไปวันที่ 17 ธันวาคม 64 ส่วนความสัมพันธ์ยังคงเหมือนเดิม ยังรักและดูแลนายเลาหลู่ต่อไป ไม่ได้โกรธ" นางวัน กล่าว