เพชรบูรณ์ ยายวัย 78 ปี ฉีดวัคซีน ป้องกันโควิด จนอาการทรุด ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งต่อมาได้เสียชีวิตลงทางโรงพยาบาลแจ้งญาติไปรับศพ โดยไม่ได้มีการห่อศพ ขณะญาติกำลังจะทำพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ทางโรงพยาบาลกลับโทรมาแจ้ง ยายติดโควิด เล่นเอาแขกมาร่วมงานตื่นจนงานแทบล่ม ขณะที่ญาติมองการทำงานว่าชุ่ยมาก ทำไมไม่รอให้ผลตรวจออกมาก่อน ด้าน สาธารณสุขจังหวัด แจงแล้ว ทางโรงพยาบาล มีการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK แต่ไม่พบ มาพบตอนตรวจหาเชื้ออย่างละเอียด
วันที่ 9 ธันวาคม 2564 ผู้ใช้ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อKA TE ได้โพสต์ข้อความ"ขออนุญาตค่ะ เสียเวลาอ่านโพสต์ 1 นาที เพื่อเป็นเคสกรณีศึกษาไปค่ะ ถ้าเห็นด้วยช่วยแชร์ให้ถึงสื่อมวลชนให้ด้วยค่ะ เราอยากได้ความโปร่งใสจาก รพ. แห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ ขอความแนะนำช่วยเหลือหน่อยค่ะ พวกเราขอความยุติธรรมให้ผู้ตายค่ะไปฉีดวัคซีนเข็มแรก แล้ว 2-3 วันถัดมา ยายป่วยหลังฉีดวัคซีนค่ะ จึงพายายไปส่งที่ รพ.แห่งหนึ่ง ได้รับการรักษาอยู่ 3 วัน พอวันที่ 4 รพ.แจ้งว่ายายเสียชีวิตแล้ว ตอนตี 4 วันที่ 7 ธ.ค.64 จึงไปรับศพยายที่ รพ.มาแบบไม่มีผ้าห่อ หรือสำลีอุดจมูกใดๆ ทำไมไม่ให้เกียรติผู้ตายบ้าง พอรับมาถึงบ้านจัดพิธีรดน้ำศพในตอนเช้า แล้วพอถึงเวลาประมานทุ่มครึ่ง ทาง รพ.โทรมาแจ้งว่ายายตายจากเชื้อโควิดฯ แจ้งผลตรวจข้ามวันข้ามคืน ผล ไม่ออกก็ปล่อยคนป่วยมาแบบนี้ได้เหรอคะ หรือไม่อยากรับผิดชอบค่าเสียหายญาติๆสงสัยว่ายายจะติดเชื้อมาได้ไง ทั้งๆที่ยายไม่เคยได้ไปไหน เราพายายไปรักษาเพราะผลข้างเคียงจากวัคซีนค่ะ ไม่ใช่จากการติดเชื้อ รพ.บอกว่าสาเหตุจากการเสียชีวิตเพราะยายติดโควิดฯ คือ ทางบ้าน ทั้งหมู่บ้าน และคนที่มาร่วมงานศพที่ใกล้ชิด เขาคืองงกันมากค่ะ ตอนรักษาตัวไม่ได้มีผลหรืออาการจากการติดโควิดฯ พอเสียชีวิตแล้วบอกว่าเสียชีวิตจากการติดโควิดฯ คือ ทุกคนไม่เชื่อว่ามันเป็นไปได้ยังไง มันเกิดจากความผิดพลาดอะไรหรือเปล่า แล้วทาง รพ.ก็แจ้งว่าไม่รู้ๆ อันนี้ทาง รพ.ไม่รู้ (คำตอบแบบนี้ทาง รพ.ตอบได้หรอคะ) มันคือความสะเพร่าของทาง รพ.หรือเปล่าคะแบบนี้ เราสามารถเรียกร้องจาก รพ.ได้ไหมคะ แบบนี้เราสามารถขอความยุติธรรมชดเชยจากทาง รพ.ได้ไหมคะ"
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์ทำให้ทราบชื่อคือ นางสาวธันยพร มาลา อายุ 27 ปี ผู้โพสต์ ซึ่งเป็นหลานสาว ของ นางหนูเฟื้อย มาลา อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 9ตำบลระวิง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้ตาย โดยเจ้าตัวเล่าว่า ยาย ได้รับกานฉีดวัคซีนเข็มแรก เป็นโมเดิร์นน่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 หลังได้รับการฉีดวัคซีน ได้เพียง 1 วัน ยายก็เริ่มมีอาการหนาวสั่นเหมือนเป็นไข้ เริ่มหายใจไม่ออก กินข้าวไม่ค่อยได้ พอได้ 3 วัน ทางครอบครัวจึงพาไปส่งรักษาที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลระวิง อำเภอเมือง และถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลหนองไผ่ โดยที่ ยายนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ได้ 3 วัน ทาง รพ.ก็โทรมาแจ้งว่ายายเสียชีวิต ทางครอบครัวจึงไปรับศพมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน ขณะที่ศพมาถึงบ้านเลขที่41 หมู่ 9 ตำบลระวิง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เพียงแค่ 14 ชั่วโมง และขณะที่ญาติกำลังเตรียมสวดพระอภิธรรมศพอยู่นั้น ทาง โรงพยาบาลหนองไผ่ ก็โทรมาแจ้งว่า คุณยายติดเชื้อโควิด -19 ทำให้ทุกคนในงานศพพากันแตกตื่น เรียกว่างานสวดพระอภิธรรมศพ คืนแรก แทบล่ม ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่
ซึ่งมีการสวมชุด PPE มารับศพผู้ตาย ไปทำการประกอบพิธีเผา อย่างเร่งด่วน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ตอนญาติไปรับศพ ทางโรงพยาบาลกลับไม่ได้นำศพใส่ในถุงซิปล๊อก หรือถุงควบคุมเชื้อ แต่อย่างใด แถม ญาติ ๆ เองก็ได้ทำพิธีรดน้ำศพ ให้กับทางผู้ตายอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ชาวบ้าน และญาติที่มาร่วมงานเป็นกังวล เรื่องของการติดเชื้อ เป็นอย่างมาก และไม่เชื่อว่ายายจะเสียชีวิตด้วยโควิด-19 ตามที่ โรงพยาบาลหนองไผ่ ก็โทรมาแจ้ง แต่เชื่อว่ายายเสียชีวิตด้วยผลข้างเคียงจากวัคซีนมากกว่า แต่พอสอบถามไปที่ทาง โรงพยาบาล ดังกล่าวก็ไม่ได้คำตอบใดๆกลับมา ตนจึงหาวิธีเพื่อติดต่อสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับยาย
จากการสอบถาม นางสาวธันยพร มาลา อายุ 27 ปี ผู้โพสต์ เล่าว่า ที่ตนเองโพสต์ ทางโรงพยาบาลไม่ได้ติดต่อมาเลย วันที่ไปรับศพยาย คือทางโรงพยาบาล ไม่มีผ้าห่อ ไม่มีการอุดจมูก ไม่ได้ใส่ถุงซิปล๊อค ไม่มีอะไรเลย คือไปรับศพตอนเช้ามืด แล้ว มาจัดงานศพ ผ่านไปราว 14 ชั่วโมง ทางโรงพยาบาลถึงแจ้งว่ายายผลตรวจเป็นบวก คือกำลังสวดพระอภิธรรมศพ คืนแรก แขกกำลังมาเยอะ พอมีสายจากโรงพยาบาล และมีทั้งเจ้าหน้าที่ อสม.มากันเต็มเลย ให้มายุติงาน ทำให้แขกพากันแตกตื่น คนที่ใกล้ชิดยายมีอยู่ไม่กี่คน ประมาณ 4-5 คน ตอนอาบน้ำศพก็มีคนมาไม่เท่าไร แต่ตอนนั้นตนเองก็มาไม่ทันเหมือนกัน ตนมองว่าทางโรงพยาบาลน่าจะรอบครอบกว่านี้เพราะเกิดความเสี่ยงมา ชาวบ้านเขาก็กลัว ไม่กล้ามาร่วมงานศพทางญาติก็งงกันว่า ไปรักษายายเพราะผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีด แต่ทำไม่ถึงเสียชีวิตจากการติดโควิด ส่วนยายจะไปติดโควิดจากที่ไหนนั้น ทางญาติก็งงมากเพราะยายอายุมากแล้ว ไม่ได้ไปไหนเลย แกอยู่แต่บ้าน แขกมาจากต่างจังหวัดก็ไม่เคยมีมา แล้วผลจากทางโรงพยาบาลก็ออกมาล่าช้าด้วย ส่วนหนึ่งตนสงสัยว่ายายติดโควิดจากโรงพยาบาลหรือเปล่า เพราะตอนที่รักษามีคนติดเชื้อโควิด นอนรักษาตัวอยู่ด้วยหรือเปล่า
ด้าน นางสาวสุรินญา มาลา อายุ 43 ปี ลูกสาวผู้ตาย (ใส่แว่น สวมแมส) กล่าวว่า แม่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลได้ 3 วัน และเสียชีวิต ศพออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว แต่โรงพยาบาลมาแจ้งญาติที่หลังว่าศพแม่ติดเชื้อโควิด ทำไมทางโรงพยาบาลไม่ตรวจตั้งแต่แรก ตนเองก็ติดใจที่แม่ติดเชื้อโควิดมาจากไหน และสงสัยว่าศพแม่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วแต่ทางโรงพยาบาลมาแจ้งที่หลังว่าติโควิดเพราะว่าถ้าเข้าไปรักษาทางโรงพยาบาลน่าจะตรวจเจอ
ขณะที่ นางไพบูลย์ หาญโก่ย อายุ 53 ปี หลานผู้ตาย (เสื้อแดงลายขวาง) กล่าวว่า ตนเองและญาติได้ไปรับศพที่โรงพยาบาล พบว่าศพทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้ห่อให้ ถ้าห่อศพให้ก็จะไม่เสียใจขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะแจ้งว่าติดโควิดที่หลัง น่าจะห่อศพมาให้สักหน่อยปล่อยให้ศพนอนหนาวมา ตนเองติดใจทางโรงพยาบาลหนองไผ่ว่าทำไมถึงปล่อยศพให้ออกมาได้ ทั้งที่ผลตรวจโควิดยังไม่ออก และทำไมถึงไม่ห่อศพทั้งที่เป็นช่วงโควิดระบาด นางไพบูลย์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ตอนที่ไปรับศพเจ้าหน้าที่ให้ญาติรีบไปเซ็นชื่อเอาศพออกมา ส่วนศพก็ไม่ห่อให้มีแต่ชุดที่ใส่ให้ไปเท่านั้น ทั้งที่เป็นช่วงโควิดน่าจะห่อให้สักหน่อย ทางเราก็หอบศพมาทั้งอย่างนั้น
ขณะที่ นางวันดี หวายโปร่ง อายุ 57 ปี ลูกสะใภ้คนตาย(เสื้อคลุมสีเขียว )กล่าวว่า ยายไปฉีดวัคซีนมาวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ฉีดมาอาการก็ไม่ดีหลังจากนั้น 3 วัน ก็เข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล ตนและญาติไปเยี่ยมแกก็นั่งเป็นเตียงดูอาการปกติ หลังจากนั้นตนเองกำลังเดินทางกลับบ้าน ทางโรงพยาบาลได้โทรแจ้งว่าแม่เกิดอาการน๊อก ได้ทำการปั้มหัวใจ ตนพร้อมญาติได้กลับมารอที่โรงพยาบาลอีกทีช่วงหัวค่ำต่อมาตอนตี 4 ยายก็ได้เสียชีวิตลง และตอนรับศพกลับทำไมทางโรงพยาบาลไม่บอกให้ลูกหลานรอผลตรวจโควิดก่อน ผ้าขาวสักผืนก็ไม่ห่อศพยายให้เลย สำลีก็ไม่อุดจมูก ตนเองก็สงสัยมากว่ายายไปติดเชื้อมาได้อย่างไร เพราะแกก็อยู่แต่ที่บ้านไม่ได้ไปไหน ลูกหลานก็มีแต่ออกไปไร่ไม่มีใครไปในเมืองเลยและไม่ได้อยู่ในกลุ่มเลี่ยงแต่อย่างใด ตนเองก็สงสัยว่าติดมาจากโรงพยาบาลหรือไม่ วันที่นำศพกลับมาและทำพิธีรดน้ำศพและสวดศพ ก็มีญาติและเพื่อนบ้านมาร่วมงานเยอะ พอจะถึงพิธีสวดศพทางโรงพยาบาลได้แจ้งว่ายายติดเชื้อโควิด คนที่มาร่วมงานพอทราบเรื่องก็ตื่นตกใจแตกฮือเหมือนผึ้งแตกรังเลยไปกันหมดเลย ลูกหลานช็อคเสียขวัญกันหมดมีผลกระทบกันทางเรามาก ตนเองมองว่าทางโรงพยาบาลมักง่ายทำไมไม่รอผลตรวจของยายออกมาก่อน ถ้าผลตรวจออกมาว่าติดเชื้อจะได้แพ็คมา ตอนนี้ลูกหลานเสียขวัญกันมาก
ด้าน นายแพทย์กมล กัญญาประสิทธิ์นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์เผย วันแรกที่ผู้เสียชีวิตเข้ามาทำการรักษาทางโรงพยาบาลได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิดเบื้องต้นด้วยวิธี ATK ผลออกมาไม่พบเชื้อก็ได้ทำการรักษาตามอาการ พอระยะนึงแล้วทางแพทย์ก็สงสัยว่าการรักษาอาการผลข้างเคียงของเบาหวานอาการก็ดีขึ้นแล้ว การติดเชื้อก็ดีขึ้น แต่อาการไม่ดีขึ้นเลย ทางแพทย์ก็ได้ทำการเอ๊กสเรย์ปอดว่ามีอำไรผิดปกติหรือเปล่า และคนไข้ที่จะเข้าไอซียูต้องทำ RT-PCR ทุกราย คุณยายเข้าไอซียูสักพักก็ได้เสียชีวิตในคืนนั้น ทางญาติก็ได้ติดต่อมารับศพตอนประมาณ ตี 4 ตอนที่ให้นำศพกลับคนที่ให้เอาศพไปก็ยังไม่รู้ว่าผลตรวจยังไม่ออก มาออกก็อีกวัน ทำให้ขั้นตอนมันผิดไป ทางโรงพยาบาลก็จะรับข้อผิดพลาดนี้ไปปรับปรุงแก้ไข ส่วนทางญาติที่ไปใกล้ชิดหรือสัมผัสศพ ตอนนี้ก็จะมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจคัดกรองผู้เสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำนำมาตรวจ ส่วนคุณยายก็คิดว่าแกน่าจะติดเชื้อมาจากทางบ้านและเข้ามารักษา ส่วนผู้มีความเสี่ยงสูงต้องทำการกักตัวทั้งหมด ซึ่งผลตรวจ ATK ผู้มาความเสี่ยงสูงมีทั้งหมด 17คน แต่จะต้องทำการตรวจแบบ RT-PCR อีกครั้งเพื่อควงามมั่นใจ
ตอนนี้ได้กำชับทางโรงพยาบาลหนองไผ่ ตรวจว่าติดเชื้อไม่ติดเชื้อการจัดการศพต่างกัน ศพที่ติดเชื้อกับไม่ติดเชื้อ การประกอบพิธีศพแยกโดยชัดเจนอยู่แล้ว ศพติดเชื้อก็จะมีการใส่ถุงเพราะเป็นมาตรการทางสาธารณสุข ซึ้งการควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจายมันต้องชัดเจน เพราะฉะนั้นทุกโรงพยาบาลจะทำแนวทางเดียวกัน แต่ครั้งนี้มันมีข้อบกพร่องในระบบของเราเอง ต้องรอผลให้ชัดเจนเสียก่อนไม่ให้ออกโดยพละการอย่างนี้อีก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไทยพบผู้ติดเชื้อ โอมิครอน เพิ่มอีก 1 ราย ชายไทย กลับจาก DR คองโก
- กรมควบคุมโรค เผยไทม์ไลน์ของผู้ป่วยโควิด โอมิครอน 2 รายล่าสุดของไทย
- เจอ โอมิครอน ก็ไม่ล็อกดาวน์ นายกฯ มั่นใจไทยรับมือได้ทุกสายพันธุ์
