เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 ธ.ค. นายสุกิจ เหลืองสกุลไทย นายอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ ไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีขาว ทะเบียน ผค 4269 อุบลราชธานี จอดหน้าบริเวณหน้าเสาธงที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ สภาพกระจกข้างฝั่งคนขับแตกกระจุย
ภายในบริเวณเบาะหน้าฝั่งคนขับร่าง น.ส.เชาวนีย์ อารีย์ อายุ 36 ปี ชาวบ้านเขวา หมู่ที่ 4 ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืน จำนวน 5 นัด เสียชีวิตคาที่ ขณะเดียวกันพบ พลอาสาสมัครประยงค์ สมพงษ์ อายุ 34 ปี สังกัด พัน สห.สน.บก.บก.ทท. เป็นสามีของผู้ตาย ชาวบ้านกระแชง หมู่ที่ 17 ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ ใช้อาวุธปืนชนิดเดียวกันยิงเข้ากลางหน้าผากทะลุศีรษะ จำนวน 1 นัด ฆ่าตัวตายภายในศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ เลือดไหลนองพื้น ข้างกายพบอาวุธปืน ขนาด 9 มม. ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานนั้น
จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายทั้ง 2 คน เพิ่งจดทะเบียนสมรสกันที่เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร แต่ยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานตามประเพณี ซึ่งมีแผนจะจัดพิธีแต่งงานในเร็ว ๆ นี้ ต่อมาฝ่ายหญิงขอหย่าร้าง แต่ฝ่ายชายไม่ยอมหย่า สุดท้ายตกลงนัดพบกันหน้าอำเภอเพื่อจดทะเบียนหย่า เมื่อมาถึงหน้าห้องฝ่ายทะเบียน ภายในที่ว่าการอำเภอ ปรากฏว่าคิวยาวต้องรอนาน ทั้งคู่จึงมีปากเสียงทะเลาะกันเสียงดังไปมา
จากนั้น ฝ่ายหญิงทนรอไม่ไหว จึงตัดสินใจกลับแล้วเดินออกจากที่ว่าการอำเภอมาขึ้นรถ แต่ฝ่ายชายบอกไม่ให้กลับ จากนั้นฝ่ายชายได้เดินไปที่รถยนต์ของตัวเอง พร้อมกับหยิบอาวุธปืนที่พกมาด้วย เดินมาเคาะประตูรถยนต์ให้ฝ่ายหญิงเปิด แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมเปิด จึงชักปืนกราดยิงประมาณ 5-8 นัด ทะลุกระจกจนแตกกระจุย เจาะร่างฝ่ายหญิงพรุน เสียชีวิตคาที่
จากนั้นฝ่ายชายได้ขับรถหนีไปจอดที่หน้าศาลหลักเมือง พร้อมถืออาวุธปืนเดินขึ้นไปบนศาลหลักเมือง และกราบไหว้ศาลก่อนที่จะลั่นไกฆ่าตัวตายตาม
นางถวิล อารีย์ แม่ของ น.ส.เชาวนีย์ เผยว่า ลูกสาวตัวเองคบหากับพลอาสาสมัครประยงค์ ได้ประมาณ 1 ปี จดทะเบียนสมรสกันที่ กรุงเทพมหานคร กระทั้งช่วง 3 เดือนหลังลูกสาวกับพลอาสาสมัครประยงค์มีปัญหาทะเลาะกัน เนื่องจากลูกสาวชอบถูกลูกเขยกักขังไว้ในห้อง ซ้ำยังถูกทุบตี กระทืบอยู่เป็นประจำ ทำให้ลูกสาวได้กลับมาอยู่บ้านเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 แล้วมาบอกกับตัวเองว่า เขาอยากหย่ากับสามี จากนั้นวันที่ 8 ธันวาคม 2564 พลอาสาสมัครประยงค์เขาก็ได้ตามลูกสาวมาที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ทั้งสองคนก็มีการเรียกญาติผู้ใหญ่มาพูดคุยกันเพื่อตกลงหย่าเมื่อคืนนี้ ก็ตกลงกันได้
กระทั่งช่วงเช้าของวันนี้ ลูกเขยยกขันธ์ดอกไม้ ธูป เทียน และเงินจำนวน 1,000 บาทมาขอขมาตัวเอง กับสิ่งที่เขาทำร้ายลูกสาวตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้ติดใจ เพราะเห็นว่าลูกเขยก็จะหย่ากับลูกสาวตัวเองแล้ว ต่อมาเวลา 09.00 น. ลูกสาวตัวเอง และลูกเขยได้นัดเจอกันที่ที่ว่าการอำเภอกันทรลักษณ์ แต่ฝ่ายชายไม่ยอมหย่า ทั้งสองฝ่ายก็เดินมาที่ลานจอดรถ ตัวเองจึงบอกให้ลูกสาวขึ้นรถเพื่อจะกลับบ้าน ให้ไปตกลงกันที่บ้าน แต่ฝ่ายชายก็กระชากแขนลูกสาวลงจากรถ จะเอาลูกสาวไปขึ้นรถเก๋งของเขา กลับ กรุงเทพมหานคร ตัวเองจึงบอกว่าไม่ให้ไป แล้วให้ลูกสาวรีบกลับรถกลับบ้าน ระหว่างนั้นลูกเขยจึงได้ใช้ปืนยิงรัวใส่ลูกสาว ตัวเองจึงรีบวิ่งออกจากจุดเกิดเหตุ เพื่อมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน
จากนั้น ลูกเขยตัวเองก็ไปขึ้นรถเก๋งขับออกไปศาลหลักเมือง ที่ลูกเขยไปก่อเหตุยิงตัวตายที่ศาลหลักเมืองนั้น ตัวเองคาดว่าเขาน่าจะรู้สึกผิด ในสิ่งที่เขาก่อเหตุลงไป ที่ผ่านมาลูกเขยตัวเองก็ไม่เคยพูดว่าเขาอยากฆ่าลูกสาวมาก่อน ตัวเองจะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้
ด้านนายสันติ ชัยอารีย์ อายุ 63 ปี พ่อของน.ส.เชาวนี เล่าว่า ลูกสาวได้โทรศัพท์มาบอกกับตนว่านายประยงค์จะเป็นคนหึงมากช่ วงที่อยู่กินด้วยกันนายประยงค์ จะหึงลูกสาวของตนไว้ในห้อง ไม่ยอมให้ออกไปพูดกับใคร ลูกสาวมีความคับแค้นใจกับพฤติกรรมหึงหวงของนายประยงค์เป็นอย่างมาก
ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางมาจุดเกิดเหตุจุดที่ 2 ซึ่งเป็นบริเวณศาลหลักเมืองอำเภอกันทรลักษณ์ และเป็นจุดที่พลอาสาสมัคร ประยงค์ สมพงษ์ อายุ 34 ปี ยิงตัวเองเสียชีวิต พบว่าจุดที่พลอาสาสมัคร ประยงค์ สมพงษ์ ยิงตัวเองตายนั้นอยู่ด้านในศาลหลักเมือง โดยขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมหลักฐาน เก็บทำความสะอาดคราบเลือดไปแล้วนั้น
นางปราณี บุญสุข อายุ 60 ปี ผู้ที่เฝ้าศาลหลักเมือง และเห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.50 น. ตัวเองเห็นพลอาสาสมัครประยงค์ ขับรถเก๋งสีแดงมาจอดที่หน้าศาลหลักเมือง จากนั้นเขาก็วิ่งรีบร้อนขึ้นไปในศาลหลักเมือง แล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ทีแรกตัวเองนึกว่าเป็นเสียงประทัด กระทั่งมีนักท่องเที่ยวที่อยู่ด้านข้างศาลหลักเมือง วิ่งเข้ามาหาตัวเองแล้วบอกว่ามีเสียงปืนดังมาจากในศาล สามีตัวเองจึงเข้าไปดูเหตุการณ์พบผู้ชายนอนจมกองเลือดแล้ว เหตุที่เกิดขึ้นยอมรับว่าตัวเองตกใจมาก ตอนที่พลอาสาสมัครประยงค์ เขาวิ่งมาในศาลหลักเมือง เขาก็ไม่มีการพูดคุยกับพวกตัวเองแต่อย่างใด
ตัวเองคิดว่าที่เขาไปยิงตัวตายในศาลหลักเมืองนั้น เขาอาจมีความเคารพนับถือศาลหลักเมืองกันทรลักษณ์ จึงสำนึกผิดกับสิ่งที่ก่อเหตุลงไป จึงมากราบไหว้ศาลหลักเมือง ก่อนก่อเหตุยิงตัวตายตาม ตนไม่กังวลว่าที่พลอาสาสมัครประยงค์ยิงตัวตายในศาลหลักเมืองนั้นจะเกิดเหตุอาเพศแต่ เชื่อว่าประชาชนหรือนักท่องเที่ยวแยกแยะเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้
นางสาวแตงกวา น้องสาวของพลอาสาสมัครประยงค์ สมพงษ์ ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สำหรับพลอาสาสมัครประยงค์ สมพงษ์ พี่ชายตัวเองเขามีปัญหาทะเลาะกันกับ น.ส.เชาวนีย์ ที่กรุงเทพมาหานครในระยะหลังมานี้ จึงทำให้ น.ส.เชาวนีย์ เขากลับมาบ้านที่ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2564 จากนั้นพลอาสาสมัครประยงค์ก็ตามกลับมาบ้านเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 เพื่อตามมาง้อ แต่ก็ง้อฝ่ายหญิงไม่ได้ เพราะฝ่ายหญิงอยากเลิก โดยเมื่อคืนนี้ทั้งสองฝ่ายก็ไปเคลียร์กัน ตกลงหย่าที่บ้านฝ่ายหญิง ซึ่งฝ่ายหญิงเขาก็ยืนยันเหมือนเดิมว่าเขาอยากหย่า เขาทนพี่ชายตัวเองไม่ได้
โดยเมื่อคืนนี้ พี่ชายยังพูดกับตัวเองว่าถ้าไปคุยกับ น.ส.เชาวนีย์ แล้วเขาไม่ขอคืนดี ไม่กลับกรุงเทพฯ พร้อมกับเขา พี่ขายตัวเองเขาก็จะก่อเหตุฆ่าฝ่ายหญิง ตัวเองจึงห้ามพี่ชายว่าอย่าทำอย่างนั้น แต่ก็ไม่คิดว่าพี่ชายจะไปก่อเหตุเหมือนที่เขาพูดจริง ๆ
นางคำมี ลายคราม แม่ของพลอาสาสมัครประยงค์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตัวเองทราบข่าวลูกชายก่อเหตุยิงภรรยา แล้วยิงตัวตายตามนั้น ตัวอองก็รู้สึกเสียใจมาก ไม่คิดว่าลูกชายจะไปก่อเหตุแบบนี้ สาเหตุที่ลูกชายไปก่อเหตุคิดว่าเป็นเพราะเรื่องจดทะเบียนหย่า จนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น สำหรับลูกชายคบหากับฝ่ายหญิงได้ 1 ปี ที่ผ่านมาลูกชายก็ไม่เคยพูดว่าจะก่อเหตุแบบนี้ ยอมรับว่าลูกชายเป็นคนใจร้อน แต่เขาก็เป็นคนดี ส่วนเรื่องมือที่สาม ตัวเองคิดว่าน่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
สำหรับ น.ส.เชาวนีย์ อารีย์ อายุ 36 ปี มีลูกติดสามีเก่า 2 คน คนที่ 1 เป็นหญิงอายุ 16 ปี คนที่ 2 เป็นผู้ชายอายุ 6 ขวบ ซึ่งไม่มีลูกกับพลอาสาสมัครประยงค์แต่อย่างใด สำหรับศพของผู้เสียชีวิตทั้งคู่ เจ้าหน้าที่ได้นำส่งชันสูตรโรงพยาบาลศรีสะเกษ ซึ่งญาติจะมีการรับศพมาประกอบพิธีทางศาสนาในวันพรุ่งนี้ต่อไป