จากกรณีพี่ชายของนายฟ้า ผู้เสียหาย ร้องสื่อว่าน้องชายถูกนายจ้างขายอุปกรณ์การเกษตร ทุบตีจนมีบาดแผลตามใบหน้า และร่างกาย อวัยะเพศฉีกขาด บังคับให้กินปัสสาวะ และอุจจาระสุนัขนั้น
วันที่ 9 ธ.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว นางนัยน์ปพร เนตรบุตร หรือ เจ๊กั้ง และนายศรายุทธ บุญคง หรือ อ้วน ผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลจังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างคุมตัวขึ้นรถคุมขัง เจ๊กั้ง เปิดเผยว่า ตนเองขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมที่จะเยียวยาทุกประการ และถ้าต้องการให้ตนเองกราบขอขมาก็ยอม พร้อมยกมือไหว้ สำหรับประเด็นที่ใช้อาวุธในการทำร้ายร่างกายนายฟ้า ตัวเองขอยืนยันว่ามีเพียงแค่ท่อพีวีซี ไม่ได้มีอาวุธ สำหรับประเด็นเรื่องที่นายฟ้าผู้เสียหาย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนระบุว่าการที่อวัยวะเพศแข็งตัวต่อหน้าเป็นเพราะปวดปัสสาวะ ไม่ได้มีอารมณ์ทางเพศแต่อย่างใดนั้น ต้องอยู่ในเหตุการณ์จึงจะเข้าใจ
ขณะเดียวกันที่ครอบครัวของนายฟ้าออกมาประณามว่าตนจิตใจเหมือนยักษ์ ขอไม่แสดงความคิดเห็น อยู่กับการวิพากษ์วิจารณ์ และถ้าหากอนาคตตนเองหมดคดีความกลับออกมาใช้ชีวิตตามปกติ ก็จะไม่อาฆาตแค้น ไม่มีการทำร้ายร่างกายใครอีก รวมทั้งยังคงรักและนับถือกับนายฟ้าเหมือนเดิม อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ไม่จองเวร และที่ผ่านมา 15 ปี ตนเองก็รักและคอยดูแลเป็นอย่างดี ยังรักและห่วงเสมอในฐานะลูกคนหนึ่ง
เจ๊กั้งฝากถึงทีมข่าว ฝากขอโทษน้องฟ้า จะให้เจ๊กราบขอขมาก็ยอมทุกอย่าง ตนเองทำไปเพราะหวังดี ไม่ได้มีเจตนาอื่น และทุกอย่างคือความปลอดภัยของตัวตนเอง ที่จะต้องมีการกระทำดังกล่าวเพื่อสั่งสอน ตนเองแม้ว่าจะมีการทำร้ายร่างกายแล้วแต่ก็มีการเยียวยาและรักษาตลอดไม่เคยทิ้ง
ด้านนายศรายุทธ หรือ อ้วน เปิดเผยว่า ยืนยันว่าการก่อเหตุครั้งนี้ไม่ได้ถูกเจ๊บังคับให้กระทำผิดร่วม เป็นการก่อเหตุเพียงลำพัง เพราะเนื่องจากตัวของนายฟ้าปล่อยให้ทรัพย์สินของตนเองเสียหาย คือนาฬิกา และการก่อเหตุก็เป็นคนละเวลา ส่วนทุกครั้งที่เจ๊มีการทำโทษนายฟ้า ตนเองก็ไม่เคยไปร่วมก่อเหตุ พร้อมขอยกมือกราบขอขมาผู้เสียหายด้วย
เมื่อเวลา 15.40 น. ศาลจังหวัดอินทร์บุรี มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวเจ๊กั้งและนายอ้วน หลังจากที่เจ้าตัวได้ให้ญาติยื่นขอประกันตัวด้วยวงเงินคนละ 100,000 บาท ทำให้ตำรวจจึงต้องมีการส่งตัวฝากขังที่เรือนจำสิงห์บุรี ตำรวจเวรคุมขังของโรงพักให้ข้อมูลก่อนนำตัวส่งฝากขังว่า เจ๊กั้งมีความกังวลและเครียดหนัก หลังศาลไม่ให้ประกันตัว เจ้าหน้าที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเจ้าตัวอ้างว่าอยากฆ่าตัวตาย
ในวันเดียวกันนี้ที่ศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรี สหวิชาชีพ พร้อมด้วยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด กรมแรงงาน และสำนักงานต่อต้านการค้ามนุษย์แรงงาน พร้อมด้วยทนายเกิดผล แก้วเกิด เดินทางมาร่วมพูดคุยหารือแนวทางการเอาผิดเพิ่มในข้อหาการค้ามนุษย์ และกระทำการใดเกี่ยวกับทุรกรรมทางการเงินหรือการปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งการพูดคุยได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 13.00 -17.30 น.
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมหารือว่า การเข้ามาดูคดีในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนพนักงานสอบสวน และช่วยคดีฝั่งของนายฟ้า หากมีสำนวนใดหรือคดีใดที่พนักงานสอบสวนไม่ได้มีการฟ้องเอง ตนเองก็จะมีการดำเนินการฟ้องเพื่อช่วยฝั่งของนายฟ้าอย่างเต็มที่ และขอยืนยันกับครอบครัวของผู้เสียหายว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ ไม่ทอดทิ้งคดี
สำหรับวันนี้จากการพูดคุยกับกรมแรงงาน และสหวิชาชีพของจังหวัดสิงห์บุรี พบว่าการกระทำของเจ๊กั้ง ใช้แรงงานและการทารุณกรรม การทำร้ายร่างกาย ใช้ให้มีการทำงานแต่ไม่มีการจ่ายชดเชยและจ่ายเงินให้กับนายฟ้าผู้เสียหาย ดังนั้นจึงมีการประเมินแล้วเข้าข่ายการค้ามนุษย์ เป็นไปตามกฎหมายของกรมแรงงาน ดังนั้นเตรียมที่จะมีการแจ้งความดำเนินคดีเพิ่ม 1 ข้อหา ข้อหานี้ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากนายฟ้า ผู้เสียหาย ให้การในระหว่างการสอบปากคำของกรมแรงงาน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเตรียมที่จะมีการแจ้งเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้ ตนเองยังทราบเพิ่มเติมในการประชุมวันนี้ว่านายฟ้า ผู้เสียหาย ถูกเจ๊ยึดบัตรประจำตัวประชาชน นำบัตรไปใช้ทางธุรกิจ และการทำธุรกรรมบางอย่าง การจดทะเบียนและการทำธุรกิจเกี่ยวกับห้างร้าน เบื้องต้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีการใช้ชื่อของนายฟ้าไปเป็นกรรมการหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทหรือไม่ มีการแอบใช้ลายเซ็นของนายฟ้าเซ็นเช็คล่วงหน้า ทั้งที่ไม่ได้มีการระบุตัวเงิน แต่ตัวของเจ๊เป็นคนเขียนตัวเลขลงไปเอง ยังมีการสั่งจ่ายเช็คล่วงหน้าหลายใบ ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสอบขั้นตอนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นายฟ้า ผู้เสียหาย เปิดใจว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองก็ถือว่าเจ๊กั้ง และอ้วน ได้รับโทษตามกฎหมายแล้ว ส่วนตัวก็ไม่เคยถือโทษโกรธเจ๊ตั้งแต่แรก แต่ในวันนี้เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ก็ต้องว่าไปตามนั้น ในวันนี้ตนเองทราบว่าตัวของเจ๊กั้งและนายอ้วนได้มีการฝากขอโทษผ่านอมรินทร์ทีวีผ่านมายังตนเองนั้น ส่วนตัวก็ขอรับคำขอโทษ พร้อมอโหสิกรรม ให้อภัย ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และหลังจากนี้หากเจ๊และนายอ้วนพ้นโทษมาแล้ว ตนเองก็คงจะไม่ขอกลับไปอยู่ที่เดิม และคงไม่ไปอยู่ด้วยอีก เนื่องจากที่ผ่านมาก็มีบทเรียนอยู่แล้ว
นายฟ้า เปิดเผยว่า สำหรับอาวุธที่ตนเองถูกทำร้าย ยืนยันชัดเจนว่ามีท่อพีวีซี ไม้เบสบอล และสากครก แต่แม้ว่าเจ๊จะให้ปากคำหรือให้การกับพนักงานสอบสวนไม่ตรงตามข้อเท็จจริงก็ตาม ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่ในการสืบหาข้อมูล และบาดแผลที่เกิดขึ้นทั้งตัวจะมีเพียงแค่มือเท่านั้นที่ถูกหมากัด แต่ส่วนอื่นคือการกระทำที่เกิดจากเจ๊และนายอ้วน ที่สำคัญตนเองได้มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับสหวิชาชีพ และกรมแรงงาน เกี่ยวกับการทำงานแล้วไม่ได้เงิน และตลอดที่ผ่านมาก็ยังถูกทำร้ายร่างกาย ดังนั้นจึงเตรียมที่จะมีการเอาผิดในข้อหาค้ามนุษย์กับเจ๊กั้งต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับสภาพบาดแผล ตอนนี้ยอมรับว่าอาการดีขึ้นตามลำดับ เหลือเพียงแค่ปากและอวัยวะเพศที่ต้องทานยาและล้างแผลต่อเนื่อง ส่วนสภาพจิตใจยอมรับว่าดีขึ้น เพราะเริ่มมีหน่วยงาน รวมถึงทนายความ และญาติพี่น้องยื่นมือเข้ามาให้กำลังใจและช่วยเหลือ ส่วนตัวก็ขอขอบคุณทุกฝ่าย
ด้านนายฐปณวัชร หรือ ปัง พี่ชายของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหลังจากที่เกิดเรื่องราว ต้องเดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และเดินทางไปร่วมรายการหลายสถานีโทรทัศน์ และรวมถึงเดินทางไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับหน่วยงานราชการ ทำให้ไม่มีเวลาที่จะดูแลน้องชาย โดยหลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เตรียมที่จะพาไปรับการรักษาอย่างจริงจัง เพราะยังมีบริเวณปากและอวัยวะเพศที่ยังอักเสบ ต้องรับการรักษาต่อเนี่อง
ส่วนกรณีวันนี้ที่เจ๊และนายอ้วนถูกนำตัวฝากขังและไม่ได้รับการประกันตัว ตนเองก็จะไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือกล่าวถึง แต่ก็ถือว่าเป็นบทเรียนและเวรกรรมที่จะต้องได้รับหลังจากที่มีคนกระทำผิดหรือก่อเหตุเอาไว้ แต่อย่างน้อยก็โชคดีที่ตนเองได้รับน้องชายคืนกลับมา
แนวทางของคดีที่เตรียมมีการเอาผิดในข้อหาค้ามนุษย์ ตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน หากเจ้าหน้าที่มองว่าเป็นการเข้าข่ายกระทำผิด ก็จะเอาผิดเพิ่มเติมกับเจ๊ ส่วนเรื่องของการทำธุรกรรมโดยการใช้บัตรประจำตัวประชาชนไปเปิดระบุเอาไว้ในหุ้นส่วนบริษัท หรือมีการเช็นเอกสารปลอมแปลงลายเซ็น รวมทั้งให้น้องชายเช็นเช็คล่วงหน้า และมีเงินหมุนเวียนในบัญชีที่มีชื่อนายฟ้า แต่ไม่เคยรับรู้และไม่เคยเห็นตัวเงินดังกล่าว เรื่องนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบ เกี่ยวกับพฤติกรรมและการใช้เงินผ่านการทำทุรกรรมบนชื่อของนายฟ้าน้องชาย
ทีมข่าวได้เดินทางกลับไปที่บ้านของเจ๊กั้ง ช่วงค่ำพบว่าประตูบ้านปิดเงียบ ด้านในมีเพียงลูกน้อง 2 คน ชาย 1 หญิง 1 อาศัยอยู่ภายในบ้าน เพื่อดูแลความเรียบร้อย และช่วยเลี้ยงหมากว่า 30 ตัว รอบข้างบ้านมีลักษณะทำเป็นบ้านรวมกับโกดังขายของ จึงไม่มีเพื่อนบ้านตั้งอยู่ เป็นเพียงพื้นที่ว่างสำหรับทุ่งนาเท่านั้น
ลูกจ้างของเจ๊กั้ง เปิดเผยผ่านรั้วว่า ยอมรับว่าเจ๊เป็นคนดี ชอบช่วยเหลือ โดยเฉพาะหมาแมวจรจัด เจ๊ก็รับมาเลี้ยงและดูแลซื้ออาหารให้กิน จึงทำให้ที่บ้านมีหมาและแมวจำนวนมาก นอกจากจะมีการดูแลและให้ที่อยู่สำหรับหมาแมวแล้ว ยังดูแลลูกน้องทุกคนอย่างดี ซึ่งภายในโรงงานมีลูกน้อง 3 คน ทุกคนก็อยู่กินกันดีแบบปกติ บางครั้งมีการซื้อกุ้งปูหรืออาหารที่มีราคาแพง เจ๊ก็ไม่เคยห่วง แบ่งให้ลูกน้องได้กินเท่าเทียมกัน และที่สำคัญคนที่เป็นลูกน้อง 3 คน ก็ได้รับเงินค่าจ้าง ได้รับสวัสดิการตามปกติ แต่ส่วนของนายฟ้า ซึ่งเป็นญาติของเจ๊ ก็เหมือนลักษณะร่วมกันดูแล
หลังจากที่ตนเองทราบว่าเจ๊และนายอ้วนไม่ได้รับการประกันตัวก็รู้สึกเสียใจ แต่หลังจากนี้ก็คงต้องทำงานอยู่ที่โรงงานที่นี่ต่อไป เพราะยังมีญาติพี่น้องคนอื่นคงเจ๊คอยแวะเวียนมาดู และตนเองก็ได้รับงานให้ทำการค้าขายตามปกติ จะไม่ย้ายหรือเปลี่ยนงานไปทีอื่น ที่สำคัญตัวเองขอยืนยันว่าไม่เคยถูกเจ๊ทำร้ายร่างกาย ไม่เคยถูกทุบตี เพราะไม่เคยทำผิดกฎ และไม่เคยทำนอกเหนือคำสั่งหรือละเลยหน้าที่ ส่วนกรณีการทำร้ายร่างกายนายฟ้า ตนเองมองว่าเป็นการสั่งสอนเพื่อให้หลาบจำ ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายถึงขั้นทรมาน หรือกักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งนายฟ้าก็ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ มีหลายครั้งที่พฤติกรรมของนายฟ้ามีการดื้อ หลายครั้งที่เจ๊ไม่อยู่นายฟ้าก็จะไม่ยอมทำงาน เวลาที่เจ๊กลับมาก็จะโมโห ตีสั่งสอนบ้าง
ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ หมอหมู ระบุว่า กรณีภาวะหูกะหล่ำดอก เป็นความผิดปกติของใบหู เนื่องจากการบาดเจ็บ ซึ่งมักจะพบในผู้เล่นกีฬามวย หรือศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน โดยใบหูจะมีลักษณะไม่สม่ำเสมอ เสียรูปร่าง สืบเนื่องมาจากบุคคลดังกล่าวได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหูแบบซ้ำ ๆ ต่อเนื่อง ทำให้เกิดความเสียหายต่อกระดูกอ่อนและหลอดเลือด
ซึ่งความเสียหายนี้อาจส่งผลให้เกิด ก้อนเลือดใต้ผิวหนัง กระตุ้นให้เกิดกระดูกอ่อนขึ้นมาใหม่ ซึ่งกระดูกอ่อนดังกล่าวมักไม่สมมาตร และมีรูปร่างไม่ปกติ จึงเป็นที่มาของ "ภาวะหูกะหล่ำดอก"
ดังนั้น หากใครมีอาการดังกล่าว บาดเจ็บที่บริเวณใบหูบวมแดงอักเสบ หรือมีบาดแผลใด ๆ ก็ตาม เบื้องต้นควรรีบไปพบแพทย์ก่อน เพื่อให้แพทย์ทำการเจาะรักษาเอาเลือดคลั่งออกจากใบหู พร้อมให้ยาปฏิชีวนะควบคู่ แต่หากบุคคลใดมีอาการเรื้อรังจนใบหูมีลักษณะผิดรูปร่าง กรณีดังกล่าวจึงจะต้องจำเป็นให้แพทย์ศัลยกรรมตกแต่งทำการผ่าตัดแก้ไข