ส่อพิรุธหนุ่มหายตัว ภาพลับซ้อนรถคู่ขาออกม่านรูด หมอแฉเคยปาร์ตี้ฉีดเข้าเส้น (คลิป)

จากกรณีตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเเจ้งจากญาติของ นายณัฎฐกรณ์ ฉนำกลาง หรือ ต่อ อายุ 38 ปี ชาวตำบลเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ หายตัวลึกลับไปตั้งเเต่วันที่ 3 ธันวาคม 2564 รวมระยะเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ โทรศัพท์มือถือไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนเฟซบุ๊กก็ไม่มีความเคลื่อนไหว กระทั่งมาทราบภายหลังว่าผู้สูญหายมีปากเสียงทะเลาะกับชายที่คบหากันเป็นแฟน ปมไม่ยอมให้มีเพศสัมพันธ์ด้วยนั้น

ต่อมาวันที่ 12 ธันวาคม 2564 มีชาวบ้านไปพบรถจักรยานยนต์ของผู้สูญหาย จอดทิ้งไว้ในป่าเขาอังคาร ระยะทางห่างจากบ้าน 2 กิโลเมตร ซึ่งทางครอบครัวเกรงว่าจะถูกอุ้มทำร้าย ทางด้านตำรวจชุดอาสาพิทักษ์ป่า พร้อมด้วยกู้ภัย ชาวบ้านกว่า 100 คน ระดมกำลังค้นหาใกล้ ๆ จุดที่พบรถ เเต่ยังไร้วี่เเวว

วันที่ 13 ธันวาคม 2564 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ ลงพื้นที่สืบหาข้อมูล จุดเเรกไปยังบ้านของพี่ชายผู้สูญหาย ซึ่งเป็นจุดที่ผู้สูญหาย และนายเต่า แฟนหนุ่ม เคยอาศัยอยู่ด้วยกัน 7 เดือน จุดที่ 2 หมู่บ้านถาวร ตำบลถาวร อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ระยะทางห่างจากบ้านผู้สูญหาย 6 กิโลเมตร เป็นจุดที่พบสัญญาณโทรศัพท์ จากการลงพื้นที่ยังไม่พบเบาะแส

จุดที่ 3 บริเวณป่าเขาอังคาร จุดที่พบรถจักรยานยนต์ของผู้สูญหายจอดทิ้ง ระยะทางห่างจากบ้าน 2 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่เเละญาติของผู้สูญหายเดินหาหลักฐานในบริเวณดังกล่าว พบถุงมือผ้าสีเขียว 1 ข้างตกอยู่ในป่า ห่างจากจุดเจอรถ 30 เมตร เจ้าหน้าที่ได้เก็บไปตรวจสอบ

โดยมีคลิประทึกระหว่างการทำพิธีเบิกป่าเพื่อขอให้เจอคนที่สูญหาย เนื่องจากญาตินายต่อเห็นนายต่อเดินออกมาจากป่า พุ่งมาหาตัวเอง ก่อนจะเสียงหวีดร้องวิ่งหนีชุลมุน

ล่าสุด วันที่ 14 ธันวาคม 2564 ขณะเดียวกันวันนี้ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำตัวนายจารุพันธ์ หรือ เต่า อายุ 33 ปี แฟนหนุ่มของผู้สูญหาย ไปสอบปากคำตั้งเเต่เวลา 09.00 น.

นายเต่า เปิดเผยว่า ผู้สูญหายไม่ยอมมีเซ็กซ์ด้วย 5 เดือนเเล้ว เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ตนมีความต้องการทางเพศจึงได้นัดเกย์คนหนึ่ง ผ่านเเอปพลิเคชันชื่อนายโต้ง (นามสมมติ) โดยนัดเจอกันที่บ้าน ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ไปที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอนางรอง ตนเป็นคนขับ ส่วนนายโต้งเป็นคนซ้อน ส่วนผู้สูญหาย มาทราบภายหลังว่าตนนัดเจอกับเกย์อีกคน จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามไปด้วย เพราะหวังจะมีเซ็กซ์แบบสวิงกิ้ง

แต่เมื่อเจอกันที่รีสอร์ต ปรากฏว่าเกย์ที่นัดมาหน้าตาไม่ตรงปก ทางผู้สูญหายจึงขอยกเลิก ไม่ขอมีเซ็กซ์ด้วย จึงให้หนุ่มเกย์คนดังกล่าวแยกไปนอนอีกห้องคนเดียว ส่วนตนกับผู้สูญหายนอนด้วยกันอีกห้อง

กระทั่งวันต่อมา 6 ธันวาคม ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากรีสอร์ตเพื่อกลับบ้านของตน จนกระทั่งช่วงเย็นก็มีปากเสียงกัน เรื่องที่ผู้สูญหายไม่ยอมมีเซ็กซ์ด้วย ตนจึงเกิดความน้อยใจ เพราะตอนอยู่กันสองต่อสองไม่ยอมให้มีเซ็กซ์ แต่เมื่อมีบุคคลที่สามเพิ่มเข้ามา ผู้สูญหายกลับมีความต้องการทางเพศ ตนจึงได้บอกเลิก และไล่ผู้สูญหายออกจากบ้านไป

ที่ผ่านมาก่อนมีเซ็กซ์กัน ตนเองกับผู้สูญหายจะมีการใช้ยาเสพติด ยาไอซ์ผสมน้ำเกลือฉีดเข้าเส้นเลือด ส่วนใหญ่คนที่ฉีดให้คือผู้สูญหาย บางครั้งก็จะให้เพื่อนอีกคนชื่อหมอนพ เป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านถาวรฉีดให้เป็นครั้งคราว ในวันที่ไปรีสอร์ต ได้นัดหมอนพมาด้วย เเละหมอนพเป็นคนฉีดให้ "ตอนนี้รู้สึกเครียด เพราะเป็นห่วงผู้สูญหาย ส่วนในเรื่องทางคดี พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ตนยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจ"

ด้านนายนพธเนตร ธนดลนิธิศักดิ์ อายุ 46 ปี พนักงานธุรการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านถาวร ชายที่นายเต่าอ้างว่าเป็นคนฉีดยาไอซ์ให้ในวันที่ 5 ธันวาคม เปิดเผยว่า ส่วนตัวยอมรับว่ารู้จักกับนายเต่า และเคยฉีดยาไอซ์เข้าในกระแสเลือดให้จริง โดยนายเต่าเอายาไอซ์มาฉีดให้ตนเองฉีดให้ 2 ครั้ง แต่นานมาแล้ว

ส่วนวันที่ 5 ธันวาคม ที่นายเต่าอ้างตนฉีดให้นั้น ขอยืนยันว่าในวันดังกล่าวตนเองไม่ได้ฉีดให้นายเต่าเเต่อย่างใด เเต่ยอมรับว่าในวันดังกล่าว เดินทางไปที่รีสอร์ตจริง แต่ไปกับเพื่อนชายอีกคน ลักษณะต่างคนต่างไป ไม่ได้นัดหมายกับกลุ่มนายเต่าเเต่อย่างใด ก็พอทราบว่ากลุ่มนายเต่ามาเปิดห้องพักที่รีสอร์ตเดียวกัน เเต่อยู่กันคนละห้อง ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน

ทีมข่าวเดินทางไปยังรีสอร์ต อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ระยะทางห่างจากบ้านผู้สูญหาย 16 กิโลเมตร ป้าของแม่บ้านประจำรีสอร์ต คือ นางนก (นามสมมติ) อายุ 50 ปี เปิดเผยว่า วันที่ 5 ธันวาคม เวลา 02.50 น. แม่บ้านเห็นทั้ง 3 คนเข้ามาพักที่รีสอร์ต โดยขี่รถจักรยานยนต์มา 2 คัน เปิดห้องพัก 1 ห้อง แล้วทั้ง 3 คน ก็เข้าไปนอนในห้องเดียวกัน

จนกระทั่งรุ่งเช้า เวลาประมาณ 08.00 น. นายเต่าได้เดินออกจากรีสอร์ตไป ไม่นานผู้สูญหายคือนายต่อขี่รถจักรยานยนต์ตามออกไป ส่วนเกย์อีกคน ยังคงนอนอยู่ในห้องอีก 1 วัน ออกจากรีสอร์ตไปในวันที่ 6 ธันวาคม หลังจากนั้น ตนเองก็ได้เข้าไปทำความสะอาด พบเศษข้าวกล่อง และก้นบุหรี่ แต่ไม่พบถุงยางอนามัย

ซึ่งทั้ง 3 คน ตนเองไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เพิ่งจะมาพักที่นี่ครั้งเเรก ยืนยันว่านอนห้องเดียวกัน เพราะไม่ได้เปิดอีกห้อง ส่วนนายนพธเนศน์ก็มาเปิดห้องอยู่กับชายอีกคน ตั้งเเต่ช่วงกลางวัน อยู่ห้องตรงข้ามกัน ยืนยันว่าต่างคนต่างมา ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน

ภาพจากกล้องวงจรปิดเวลา 02.02 น. วันที่ 5 ธันวาคม 2564 บริเวณถนนนางรอง-ละหานทราย หมู่ที่ 10 ตำบลถาวร อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ชายคนหนึ่งขี่จักรยานยนต์ มีนายเต่าซ้อนท้าย มุ่งหน้าเข้าอำเภอนางรอง โดยมีนายต่อขี่รถจักรยานยนต์สีเหลืองตาม ในระยะที่ห่างไม่กี่เมตร

จากนั้นเวลา 08.55 น. บริเวณจุดเดิม พบว่านายต่อ ผู้สูญหาย ขี่รถจักรบานยนต์สีเหลือง มีนายเต่าซ้อนท้าย ผ่านมาจากอำเภอนางรอง มุ่งหน้าบ้านโคกว่าน ตำบลโคกว่าน อำเภอละหารทราย จังหวัดบุรีรัมย์ บ้านของนายเต่า

นางปะภาดา ฉนำกลาง อายุ 61 ปี แม่ของผู้สูญหาย เปิดเผยว่า ตนและญาติยังมีความหวังว่าลูกชายยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากหมอดู 9 คน ได้ทำนายสอดคล้องกันว่าลูกชายไปอยู่กับเพื่อน ตอนนี้ปลอดภัยดี อีก 4 วัน ก็จะกลับมาที่บ้านเอง แต่มีหมอดู 1 คนทำนายว่าลูกชายถูกสิ่งลี้ลับบดบังให้อยู่อีกภพหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวก็พยายามมองในเเง่ดี จึงได้ไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในหมู่บ้านให้ลูกชายกลับบ้านอย่างปลอดภัย เเต่อีกใจหนึ่งก็หวั่นว่าลูกชายจะได้รับอันตราย เพราะสงสัยว่ารถจักรยานยนต์ของลูกชาย ไปอยู่ในป่าได้อย่างไร

ส่วนกรณีที่นายเต่า แฟนของลูกชาย ให้ข้อมูลว่ามีการใช้ยาไอซ์กันก่อนมีเซ็กซ์ ตนเองไม่เคยทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน รู้เพียงว่าตอนที่คบหากัน ลูกชายมักจะถูกนายเต่าทำร้ายร่างกายเป็นประจำ เเต่ลูกชายก็ไม่เคยสู้ หากถามว่าสงสัยนายเต่าหรือไม่ ก็ไม่อยากกล่าวหา เพราะไม่มีหลักฐาน ที่ผ่านมาจากการสังเกตก็ทราบว่านายเต่ามีอารมณ์รุนเเรง

นอกจากนี้ ลูกชายตกงานมาประมาณ 1 ปี เงินที่ใช้จ่ายมาจากเเม่ทั้งหมด หลังจากลูกชายหายตัวไป ติดต่อไม่ได้ เเม่ก็เกิดความเป็นห่วง จึงโอนเงิน 1,000 บาทเข้าบัญชีลูก หวังว่าลูกชายจะได้ใช้ซื้อข้าวกิน

พี่ชายของผู้สูญหายคือ นายคมสันต์ ฉนำกลาง อายุ 40 ปี เจ้าของบ้านหลังที่ตำรวจไปตรวจสอบ เปิดเผยว่า น้องชายกับนายเต่า เคยมาอาศัยอยู่ที่บ้านของตน 7 เดือน ที่ผ่านมานายเต่าก็มักจะทำร้ายร่างกายน้องชายบ่อยครั้ง เเต่น้องชายไม่เคยสู้ เนื่องจากเป็นคนเรียบร้อย ไม่ชอบใช้ความรุนเเรง

สำหรับสิ่งที่ตนเองคาใจคือน้องชายเป็นคนไม่ชอบป่า ที่ผ่านมาจะใช้ชีวิตในเมืองเป็นหลัก เเต่กลับไปพบรถจักรยานยนต์จอดทิ้งในป่า อีกทั้งในจุดดังกล่าว น้องชายไม่เคยไปเลย จึงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ส่วนเรื่องยาเสพติด ตนเองก็ไม่ทราบว่าน้องชายเคยใช้หรือไม่