เมียหลวงควงทนาย แถลงข่าวโชว์หลักฐานยื่นฟ้องสามีและ “แม่น้ำหนึ่ง” วันที่ 16 ธันวาคม 2564 เวลา 11.00 น. ทนายโนบิตะ หรือ นายกฤษฎา โลหิตดี และนายภาณุมาศ จิตวศินกุล หรือ เฮียเปี๊ยก นักธุรกิจชาวอุดรธานี พร้อมกับนางสาวดุสิตา แนมขุนทด หรือ เอิร์น ภรรยาโดยชอบกฎหมายของนายพงศธร หรือ ฟิล์ม ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่จังหวัดนครราชสีมา เกี่ยวกับข้อเท็จจริงและเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่าง แม่น้ำหนึ่ง นักใบ้หวยชื่อดัง หรือนางสาวภิรดา ธนโชติจินดา เกี่ยวกับกระแสข่าวที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนายฟิล์มซึ่งเป็นลูกจ้างนั้น
ทนายโนบิตะ อธิบายว่าวันนี้นางสาวเอิร์น ซึ่งเป็นโจทก์จะยื่นฟ้องหย่าและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่บุตรทั้ง 2 คน จากนายพงษธร คงเพ็ชรศักดิ์ เป็นจำเลยที่ 1 ในจำนวนเงิน 5,000 บาทต่อเดือน และต่อบุตร 1 คน หมายความว่าต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรให้เดือนละ 10,000 บาท จนกว่าบุตรทั้ง 2 คนจะบรรลุนิติภาวะหรือจบปริญญาตรี และจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากแม่น้ำหนึ่ง เป็นจำนวน 300,000 บาท ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวนครราชสีมา
ทางทนายมองว่าการฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูและเรียกค่าทดแทนดังกล่าวนั้นเป็นการฟ้องและเรียกตามฐานานุรูปซึ่งเป็นไปตามความเป็นจริงตามฐานะของโจทก์ ส่วนเรื่องของพยานหลักฐานนั้น ไม่ได้หนักใจในเรื่องนี้เพราะมีพยานหลักฐานเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ คลิปวิดีโอ และเส้นทางการเดินทางของจำเลย จาก Google map ประกอบกับภาพในเฟซบุ๊กสตรี่ของจำเลยทั้ง 2 คน ที่ไม่ใช่ปกติที่ลูกจ้างกับนายจ้างพึงมีต่อกันนั้น
รวมถึงหลักฐานแชตที่แม่น้ำหนึ่งคุยกับคนสนิทคนหนึ่งของซึ่งเป็นคนที่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด และจะมาเป็นพยานในคดีครั้งนี้ด้วย โดยภายในแชต พยานรายนี้พยายามเกลี้ยกล่อมจะให้แม่น้ำหนึ่งออกมาพูดยอมรับความจริงว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับนายฟิล์มมีอะไรมากกว่านายจ้างกับลูกจ้างหรือไม่ ซึ่งด้านของแม่น้ำหนึ่งก็บอกว่าหากพยานรายนี้จะเอาแชตทั้งหมดไปแฉเพื่อทำลายตน ตนก็ยินดี เพราะที่ตนไม่ยอมพูดความจริงออกมา บวกกับกลัวว่าจะทำให้ตัวเองเสื่อมเสียชื่อเสียง แล้วส่งผลกระทบกับลูกน้องอีก 80 ชีวิต และบอกว่าถ้าเอาแชตไปแฉก็จะสู้เต็มที่ เพราะหมดความไว้ใจกับพยานรายนี้ซึ่งเคยสนิทกันแล้ว พร้อมกับบอกว่าอยากให้รออีกหน่อย ตอนนี้นายฟิล์มกำลังร้องไห้หลังจากได้คุยกับนางสาวเอิร์น และสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายนางสาวเอิร์นและลูก
ในขณะที่ นางสาวเอิร์น กล่าวทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาววัย 8 ขวบเคยเล่าให้ตนฟังว่าช่วงต้นเดือนตุลาคม 2564 ลูกมีโอกาสได้ไปเที่ยว จ.ระยอง กับนายฟิล์มและแม่น้ำหนึ่งแล้วลูกเห็นว่าขณะที่พ่อขับรถ แม่น้ำหนึ่งก็หยิบขนมขึ้นมาป้อนให้กับพ่อ แถมตอนที่มีการแวะห้องน้ำในปั๊มแห่งหนึ่ง ลูกเห็นพฤติกรรมต่อหน้าต่อตา ตนพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ลูกเห็นมาโดยตลอด กลัวลูกจะเสียใจ เพราะลูกรักพ่อมาก โดยเฉพาะคลิปที่แม่น้ำหนึ่งเหยียบหลังนายฟิล์มมันยังฝังใจเจ็บใจมาโดยตลอด เพราะตนเป็นภรรยาแท้ ๆ ยังไม่กล้าทำขนาดนั้นเลย
การที่ตนออกมาในครั้งนี้พร้อมกับหลักฐานทั้งพยานบุคคล ภาพถ่าย และวิดีโอ แชตเอกสารสำคัญต่าง ๆ รวมทั้งหมด 16 อันดับที่จะยื่นต่อศาลฯ นั้น บางส่วนทนายขอเก็บไว้ใช้ในชั้นศาลก่อน ก็เพราะว่าจำเป็นจะต้องปกป้องสิทธิของการเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย
ที่ผ่านมาตนเองต้องอดทนเป็นอย่างมาก จนกระทั่งตัดสินใจที่จะยื่นฟ้องหย่าสามีและเรียกค่าทดแทนจากแม่น้ำหนึ่งในวันนี้ จึงอยากถามกับนายฟิล์มว่าตนทำผิดอะไร ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะผู้ถูกกระทำก็ขอยืนยันว่าจะไม่ให้อภัยผู้ชายคนนี้แน่นอน ต่อไปนี้จะขออยู่คนละโลกกับทั้ง 2 คน พร้อมอยากฝากบอกให้แฟนคลับของแม่น้ำหนึ่งรู้ด้วยว่า จริง ๆ แล้วพฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างไร หลังจากนี้จะขอทำหน้าที่ดูแลลูกทั้ง 2 คนแต่เพียงผู้เดียว และจะเป็นทั้งพ่อและแม่ของลูกอย่างให้ดีที่สุด
ทีมข่าวอมรินทร์ได้วิดีโอคอลกับ นางสาวปอย น้องสาวแท้ของนางสาวเอิร์น อธิบายว่าที่ทางแม่น้ำหนึ่งอ้างว่าจะมีการฟ้องตนจากที่ตนโพสต์เฟซบุ๊กโดยไม่ได้เอ่ยชื่อใครนั้น น่าจะมาจาก 2 สาเหตุ อย่างแรกคือ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2564 ตนได้มีการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวไปว่า "เหม็นกลิ่นแมงดาดงว่ะ เอ้ออ" โดยที่ไม่ได้มีการเอ่ยชื่อหรือแท็กชื่อใคร และเป็นการโพสต์ลอย ๆ ไม่ได้หมายถึงใคร
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนแคปข้อความที่แม่น้ำหนึ่งคอมเมนต์คุยกับเพื่อนในเฟซบุ๊กของเขา ซึ่งเขียนว่า "เขาแมงดา แต่ตัวมันเองเอาผัวรุ่นพ่อ ต่างอะไรจากกระ-รี่ 5555" ซึ่งตนอ่านแล้วก็เหมือนเป็นการพาดพิงตนเบา ๆ เพราะแฟนตนอายุ 42 ปี บวกกับมีการใช้คำว่าแมงดาเหมือนที่ตนโพสต์ด้วย และอีกประเด็นคือคลิปใน TikTok ที่เป็นกระแสก่อนหน้านี้ ที่มีการระบุข้อความว่า "เจ้าแม่คนดังแย่งผัวชาวบ้าน เมียหลวงยังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก ๆ 2 คน คนโตอายุ 6 ขวบ คนเล็ก 8 เดือน แชร์ถึงชมรมที่ช่วยเมียหลวง"
ตนยอมรับว่าตนเป็นคนโพสต์ต้นฉบับเอง จึงทำให้ตนคิดว่าน่าจะเป็นเพราะ 2 เรื่องนี้หรือไม่ที่แม่น้ำหนึ่งถึงพิมพ์ชื่อตนออกไป ส่วนตัวยอมรับว่าส่วนตัวก็งงหลังเห็นแชต เพราะตนไม่ได้ด่าเขา ไม่ได้ระบุชื่อทั้ง 2 โพสต์และไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน นอกเหนือจากเรื่องนี้ด้วย ถ้าถามว่ากลัวไหมว่าจะไม่พอใจแล้วฟ้อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็ยืนยันว่าไม่กลัว เพราะตนไม่ได้ระบุชื่อในโพสต์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ลูกจ้างหนุ่มปัดสัมพันธ์ "แม่น้ำหนึ่ง" แฉถูกขอ 2 ล้านแลกหย่า เผยที่มาท่าเด็ดหน้ากระจก
- เมียหลวงเปิดหน้าชน "แม่น้ำหนึ่ง" งัดหลักฐานผัวเปลี่ยนไป ทนายดังจ่อฟ้อง
ทีมข่าวเดินทางมายังบ้านของนายฟิล์ม อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา นายอุดม อายุ 84 ปี ตาของนายฟิล์ม บอกว่า นายฟิล์มไม่กลับมาบ้านเกือบเดือนแล้ว เขาบอกว่ากินนอนอยู่ที่ทำงาน ส่วนแม่ของเขาก็ออกไปทำไร่ จะกลับมาตอนค่ำ ทั้งนี้กับเหตุการณ์ที่นางสาวเอิร์นเดินทางไปยื่นฟ้องหย่าและเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรกับหลานนั้น ตนบอกว่าตนยังไม่ทราบข่าว รู้แค่ว่าก่อนหน้านี้ทั้งคู่มีปัญหาแล้วแยกทางกันไป หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้เจอกับนางสาวเอิร์นอีกเลย มีเพียงแค่เหลนคนโตที่ญาติพามาหาอยู่บ้าง
ส่วนหลานเองก็ไป ๆ มา ๆ บ้านของเจ้านาย ซึ่งตนก็ไม่ได้รู้จัก ได้ยินจากชาวบ้านมาอีกที และไม่รู้ข่าวที่หลานไปมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวไม่เคยเห็นว่าเขาจะพากันมาที่บ้านด้วย รู้แค่ว่าบ้านที่หลานกำลังสร้างตัว เงินส่วนหนึ่ง 3 แสนบาทหลานกู้มาจากม่น้ำหนึ่งแล้วให้หักในเงินเดือนไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว พอทราบข่าวก็ไม่ได้ตกใจ เพราะรู้ดีว่าด้วยจำนวนเงินและระยะเวลาที่ฝ่ายชายต้องจ่ายถ้าถูกฟ้อง คงเป็นไปได้ยาก เพราะลำพังตัวของนายฟิล์มก็ยังเอาตัวเองไม่รอด อาศัยรับจ้างเขาอีกที แม่ก็เป็นชาวไร่ชาวสวน จะเอาเงินจากไหนไปส่งเสียเลี้ยงดู
หากย้อนเวลากลับไปได้ ก็ไม่อยากให้ทั้งคู่มีปัญหาจนถึงขั้นหย่าร้างกัน เพราะเขามีลูกด้วยกันแล้ว สงสารลูก แต่ในเมื่อมันมาถึงจุดนี้ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา แต่ถ้าถามถึงบุคลิกนิสัยใจคอของนายฟิล์มยืนยันว่าเขาเป็นคนดี ตั้งใจทำมาหากิน ไม่เคยคิดโกงใคร พูดน้อยถามคำตอบคำ ส่วนเรื่องผู้หญิงนั้น ตนก็ยอมรับเช่นกันว่านายฟิล์มมีผู้หญิงเยอะ ไปอยู่ที่ไหนก็มีแฟนที่นั่น เพราะเขาเป็นคนมีเสน่ห์ ความหล่อก็พอตัว
นายภาณุมาศ จิตวศินกุล หรือ เฮียเปี๊ยก นักธุรกิจชาวอุดรธานี อาสาเข้ามาดูแลค่าใช้จ่ายให้กับนางสาวเอิร์นตลอดการดำเนินคดี เปิดใจว่า ตนได้ฟังคลิปเสียงซึ่งเป็นหลักฐานอีกชิ้นที่จะใช้ในการประกอบคดีครั้งนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่นางสาวเอิร์นบันทึกไว้ ตอนที่มีผู้ชายปริศนาคนหนึ่งอ้างว่าตัวเองเป็นทนายความของแม่น้ำหนึ่ง แล้วเข้ามาที่บ้านของเธอพร้อมพูดจาในลักษณะข่มขู่ บอกประมาณว่า “อย่ามีเรื่องกันเลย เหมือนเอาไม้ซีกมางัดไม้ซุง พี่เห็นพยานหลักฐานหมดแล้ว ยังไงน้องก็แพ้ ถ้าเกิดน้องแพ้ น้องก็ต้องติดคุก แล้วใครจะเลี้ยงลูก”
ตนมองว่าการที่ชายดังกล่าวแสดงพฤติกรรมและการพูดจาในลักษณะนี้ เหมือนตั้งตนเป็นศาล ทั้งที่ไม่ใช่ เขาเป็นแค่ทนาย เพราะเขาจึงไม่มีหน้าที่ที่จะมาตัดสินว่าใครเป็นคนผิดหรือคนถูก อีกอย่างคดีดังกล่าวยังไม่ได้มีการฟ้องร้องในศาล แล้วจะเอาอะไรมาติดคุก เอาอะไรมาแพ้หรือชนะ ะถ้าจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับนางสาวเอิร์นจริง ตนก็อยากบอกว่าขอให้ฟ้องร้องดำเนินคดีมาตามกระบวนการ ไม่ใช่มาใช้วิธีการพูดจาในลักษณะข่มขู่ให้คนที่ไม่รู้กฎหมายเกิดความหวาดกลัว
ถ้าอยากจะฟ้องก็ฟ้องตามกระบวนการได้เลย เพราะการที่นางสาวเอิร์นออกมาโพสต์ข้อความต่าง ๆ ตามที่เป็นข่าวไปนั้น ถือเป็นการใช้สิทธิ์ในการปกป้องในฐานะภรรยาหลวงที่ชอบด้วยกฎหมายตามครรลองคลองธรรม ไม่ได้ก้าวล่วงหรือกระทำนอกเหนือจากกฎหมายและสิทธิที่ตัวเองพึงมี ไม่มีการหมิ่นประมาทใคร แล้วเมื่อถึงวันนั้นตนกับทนายก็จะให้นางสาวเอิร์นฟ้องกลับเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- น้องเอิร์น ควงทนายโนบิตะแถลงโต้ แม่น้ำหนึ่ง กรณีเป็นชู้กับสามี พร้อมยื่นฟ้องเรียกเงิน 3 แสนบาท
- ลูกจ้างหนุ่มปัดสัมพันธ์ "แม่น้ำหนึ่ง" แฉถูกขอ 2 ล้านแลกหย่า เผยที่มาท่าเด็ดหน้ากระจก (คลิป)
- เมียหลวงเปิดหน้าชน "แม่น้ำหนึ่ง" งัดหลักฐานผัวเปลี่ยนไป ทนายดังจ่อฟ้อง (คลิป)