กรณีตำรวจ สภ.เมืองเลย ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันเสียชีวิต ภายในสวนยางพารา ในเขตพื้นที่หมู่ 2 ตำบลเสี้ยว อำเภอเมือง จังหวัดเลย จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยกู้ภัยสว่างคีรีธรรม เเละเเพทย์โรงพยาบาลเลย
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นายวัฒนชัย ประวัติ อายุ 36 ปี สภาพนอนหงาย สวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ ถูกอาวุธปืนไม่ทราบชนิด ยิงเข้าบริเวณท้ายทอย 1 นัด และในกระเป๋ากางเกงด้านซ้าย พบยาบ้า 83 เม็ด จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายอานันท์ แก้วกัณหา อายุ 30 ปี หลังก่อเหตุได้วิ่งไปบอกชาวบ้านที่ตัดหญ้าอยู่ใกล้ ๆ จุดเกิดเหตุ ว่าฆ่าคนตายมา เเละได้หลบหนีไป ก่อนติดต่อเข้ามอบตัวที่ สภ.เมืองเลย
ทีมข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองเลย เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ยังให้การวกวน พูดจาไม่รู้เรื่อง เนื่องจากยังเมายาบ้า ตอนเเรกให้การว่าก่อนเกิดเหตุ เวลา 14.00 น. วันที่ 18 ธันวาคม 64 ได้มีปากเสียงกันกับผู้ตาย โดยผู้ตายพยายามแย่งปืน ทำให้ปืนลั่นใส่ที่ท้ายทอยไป 1 นัด
เเต่ต่อมาก็อ้างว่าถือปืนไปยิงไก่ เเล้วบังเอิญเห็นผู้ตายเป็นไก่ จึงยิงไป 1 นัด ซึ่งพนักงานสอบสวนยังไม่ปักใจเชื่อ แต่เบื้องต้นมีการเเจ้ง 4 ข้อหา ประกอบด้วย ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง, พกอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และเสพสารเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ส่วนผู้ตาย จากการตรวจสอบประวัติย้อนหลัง พบว่าเคยต้องโทษคดียาเสพติด
ล่าสุดวันที่ 19 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านของผู้เสียชีวิต อำเภอเมือง จังหวัดเลย จึงได้พูดคุยกับ นางหนูพลอย ประกวด อายุ 57 ปี เเม่ของผู้เสียชีวิต ยังอยู่ในอาการเสียใจ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ตั้งเเต่เวลา 11.00 น. เพื่อไปหยอดน้ำกรดในสวนยางพารา ระยะทางห่างจากบ้าน 1 กิโลเมตร กระทั่งช่วงเย็น เวลาประมาณ 16.00 น. ได้ยินชาวบ้านพูดกันว่าผู้ก่อเหตุวิ่งมาบอกชาวบ้าน ว่ายิงคนตายในสวนยางพารา ซึ่งตอนเเรกยังไม่ทราบว่าเป็นใคร จนลูกสาวคนเล็กเกิดความสงสัย ได้เดินทางไปดูเเละเป็นคนเเรกที่พบศพ ได้โทรมาบอกว่าลูกชายโดนยิง จึงรีบเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุ เห็นลูกนอนคว่ำหน้าเสียชีวิต ตนช็อกมาก ๆ เข่าทรุดลงที่พื้นร้องไห้ข้างศพลูก
นางหนูเล็ก กล่าวยอมรับว่า ลูกชายเคยต้องโทษคดียาเสพติดจริง เเต่หลังจากพ้นโทษออกมาก็ไม่ทราบว่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาอีกหรือไม่ เเต่ยืนยันว่าลูกชายไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ก่อเหตุมาก่อน เพราะเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน เเละเป็นเพื่อนกันมาตั้งเเต่เด็ก ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวยังทำใจไม่ได้ เพราะลูกชายเป็นเสาหลัก ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว จึงอยากขอความเป็นธรรม และอยากให้คนร้ายรับโทษประหารชีวิต เพราะเกรงว่าจะออกมาก่อเหตุซ้ำอีกหรือไม่
ทีมข่าวได้พูดคุยกับน.ส.เพียรใจ ประวัติ อายุ 33 ปี น้องสาวของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้พบศพคนเเรก เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 16.00 น. มีชาวบ้านที่ตัดหญ้าอยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ได้โทรมาบอกร้านค้าในหมู่บ้าน ว่าผู้ก่อเหตุวิ่งมาบอกว่ายิงคนตาย เเต่ไม่รู้ว่ายิงจริงหรือไม่ เเต่จากพิกัดที่ทราบมา เป็นบริเวณที่พี่ชายไปหยอดน้ำกรด จึงโทรหาพี่ชายหลายสาย เเต่ไม่รับสาย จึงตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์ไปตามหา เมื่อไปถึงสวนยางก็ได้โทรหาอีก เเละได้ยินเสียงโทรศัพท์ของพี่ชาย จึงเดินตามเสียงไปเรื่อย ๆ กระทั่งพบร่างพี่ชายนอนคว่ำหน้าเสียชีวิต เมื่อไปจับตัวก็พบว่าเเข็งเเล้ว
"ตอนนี้ยังรู้สึกคาใจในคำให้การของผู้ต้องหา ที่อ้างว่าทะเลาะกันเเล้วปืนลั่น ซึ่งส่วนตัวไม่เชื่อเพราะพี่ชายถูกยิงจากด้านหลัง เชื่อว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหาต้องเล็งปืนเป็นอย่างดี เเล้วยิงใส่ตอนที่พี่ชายไม่รู้ตัว" น.ส.เพียรใจ กล่าว
ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของผู้ก่อเหตุ จึงได้พูดคุยกับนายคำผอง เเก้วกัณหา อายุ 60 ปี พ่อผู้ก่อเหตุยังอยู่ในอาการเครียด เปิดเผยว่า ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนอาวุธปืนลูกซองที่ใช้ก่อเหตุ ตนยอมรับว่าเป็นปืนของตน ไม่ทราบว่าลูกชายเเอบหยิบไปตอนไหน เมื่อวานก่อนเกิดเหตุลูกชายขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ตั้งเเต่เวลา 08.00 น. บอกว่าจะไปรับจ้างตัดหญ้าในสวนยางพารา เเต่ตนไม่เห็นว่าลูกชายเอาอะไรติดตัวไป เพราะตอนนั้นตนนอนอยู่ในห้อง
กระทั่งช่วงเย็น มีชาวบ้านมาบอกว่าลูกชายไปยิงคนตาย ตนก็ช็อกทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเเบบนี้ เพราะที่ผ่านมาลูกชายไม่เคยทำร้ายใคร เเต่ก็ยอมรับว่ามีพฤติกรรทยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เคยพยายามจะพาไปบำบัดเเต่ก็ไม่ดีขึ้น ซึ่งหลังจากเกิดเหตุยังไม่ได้พูดคุยกัน เเต่ตนขอยืนยันว่าจะไม่ประกันตัว ให้ลูกรับกรรมในคุก ผิดก็ว่าไปตามผิด สิ่งเดียวที่อยากจะขอลูกชาย คือขอให้พูดความจริง เเละขอให้สำนึกบ้างว่าพ่อเเม่เลี้ยงมาตั้งเเต่เล็ก ๆ ด้วยความเหนื่อยยาก เเต่เมื่อโตขึ้นยังสร้างความทุกข์ใจให้พ่อเเม่ ส่วนครอบครัวผู้เสียชีวิตเบื้องต้นตนได้เข้าไปขอโทษเเล้ว เเละจะขอช่วยค่าทำศพเบื้องต้น 2 หมื่นบาท เพราะตนก็ไม่มีเงิน อีกทั้งเพิ่งประสบอุบัติเหตุเเขนหัก ยังทำงานไม่ได้