สืบเนื่องจากกระเเสดราม่าร้อนแรง กระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อ “Hermès” หรือ "แอร์เมส" ที่น.ส.จิดาภา ชีนารักษ์ อายุ 24 ปี หรือ น้องชมพู่ เจ้าของกระเป๋าได้ส่งขายให้กับ นายณภาภัช ระหงษ์ หรือ สรพงษ์และมงคลศักดิ์ เจ้าของร้านรับซื้อของแบรนด์เนมในราคา 395,000 บาท
แต่เจ้าของร้านรับซื้อกลับบอกว่ากระเป๋าใบดังกล่าวเป็นของปลอม พร้อมทั้งเขียนคำว่า "ปลอม" ลงบนหน้ากระเป๋า และไม่ยอมคืนกระเป๋าให้น้องชมพู่ พร้อมประกาศว่าหากตรวจแล้วว่าเป็นของจริงจะโอนเงินให้ 2 ล้านบาท พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น “สรพงษ์” และจะเลิกเป็นสาวประเภทสองด้วย
กระทั่งมหากาพย์ลากยาวไปจนถึงรายการโหนกระแส น้องชมพู่ยืนยันหนักแน่นว่า นายสรพงษ์ หรือ มงคลศักดิ์ จะจ่ายเงินตามคำท้า 2 ล้านบาท พร้อมทำตามสิ่งที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะเปลี่ยนชื่อ แต่นายสรพงษ์ หรือ มงคลศักดิ์ ปฏิเสธการจ่ายเงิน 2 ล้าน และให้ไปสู้กันในชั้นศาล แต่จะยอมเปลี่ยนชื่อเป็น นายมงคลศักดิ์
ล่าสุดวันที่ 21 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี พยายามติดต่อนายมงคลศักดิ์ เจ้าของร้านรับซื้อแบรนด์เนม เพื่อสอบถามว่าจะไปดำเนินการเปลี่ยนชื่อช่วงไหนตามที่ได้สัญญาไว้ แต่กลับไม่มีการตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้น
หลังจากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของเจ้าของร้านรับซื้อ ตามภูมิลำเนาเดิมในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร แต่ทีมข่าวกลับไม่พบ นายสรพงษ์ หรือ มงคลศักดิ์ แต่กลับพบกับญาติที่มีศักดิ์เป็นป้า
นางสายสมร - นางสมฤดี (นามสมมติ) ให้ข้อมูลว่า นายสรพงษ์ หรือ มงคลศักดิ์ ไม่ได้อยู่ที่นี่มานานแล้วหลาย 10 ปี แม้ว่าที่นี่จะมีบ้านของพ่อกับแม่ แต่เขาไม่ได้โตมากับแม่ จะมีน้าอีกคนเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ ตนยอมรับว่านาน ๆ ครั้งเขาจะกลับมาหาญาติ ๆ แต่ไม่ค่อยบ่อยนัก
"เขาเป็นคนน่ารัก ขยันตั้งแต่เด็ก ชอบขายของ มีอะไรก็จะนำไปขายตลอดตามงานวัดหรือที่บ้าน เขาชอบทำขนมไทยเอาไปขายในตลาดหมู่บ้านด้วย ส่วนนิสัยส่วนตัวก็จะเป็นคนค่อนข้างปากจัดตามสไตล์สาวประเภทสอง แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องมีราวถึงขั้นทะเลาะวิวาทกับใคร ขณะที่ร้านแบรนด์เนมนั้น เพิ่งจะเปิดร้านได้ 5-6 ปี ญาติเองก็ได้มีโอกาสไปที่ร้านบ้าง แต่ไม่บ่อย แต่ว่าเจาอาจจะเปลี่ยนชื่อให้สื่อเห็น แล้วอาจจะเปลี่ยนกลับตามเดิมก็ได้ เพื่อลดแรงเสียดทาน" ญาติของนายมงคลศักดิ์ กล่าว
นางสายสมร - นางสมฤดี เผยอีกว่า ญาติพี่น้องได้สอบถามไปยังเจ้าตัวแล้ว เขาก็ไม่ได้เครียด และบอกญาติ ๆ ว่าไม่ต้องคิดมาก เขาจะเคลียร์ปัญหาเองทุกอย่าง ตนมองว่าเป็นเรื่องที่เขาอาจจะคิดน้อยไปตามประสากะเทยที่คิดอะไรก็พูดออกไป พูดไปด่าไป แต่จริง ๆ เขาไม่มีอะไร ญาติก็เข้าใจเพราะอาจจะมาจากความหวาดกลัวที่เขาเคยมีประวัติสูญเงินไปหลายแสน ทำให้เขารู้สึกกลัว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้นายสรพงษ์ หรือ มงคลศักดิ์ เดินทางเข้าพบกับพนักงานสอบสวน ในวันที่ 23 ธันวาคม 64 เวลา 13.00 น. ที่ สน.บางขุนเทียน แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อเข้ามาหรือแจ้งความประสงค์จะมาเข้าพบแต่อย่างใด จึงต้องรอว่าวันที่ 23 ธันวาคม 64 จะมาเข้าพบตามหมายเรียกหรือไม่ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในส่วนของยักยอกทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์