สาวผงะ! เปิดบ้านเจอหญิงนอนตากแอร์ เชื่อปีนหลังคาเข้าห้อง แฉวีรกรรมหลอนตบเด็ก-เผาถังขยะ (คลิป)

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปวิดีโอที่บันทึกไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือ พร้อมระบุข้อความว่า “เตือนภัยค่ะ ผู้หญิงคนนี้แอบเข้าบ้านตอนเจ้าของบ้านไม่อยู่ รื้อค้นของกินภายในบ้าน เปิดแก๊สทำอาหาร นอนเปิดแอร์สบายใจ ถ้าเป็นอย่างนี้อันตรายต่อคนในชุมชน เราต้องทำยังไงถ้ามีคนแบบนี้อยู่แถวบ้านเหตุเกิดที่ซอย 4/3 ค่ะ”

ล่าสุดวันที่ 23 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่พื้นที่คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ทราบชื่อคือหมู่บ้านพฤกษา 13 เป็นโครงการหมู่บ้านทาวน์โฮม มีระบบนิติบุคคล และระบบรักษาความปลอดภัยตามปกติ ซึ่งบ้านหลังเกิดเหตุอยู่พื้นที่ซอย 4/3 เป็นบ้านหัวมุม โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้าน 2 ชั้น ด้านบนเป็นหน้าต่างกระจก และไม่ได้มีการติดตั้งเหล็กดัด

นางบัวลอง โคนชัยภูมิ อายุ 54 ปี เจ้าของบ้าน พาทีมข่าวเดินสำรวจบ้านที่เกิดเหตุ สังเกตว่าตัวบ้านที่มีลักษณะเป็นทาวน์โฮม มีการเชื่อมต่อหลังคาด้านหลังและด้านข้างติดกันทั้งหมด แบ่งแยกเฉพาะส่วนที่เป็นรางน้ำ โดยบ้านละส่วนใหญ่จะใช้ทั้งหลังคาสังกะสี และหลังคากระเบื้องหนา โดยหากมีการเดินบนหลังคา จะไม่แตกหรือร่วงลงด้านล่าง เนื่องจากหลังคาส่วนใหญ่ค่อนข้างที่จะแข็งแรง ฉะนั้นจึงง่ายต่อการที่จะเดินหรือปีนป่ายได้

ทั้งนี้ เจ้าของบ้านยังชี้ให้เห็นว่าบริเวณด้านหลังบ้าน ซึ่งบ้านของนางสาวคีย์ตะวัน อายุ 26 ปี ที่บุกเข้าไปนอนในบ้าน อยู่ด้านหลังอีกฝั่งหนึ่ง ถัดออกไปประมาณ 4 หลังคาเรือน ทีมข่าวทดสอบปีนเข้าออกพบว่าสามารถเข้าออกได้ เนื่องจากเป็นกระเบื้องแบบแข็ง

นางบัวลอง ยังพาทีมข่าวเข้าไปภายในครัวของบ้าน เนื่องจากเมื่อวานนี้ (22 ธ.ค.64) ช่วงเวลาเกิดเหตุนางสาวคีย์ตะวัน ได้เข้ามาตั้งกระทะ เทน้ำมัน ทอดปลาหวาน ปลาหมึกแห้ง กระทั่งปลาหวานไหม้ติดหม้อ ทิ้งไว้แบบไม่ล้าง 

นางบัวลอง เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ที่บ้าน เนื่องจากไปนอนที่สวน ส่วนลูกสาวคนที่ถ่ายคลิปก็ไปอยู่บ้านอีกหลัง ซึ่งเวลาที่ไปอยู่บ้านหลังอื่นตนก็จะวานให้ญาติพี่น้องที่รู้จักกันมาดูบ้านให้เป็นครั้งคราว ตนก็ไม่คิดว่านางสาวคีย์ตะวัน ที่บ้านอยู่ห่างออกไปประมาณ 4 หลัง ปีนเข้ามาเปิดแอร์นอนในบ้านของตน

โดยตอนแรกมีเพื่อนบ้านโทรไปแจ้งว่า มีหญิงสาวมานั่งอยู่บนหลังคา ตนก็ไม่คิดอะไร คิดว่าคงปีนเล่น กระทั่งตนให้ญาติเข้ามาสำรวจในบ้านดูว่าทุกอย่างปิดล็อกตามปกติหรือไม่ จากนั้นพบว่าในครัวมีลักษณะกลิ่นเหม็นไหม้ กระทะถูกใช้งาน ซึ่งตนก็ตกใจว่าก่อนออกไปก็ไม่ได้ทำครัวรก จึงเริ่มแปลกใจว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นภายในบ้านอย่างแน่นอน ก็เลยให้ลูกสาวเข้ามาดูบ้าน โดยลูกสาวเข้ามาถึงก็ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน พบว่านางสาวคีย์ตะวัน เปิดแอร์นอนเย็นฉ่ำอยู่ที่ห้องนอนชั้น 2 และยังมีถุงดำบรรจุของใช้ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน หรือแม้แต่กาแฟ ปลาหวาน ปลาหมึกแห้ง ของเล่นเด็ก และเงินจำนวนหนึ่ง มีการใส่ห่อเอาไว้ในถุงดำหวังที่จะเอากลับไปด้วย

แต่นางสาวคีย์ตะวัน เผลอนอนต่อ ปรากฏเป็นไปตามคลิปที่ลูกสาวถ่ายไว้ หลังจากที่ตนทราบข่าวก็รีบเข้ามาที่บ้าน ตอนนั้นก็ไม่ทันได้พูดคุยอะไรมากนักกับนางสาวคีย์ตะวัน เห็นแต่ตอนขึ้นรถตำรวจออกไปจากบ้าน เขายังหันมาโบกมือและยิ้มให้ตน ตกใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรและเขามีอาการปกติหรือไม่

ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนต้องการให้เป็นอุทาหรณ์ เพราะไม่คิดว่าจะมีเพื่อนบ้านบุกเข้ามานอนในบ้านของตนได้ หากจะอ้างว่าป่วยหรือเกิดอาการหลอนก็ไม่ควรที่จะมีอาการรุนแรงถึงขั้นปีนเข้ามานอนในบ้านคนอื่นแบบนี้ เพราะตนมีความเป็นห่วงและกลัวว่าจะทำครัวจะเกิดเพลิงไหม้หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ฉะนั้นตนจึงอยากเตือนภัยสังคมให้ระมัดระวังและปิดบ้านให้สนิท เพราะไม่เช่นนั้นกรณีบ้านที่ปลูกติดกัน อาจมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นางสาวคีย์ตะวัน เคยก่อเหตุที่บ้านของตน 1 ครั้ง เมื่อช่วงประมาณ 1 สัปดาห์ก่อน เข้ามายกเอากระถางผักสวนครัว ซึ่งตนปลูกเอาไว้ข้างบ้าน ก่อนจะเอาไปวางไว้ที่หน้าบ้านของเขาเอง แต่เมื่อตนตามไปเจอจึงได้พูดคุยกับคนในบ้าน สุดท้ายก็ได้เจรจาและนำมาคืนให้เหมือนเดิม เหตุการณ์นี้ตนไม่ได้แจ้งความ เพราะรู้สึกสงสาร แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุซ้ำ และหากเป็นไปได้ก็อยากให้ส่งบำบัดรับการรักษา เพื่อที่จะไม่ให้มาก่อความเดือดร้อนรำคาญให้เพื่อนบ้านซ้ำอีก

นางสาวณัชชา อะโน อายุ 37 ปี ลูกสาวของเจ้าของบ้าน กล่าวว่า ตนเป็นคนถ่ายคลิปในวันดังกล่าว หลังจากที่เพื่อนบ้านและแม่บอกว่าพบความผิดปกติ ตนจึงเดินตามหาทั่วบ้าน เพื่อที่จะดูว่ามีร่องรอยของการรื้อค้นทรัพย์สินหรือไม่ เพราะกลัวว่าจะมีขโมยเข้ามา แต่ก็ดูเหมือนปกติทุกอย่าง มีเพียงห้องครัวที่มีกินเหม็น คล้ายกับคนทำกับข้าว ทั้ง ๆ ที่คนในบ้านเก็บทำความสะอาดก่อนออกจากบ้านแล้ว

ทั้งนี้ ตนจึงตัดสินใจถ่ายคลิปและเดินขึ้นไปที่ชั้น 2 ก่อนจะพบว่าที่ห้องนอนมีคนนอนอยู่ พร้อมกับถุงดำ 1 ใบ คาดว่าเตรียมที่จะขโมยไปด้วย แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงนอนอยู่บนที่นอน แล้วเปิดแอร์เย็นฉ่ำอย่างสบายใจ ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวไม่รู้ว่าคนที่นอนอยู่มีอาวุธ หรือจะมาทำร้ายหรือไม่ จึงกล้ากล้ากลัวกลัว ถ่ายคลิปเอาไว้อย่างน้อยก็มีหลักฐาน และพยามให้ผู้หญิงคนดังกล่าวออกจากบ้าน ซึ่งตนก็รู้สึกงง ๆ พยายามถามว่า "มาจากไหน มาได้อย่างไร" แต่ผู้หญิงคนนี้ก็พูดจาวกไปวนมา พูดจาไม่รู้เรื่อง ตนจึงได้ตัดสินใจแจ้งตำรวจในเวลาต่อมา

"วันนี้เราก็ได้เดินทางไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยเบื้องต้นตำรวจควบคุมตัวนางสาวคีย์ตะวัน เอาไว้แล้ว พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกเคหสถาน ลักทรัพย์ และข้อหายาเสพติด แต่ไม่มีญาติพี่น้องติดต่อไป ทราบว่าที่บ้านไม่มีใครสนใจแล้ว เนื่องจากเป็นการเสพยาเสพติดจนเกิดอาการหลอน" นางสาวณัชชา กล่าว 

ในวันเดียวกัน ที่สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนางสาวคีย์ตะวัน ไปสอบปากคำ แต่นางสาวคีย์ตะวันพูดจาวกไปวนมา และสื่อสารไม่รู้เรื่อง เนื่องจากเกิดอาการหลอนจากการใช้ยาเสพติด และพบปัสสาวะเป็นสีม่วง เบื้องต้นจึงได้มีการคุมขัง และรอสอบปากคำเพิ่มหากอาการดีขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกเคหสถาน และข้อหาลักทรัพย์ ส่วนเรื่องของคดียาเสพติด คาดว่าจะเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาเป็นผู้เสพและส่งตัวบำบัด 

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนางสาวออโต้ (นามสมมติ) เพื่อนบ้านที่แจ้งเบาะแสพบเห็นหญิงสาวคนดังกล่าว เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ของคืนวันที่ 21 ธ.ค.64 นางสาวคีย์ตะวัน ได้ก่อเหตุเผาถังขยะบริเวณซอย 4/2 แต่โชคดีชาวบ้านช่วยกันดับได้ทัน ทุกคนจึงนำตัวหญิงคนดังกล่าวไปสงบสติอารมณ์ในบ้าน 

ในคืนวันดังกล่าว ช่วงเวลา 03.00 น. เข้าสู่วันที่ 22 ธ.ค.64 นางสาวคีย์ตะวัน มีอาการเหมอลอย เดินไปมาระหว่างซอย 4/2 กับ 4/3 และเดินวนอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง บางครั้งก็นอนกลิ้งไปมาบนถนน จากนั้นก็เห็นเดินไปที่บ้านหลังหนึ่งยกเอาต้นไม้กลับไปที่บ้าน เหมือนต้องการที่จะขโมย ตนเห็นจึงได้เดินตาม นางสาวคีย์ตะวันเห็นว่ามีคนแอบมอง จึงได้ยกต้นไม้มาวางไว้ที่เดิม

กระทั่งช่วงเช้าวันเดียวกัน (22 ธ.ค.64) เวลา 08.30 น. ตนเห็นนางสาวคีย์ตะวัน ไปนั่งหัวเราะอยู่ที่หลังคาบ้านชั้น 2 ของบ้านผู้เสียหาย ตนเห็นว่าอาการเริ่มแปลก ๆ และหนักมากขึ้น จึงรีบออกไปแจ้งกับนิติบุคคลและพนักงานรักษาความปลอดภัย ช่วงที่คาดสายตาปล่อยให้คนก่อเหตุนั่งหัวเราะอยู่บนหลังคา ทำให้เขาหายไป พนักงานรักษาความปลอดภัยและนิติบุคคลมาถึงก็ไม่เห็นว่าอยู่จุดดังกล่าวแล้ว แต่ไม่รู้ว่าที่หายไปนั้นกลับลงมา หรือเดินปีนป่ายไปที่ไหนต่อ เพิ่งจะมาทราบหลังจากที่เจ้าของบ้านตามไปเจอว่ามีคนแอบไปเปิดแอร์นอนอยู่ในบ้าน

"เด็กในซอยเดียวกัน เคยวิ่งเล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านของผู้ก่อเหตุ แต่อาจจะส่งเสียงดังรบกวน เขาก็ใช้ไม้ไล่ตีเด็ก เบื้องต้นทราบจากแม่ของเด็กว่า พาเด็กย้ายออกจากหมู่บ้านไปอยู่ที่อื่นแล้ว เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย แต่ทุกเหตุการณ์ก็ไม่มีใครเอาเรื่องเอาความ เพราะคิดว่าเขาดูไม่ปกติ ทำได้แต่เพียงระมัดระวัง และช่วยกันเป็นหูเป็นตา" นางสาวออโต้ กล่าว