กรณีสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมา ที่สนธิกำลังกับกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ยิงปะทะกับกองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง KNLA กะเหรี่ยงเคเอ็นยู และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน PDF ในพื้นที่หมู่บ้านมอโท้ตะเล จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับบ้านดอนชัยริมเมย พื้นที่หมู่ 6 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก
โดยทหารเมียนมา เปิดฉากระดมยิงปะทะด้วยอาวุธหนักติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง และหนักหน่วง ก่อนเสียงปืนสงบลงในช่วง 06.00 น.ของวันที่ 26 ธ.ค.64 คาดว่าช่วงกลางวันจะมีปฎิบัติการทางอากาศเข้าโจมตีฐานที่มั่นสำคัญของฝ่าย KNU อีกครั้ง โดยตลอดระยะเวลา 11 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวเมียมาต้องหนีภัยความไม่สงบ เดินเท้าทะลักข้ามแม่น้ำเมย มายังฝั่งไทย รวมแล้ว 5,358 คน (ตัวเลข ณ เวลา 08.00 น.)
ล่าสุดวันที่ 26 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนแม่สอด ตลอดทั้งวันยังคงมีเสียงปืน ซึ่งเป็นอาวุธเบารัวยิงอย่างต่อเนื่องกว่าร้อยละ 60 เปอร์เซ็นต์ และยังมีชาวเมียนมาอพยพข้ามแม่น้ำเมยมาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเวลา 12.00 น. พบว่ามีชาวเมียนมาสมัครใจกลับเข้าไป จ.เมียวดี จำนวน 485 คน
นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการเมืองภายในประเทศเมียนมา ในส่วนของผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาที่ได้ทะลักข้ามแม่น้ำเมยเข้ามายังฝั่งไทยนั้น ได้กำหนดพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวเพื่อดูแลผู้หนีภัย 4 แห่ง ได้แก่ 1.พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบริเวณคอกวัวกำนันปั่นบ้านดอนไชย ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก ประมาณ 436 คน 2.พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบริเวณสนามกีฬาบ้านแม่กุหลวง ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวน 994 คน 3.พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวคอกวัวเมยโค้งบ้านมหาวัน ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวน 3,776 คน และ 4.พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบริเวณวัดบ้านหมื่นฤาชัย ต.พบพระ อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวน 152 คน ยอดรวมทั้ง 4 พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ขณะนี้คงเหลือผู้ลี้ภัย จำนวน 5,358 คน
ทีมข่าวได้เดินทางมาที่ ต.มหาวัน ซึ่งเป็นเส้นทางไปยังคอกวัวมหาวัน โดยมีผู้อพยพพักพิงอยู่ถึง 3,776 คน เนื่องจากเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุด มีชุดรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจตั้งจุดสกัดห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่อพยพ เพราะเป็นความละเอียดอ่อนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกันพบว่าจากตัวเลขที่มีผู้อพยพ ทางการไทยจำเป็นต้องเปิดบริจาคสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีการตั้งจุดรับสิ่งของโดยกองอำนวยการร่วมของทางราชการแม่สอด ที่บริเวณศาลาหมู่บ้านแม่โกนแกน ใกล้พื้นที่ปลอดภัยผู้หนีภัยการสู้รบชั่วคราวคอกวัวเมยโค้ง ต.มหาวัน
ทีมข่าวพบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ปฏิบัติที่อยู่ที่กองอำนวยการฯ ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้ย้ายจุดอำนวยการจากเดิมที่วัดศรีมาอยู่ที่ศาลาหมู่บ้านแม่โกนแกน จุดนี้จะมีบันทึกการรายงานภาพรวมของสถานการณ์ในแต่ละวัน ทั้งยอดผู้อพยพเข้าออก รวมถึงสถานการณ์ทั่วไป และยังเป็นจุดหลักรับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้อพยพ หลัก ๆ ก็จะมีชาวเมียนมาที่ไปทำงานในโรงงาน ทั้ง จ.ชลบุรี จ.อ่างทอง จ.นครปฐม จ.ลพบุรี และ จ.สระบุรี เป็นต้น ร่วมระดมทุนส่งสิ่งของมาช่วยเหลือพี่น้องของพวกเขา ทั้งยังมีผู้ประกอบการ และชาวบ้าน ที่ทราบข่าวก็หลั่งไหลมาช่วยเหลือกันต่อเนื่อง
ในส่วนของชาวบ้านจากหมู่บ้านต่าง ๆ ผู้ใหญ่บ้าน แม่บ้าน อสม. และฝ่ายปกครอง ในอ.แม่สอด ร่วมกันทำข้าวกล่องส่งมาที่กองอำนวยการฯเพื่อแจกจ่าย แต่หากขาดเหลือครัวกลางที่นี่ก็จะทำอาหารเพิ่ม ซึ่งทั้งผู้อพยพและเจ้าหน้าที่จะได้กินข้าวกล่องเหมือน ๆ กันไม่มีการแบ่งแยก ส่วนสิ่งของอื่น ๆ และอาหารแห้งก็จะแยกประเภท ก่อนนำไปส่งมอบให้ผู้อพยพทั้ง 4 จุดต่อไป
ทีมข่าวพบนายมะดา (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี ชาวเมียนมา ที่ทำงานใน อ.แม่สอดมา 20 ปี นำของมาฝากให้เพื่อนชาวเมียนมาที่หนีตายกันมา โดยนายมะดา เล่าให้ฟังว่า ทุกคนเปรียบเหมือนญาติของตน หลังตนได้รับสายโทรศัพท์จากเพื่อนที่หนีตายออกมาว่า ทุกคนที่หนีมามีทั้งเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กที่ผลัดหลงกับแม่พ่อ โดยไม่มีอะไรติดตัวมา วันนี้ตนจึงนำสิ่งของที่จำเป็นมาฝากไว้ให้เจ้าหน้าที่เพื่อนำไปมอบให้เด็ก ๆ ในที่พักพิง และหากมีเงินก็จะซื้อมาให้อีก
"ส่วนตัวภาษาไทยไม่แข็งแรง แต่ตนก็ขอขอบคุณคนไทยที่ช่วยพวกตน เพราะพวกตนก็ไม่ได้อยากมาอยู่ที่นี่ แต่ถ้าไม่มาก็ต้องตาย ตอนนี้ยังมีคนติดค้างในบ้านเรือนหลากหลายพื้นที่ทั้ง มอโท้ตะเล เลเก่ก่อ และอีกหลายหมู่บ้านในเมียวดี หากโผล่หน้าออกมาจากตัวบ้านอาจถูกยิงทิ้ง" นายมะดา ชาวเมียนมา กล่าว
นอกจากนี้ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ในวันที่ 26 ธันวาคม 64 เกิดเหตุการณ์ปิดล้อมปราบชาวบ้านแล้วเผาทิ้ง โดยเป็นฝีมือของทหารเมียนมา โดยเหยื่อมีมากกว่า 30 คน รวมทั้งผู้หญิงและเด็ก ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงวันที่ 24 ธันวาคม 64 บริเวณหมู่บ้านโมโซ นอกเมืองปรูโซ ในรัฐกะยา เดิมทีเป็นแหล่งพักอาศัยชั่วคราวของชาวบ้านที่หลบหนีการสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังต่อต้าน ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนของไทย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดนแม่สอด จ.ตาก อย่างเข้มงวด และไม่ให้ชาวบ้านเข้าบ้านที่แนวชายแดนใกล้จุดปะทะอย่างเด็ดขาด