ข่าวเด่น! ฆ่าเสี่ยโกศลที่สุดแห่งความสิ้นหวัง "ป้ารักแร้เหนียว" ถูกสื่อล่าขังคุกยันแก่ (คลิป)

27 ธ.ค. 64

ป้ารักแร้เหนียว

เรื่องราวของป้ามหาภัย หรือ "ป้ารักแร้เหนียว" ก่อเหตุตระเวนสั่งสินค้าตามห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ แล้วฉกเงินทอนอย่างต่อเนื่อง ผู้เสียหายพบตัวป้าคนดังกล่าวโผล่ในพื้นที่แถวมหาวิทยาลัยกรุงเทพ บุกประชิดตัวป้าถ่ายคลิปเป็นหลักฐานหลังก่อเหตุแล้วหนี

112062

คลิปวงจรปิดจำนวนมากแฉพฤติกรรมอย่างแน่นหนา สั่งของก่อนรับเงินทอน หยิบแบงก์เหน็บรักแร้อย่างรวดเร็ว อ้างพนักงานทอนไม่ครบ จบที่การได้แบงก์ใบใหม่เพิ่ม จากนั้น เจ้าหน้าที่ค้นห้องป้ารักแร้เหนียวพบสมุดบันทึก ก่อเหตุตั้งแต่ปี 2563 เฉลี่ยรายได้จากการเป็นขโมยเดือนละ 13,000 บาท หากก่อเหตุทุกวัน จนได้รับฉายา "ป้ารักแร้เหนียว" จากการสืบค้นประวัติสุดช็อก พบว่าสาวใหญ่รายนี้ไม่เพียงแค่ฉกเงินทอน แต่มีคดีเผารถยนต์ญาติ 7 คันรวด จนตำรวจ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ รวบตัวมาดำเนินคดีฐานวางเพลิงเผาทรัพย์

8

เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 64 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พระประแดง เข้าจับกุม น.ส.น้ำผึ้ง เนตรทิพย์ หรือ ป้าอ้อ อายุ 51 ปี จับได้ที่บ้านของน้องสาว ในพื้นที่สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ปิดเกมถูกฝากขังเรียบร้อย

5

ผ่านไปกว่า 312 วัน ที่ป้ารักแร้เหนียวถูกฝากขังในเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการ 14 ธ.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ย้อนรอยกลับไปบ้านป้ารักแร้เหนียวอีกครั้ง บ้านไม้ยกตัวสูงหลังสีฟ้า ในพื้นที่ ต.บางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ อดีตเคยเป็นบ้านที่พักของนางสาวน้ำผึ้ง เนตรทิพย์ อายุ 51 ปี ถูกล็อกไม่มีใครอาศัยอยู่

7

นางสาวณัฐธยา โสปาโก หลานป้ารักแร้เหนียว บอกว่า หลังนางสาวน้ำผึ้งถูกฝากขัง ก็มีคนรอบข้างหลายคนพูดถึงชื่อเสียงเรียงนาม "ป้ารักแร้เหนียว" กันเยอะมากว่าเป็นญาติของตน แต่ก็คอยบอกไปว่าเป็นป้าสะใภ้ ซึ่งที่นางสาวน้ำผึ้งโดนจับไป เป็นคดีเผาวางเพลิงให้เสียทรัพย์ ศาลสั่งจำคุก 6 ปี และต้องชดใช้ค่าเสียหาย แต่จำเลยยอมรับสารภาพ โทษลดลงกึ่งหนึ่งเหลือ 3 ปี ซึ่งตนคาดว่าอาจจะได้ออกมาไวกว่านั้น เพราะมีเรื่องของการอภัยโทษ ส่วนตนก็ยังคงรู้สึกโกรธ แต่ก็ไม่เท่ากับวันแรก และถ้าป้าได้ออกจากคุกมาก็คงอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกแล้ว

แม้ว่าศาลสั่งให้ชดเชยความเสียหายรถยนต์ แต่เจ้าตัวติดคุกอยู่ และไม่แน่ใจว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง ทำให้ทางครอบครัวต้องทำใจ ซ่อมรถกันเอง ส่วนรถจักรยานยนต์ของพี่ชายที่ถูกเผาวอดทั้งคัน นายวรพจน์ อดีตสามีป้ารักแร้เหนียว ให้เงินไปซื้อใหม่ เพราะเป็นรถน้องชายของนายวรพจน์ ด้านนายวรพจน์เองตนก็ไม่ทราบว่ามีการไปเยี่ยมกันบ้างหรือไม่

ซึ่งคดีการฉกเงินทอน ก็ไม่แน่ใจว่าจะถูกอายัดตัวไปรับโทษต่อหรือไม่ การกระทำของป้าก็แย่มากจริง ๆ พนักงานหากินรายวัน เงินค่าจ้างไม่กี่บาท ต้องมาลำบากรับผิดชอบเงินที่หายไปเพราะป้า ก็อยากให้พฤติการณ์ฉกเงินทอนจบลงที่ป้ารักแร้เหนียวเป็นคนสุดท้าย

จัดฉากฆ่า ศพแขวนสะพาน

1

จากกรณีลูกสาวของผู้เสียชีวิต ร้องเรียนว่า นายบุญธง บุญปากดี อายุ 49 ปี ผู้เป็นพ่อถูกพบเป็นศพลักษณะแขวนคอกลางสะพานข้ามคลองติดที่นาตัวเอง ในพื้นที่ ต.น้ำจั้น อ.เซกา จ.บึงกาฬ ตำรวจลงความเห็นฆ่าตัวตาย แต่ครอบครัวเชื่อว่าถูกฆาตกรรมจัดฉาก

ข้อพิรุธสำคัญคือศพถูกแขวนคอด้วยเชือก แต่กลับมีแผลลักษณะถูกแทงที่หน้าอก เสื้อคนตายถูกถอดนำมาอุดปาก และรถจักรยานยนต์ของผู้ตายจอดทิ้งห่างศพ 600 เมตร มีภาพวงจรปิด ของวันที่ 15 ตุลาคม 2564 นายบุญธงขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปที่นา แต่ไม่ได้กลับมานอนบ้าน ครอบครัวมองว่าผิดวิสัยจึงออกตามหา ก่อนพบเป็นศพในเช้าวันที่ 16 ตุลาคม 2564

2

กระทั่ง 28 ตุลาคม 2564 ตำรวจจับกุมตัว นายจักรพงษ์ สาธร และนายเจษฏา รัตนมาลี 2 วัยรุ่นในหมู่บ้าน ผู้ต้องหาสารภาพก่อเหตุ อ้างว่าวันเกิดเหตุขับรถสวนทางกับผู้ตาย และถูกด่าบุพการีก่อนจึงมีปากเสียงกัน โมโหใช้มีดแทงเข้ากลางอก แล้วนำศพไปแขวนกลางสะพานเพื่อจัดฉากให้ดูเหมือนฆ่าตัวตาย พร้อมถอดเสื้อผู้ตายอุดปากศพ เพื่อสะกดวิญญาณไม่ให้ผีพูดได้

942939

ล่าสุด 15 ธันวาคม 2564 นางสาวอาริตา บุญปากดี อายุ 30 ปี ลูกสาวคนโตของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ครอบครัวรู้สึกดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายได้ แต่ทางครอบครัวรู้สึกว่าอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการทางกฎหมายกับคนร้ายให้ถึงที่สุด เนื่องจากหลังจากที่เจ้าหน้าที่รู้ตัวคนร้ายและจับกุมแล้วนั้น ขั้นตอนกระบวนการสืบสวนยังไปไม่ถึงไหน จนถึงตอนนี้ครบ 2 เดือนแล้ว อยากให้คดีของพ่อได้รับความเป็นธรรมแล้วสิ้นสุด เพื่อที่ครอบครัวจะได้ก้าวต่อไป โดยไม่ติดใจอะไรแล้ว

"ที่ผ่านมาครอบครัวสูญเสียหัวหน้าของครอบครัวไป ชดใช้แค่ไหนคงไม่พอ ขอให้เป็นไปตามกฎหมายที่สมควรเป็น" นางสาวอาริตา กล่าว

ซึ่งตั้งแต่ที่พ่อเสียชีวิตไป ตนยอมรับว่าพ่อมาเข้าฝันบ้าง แต่เห็นพ่อแบบไกล ๆ และมีชาวบ้านที่เห็นพ่อของตนบริเวณสะพานจุดที่พ่อเสียชีวิต เห็นพ่อยืนเหมือนอยากคุย อยากถาม จากนั้นก็หายไป สุดท้ายนี้ อยากขอบคุณทางอมรินทร์ ทีวี ที่นำเสนอข่าวของพ่อ ถ้าหากทางอมรินทร์ไม่ให้ความสนใจหรือช่วยเป็นกระบอกเสียง คดีของพ่ออาจจะเงียบและไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นนี้

ฆาตกรรมอำพราง "เสี่ยโกศล"

10

คดีใหญ่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จากการที่นางจินดาหรา วศินทรัพย์ ไลฟ์เฟซบุ๊กตามหานายโกศล เรืองดุก ผู้เป็นสามี หลังหายตัวไปจากวงเหล้าใกล้บ้านในพื้นที่ ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี คืนรอยต่อวันที่ 3 พ.ค. 64 แปลกใจที่พบรอยเลือดจำนวนมากบนพื้นใกล้วงเหล้า โดยมีข้อพิรุธหลายอย่าง ทั้งตัวเจ้าของบ้านที่ปิดบ้านเงียบ อ้างไม่รู้ไม่เห็น ทั้งที่มีพยานระบุว่าได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัดในคืนดังกล่าว

11

ต่อมาตำรวจแกะรอยจนพบว่า กลุ่มคนในวงเหล้าใช้ปืนยิงเสี่ยโกสนจนเสียชีวิต ร่วมกันเคลื่อนย้ายศพขึ้นท้ายรถกระบะเพื่อนำไปทิ้งอำพราง แต่รถเกิดประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง ทำให้ต้องเปลี่ยนรถ 7 พ.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดยพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.คุมตัว ชายต้องสงสัย ยอมรับสารภาพว่าร่วมกับพวก 3 คนนำศพเสี่ยโกศลไปฝังในป่า พื้นที่หมู่ 5 ต.พุมเรียง อ.ไชยา แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ กลับไม่พบร่าง เนื่องจากทีมอุ้มฆ่าไหวตัวทัน ขุดศพจากจุดฝัง นำไปทิ้งถ่วงน้ำกลางทะเลแล้ว

12

บุคคลที่ภรรยาเสี่ยโกศลสงสัยคือ นายสุรัตน์ เศวตศิลป์ ที่ทำธุรกิจเดียวกัน และเคยขัดแย้งกับครอบครัวเรื่อยมา ตระกูลเคยฆ่าล้างแค้นกันหลายครั้ง จนต้องดื่มน้ำสาบานยุติการล้างแค้นช่วงปลายปี 2550 กระทั่ง 12 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับเสี่ยสุรัตน์ พร้อมพวกรวม 8 คน โดยทั้งหมดหลบหนี ระหว่างนั้นครอบครัวเสี่ยโกศลยังตามหาทุกจุด ใช้เวลาร่วม 3 เดือน

943271

ต่อมา 3 สิงหาคม นายสุรัตน์ เศวตศิลป์ อายุ 43 ปี และพวกอีก 7 คน ผู้ต้องหาตามหมายจับเข้ามอบตัวกับผู้กำกับการ สภ.ไชยา เพื่อขอต่อสู้คดี พร้อมให้การปฏิเสธ ที่สุดมีการยื่นเรื่องส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ส่งฟ้องศาลจังหวัดไชยา โดยไม่ได้รับการประกันตัว ถือเป็นการปิดเกมล่าฆ่าอำพรางในที่สุด

261984

ล่าสุด ธันวาคม 2564 นายพุฒิศรัณยู เรืองดุก อายุ 25 ปี ลูกชายเสี่ยโกศล กล่าวว่า สำหรับกรณีการเสียชีวิตของพ่อนั้น ขณะนี้คนในครอบครัวได้ยุตติการออกค้นหาแล้ว เนื่องจากพยายามออกติดตามหาพ่อ ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลาหลายเดือน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงสื่อมวลชนเข้ามาช่วยเหลือในการติดตาม แต่ก็อย่างไรวี่แวว ที่จะเจอศพของพ่อ โดยขณะนี้ นางจินดาหรา วสินทรัพย์ หรือ เกว แม่ของตน ก็ยังคงหวาดกลัว และเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงออกจากพื้นที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ กลับไปอยู่บ้านใน จ.นครสวรรค์

551762

ส่วนเรื่องคดีความเท่าที่ตนทราบ ทางฝั่งของนายสุรัตน์มีการยื่นขอประกันตัว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการคัดค้าน ในส่วนนี้ทางครอบครัวของตน จึงต้องไปต่อสู้กันต่อในชั้นศาล อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุทางฝั่งของนายสุรัตน์ก็ยังไม่ได้เข้ามาพูดคุยหรือเจรจาเกี่ยวกับเรื่องการหายตัวไปของพ่อตน ส่วนนี้ตนจึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเอาผิดผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุดตามขั้นตอนของกฎหมาย

ส่วนตัวตนในฐานะคนเป็นลูก ก็ยังคงมีความคาดหวังอยากจะเจอศพพ่อของตนโดยเร็ว เพื่อนำกลับมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งหากพ่อรับรู้ตนอยากบอกพ่อว่า "ยังคงรักและคิดถึงพ่อเสมอ อยากให้พ่อกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม" เพราะหลังจากพ่อไม่อยู่ภายในครอบครัวก็มีแต่ปัญหา เพราะขาดบุคคลที่เสมือนเป็นเสาหลักของครอบครัวไป

สุดท้ายนี้ ตนอยากให้ปมความแค้นทั้งหมดระหว่างครอบครัวตนและนายสุรัตน์จบลงที่พ่อตน เนื่องจากมองว่าต่างฝ่ายต่างสูญเสียคนในครอบครัวกันมามากพอแล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม