ในปี 64 คดีที่กลายเป็นกระแสวิจารณ์อย่างหนัก และเป็นที่สุดแห่งปี "บาสมีดคู่" หรือ นายณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี อายุ 21 ปี ซึ่งตกเป็นข่าวดังเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 64 ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ที่ถกเถียงกันว่า การใช้อาวุธมีดสปาต้า ยาว 18 นิ้ว และอาวุธมีดปลายแหลมยาว 15 นิ้ว แทงและฟันกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นที่บุกมาหาเรื่องบริเวณหน้าบ้านพัก จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นสิ่งที่ยอมรับได้เพราะป้องกันตัวหรือไม่
ล่าสุดวันที่ 28 ธ.ค.64 คดีดังกล่าวเวลาล่วงเลยมากว่า 2 เดือน ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี จึงลงพื้นที่ไปพูดคุยกับนายณัฐวุฒิ ซึ่งยังคงพักอาศัยภายใต้การดูแลของนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา
นายณัฐวุฒิ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเปรียบเสมือนฝันร้ายที่กลายเป็นภาพติดตา ซึ่งตนยังคงย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์และสะดุ้งตื่นในบางครั้ง ตนยังคงมีคำถามในใจว่าทำไมถึงต้องพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ “ส่วนหนึ่งผมคงโทษตัวเอง เหตุการณ์นี้เราก็มีส่วนที่ได้กระทำลงไป” แต่สิ่งที่ช่วยให้ตนผ่านพ้นฝันร้ายไปได้ คงจะเป็นการพูดคุยกับพี่ ๆ ที่อาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านของหมอปลา และตนพยายามจะใช้ชีวิตให้เป็นปกติมากที่สุด
“ผมรู้สึกแย่ คิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว แต่ผมกลับไปไม่ได้ เพราะมันไม่ปลอดภัย ผมหวังให้ทุกเรื่องทุกฝ่ายจบ อยากให้คดีสิ้นสุด แต่ใจหนึ่งก็ยังกลัวไม่ค่อยมั่นใจว่าจะจบจริงหรือไม่ เพราะอีกฝ่ายค่อนข้างมีอิทธิพล มันคงเป็นภาพติดตาผมและภาพจำไปแล้ว แขนก็ยังคงต้องใส่เหล็กดามไว้ อีกปีครึ่งถึงผ่าเหล็กออกได้ และก็ไม่น่ากลับมาเป็นปกติได้ครับ เพราะมันหักไปแล้ว นี่อาจจะเป็นกรรมของเราที่ผมทำไว้ครับ” นายณัฐวุฒิ กล่าว
จากการพูดคุย ทีมข่าวสังเกตว่า นายณัฐวุฒิ ค่อย ๆ เผยความรู้สึกลึก ๆ ที่มีทั้งความเจ็บปวดและความเศร้าปะปนกันออกมาว่า ตนได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับครอบครัว บางครั้งครอบครัวก็มาเยี่ยม เป็นความรู้สึกทั้งเจ็บปวด ทั้งเศร้า ที่ต้องห่างครอบครัว ความรู้สึกที่กดดัน เครียดบางเวลา ตนต้องบอกกับตัวเองหนัก ๆ เลยว่าต้องปลีกออกมาจากครอบครัวให้ได้
แต่อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกดีใจที่สังคมยังเข้าใจในสิ่งที่ตนทำลงไป ตนไม่ได้คาดคิดว่าจะมีคนให้โอกาสและช่วยเหลือ ตนไม่ได้คิดว่าตัวเองทำถูกต้อง ซึ่งเหตุการณ์ของตนคงจะเป็นบทเรียนให้กับคนในสังคมที่ต้องควบคุมอารมณ์และสติให้ได้ หากย้อนเวลากลับไปได้จริง ๆ ตนก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้