กรณีพนักงานสอบสวนกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี ควบคุมตัวนายโบ้ อายุ 41 ปี ครูสอนศิลปะและช่างภาพนู้ด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ690/2564 ลงวันที่ 28 ธ.ค.64 ในฐานความผิดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยบุคคลนั้นไม่อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่น มิใช่อวัยวะเพศ ล่วงล้ำอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น
โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้บริเวณ ซอยพระปิ่นเกล้า 15 แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ หลังก่อเหตุชักชวนนางแบบสาว อายุ 23 ปี ร่วมถ่ายแบบทำโปรเจกต์ภาพศิลปะลายสัก เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา ทำให้นางแบบสาวหลงเชื่อไปพบตามนัดหมายที่โรงแรมชื่อดังย่านหลานหลวง ก่อนหลอกให้ขึ้นห้องพักจับมัดมือมัดเท้าและใช้ผ้าปิดตา กระทำอนาจารใช้อุปกรณ์ทำการข่มขืน
ล่าสุดวันที่ 29 ธ.ค.64 ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบริเวณแยกอรุณอมรินทร์ ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น พบว่าประตูด้านล่างล็อก โดยนางอัญชลิกา ธารารัตน์ อายุ 53 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ตนยังไม่ทราบข่าวแต่มองว่าเขาไม่น่าจะกล้ากระทำ คงไม่กล้าเอาชื่อเสียงที่สร้างมานานมาเสี่ยงแบบนี้ ที่ผ่านมานายโบ้ เปิดสอนศิลปะนานแล้วประมาณ 10 ปี มีทั้งเด็กผู้หญิงและผู้ชายมาเรียน และบางคนมานอนคางที่อาคารบ้านของเขาด้วย แต่ยังไม่เคยได้ยินหรือพบว่านายโบ้มีพฤติกรรมที่กระทำอนาจารข่มขืนเด็กผู้หญิง เท่าที่ตนสังเกตเด็กนักเรียนทั้งผู้หญิงและผู้ชายสนิทสนมกับนายโบ้มาก ๆ
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาพูดคุยกับนางสาววิไลวรรณ สุวรรณพิงคา อายุ 31 ปี นางแบบนู้ด กล่าวว่า ภายหลังจากที่นายโบ้ถูกจับกุมตัวตนรู้สึกตกใจ ส่วนตัวแล้วรู้จักกับนายโบ้ได้ 1 ปีกว่า ๆ เนื่องจากตนเป็นนางแบบถ่ายนู้ด และยังชื่นชอบสักลาย ทำให้นายโบ้ชักชวนมาถ่ายรอยสักลาย ซึ่งทุกครั้งที่ถ่ายแบบ นายโบ้ไม่เคยที่จะแสดงหรือมีพฤติกรรมอนาจาร แต่จะจริงจังกับการทำงาน
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนมองว่านายโบ้ไม่น่าจะกระทำเช่นนั้น เพราะที่ผ่านมา หากมีการเรียกตนไปถ่ายแบบนู้ด นายโบ้จะเรียกไปถ่ายที่บ้านของเขา โดยจะไปถ่ายชั้น 2 ส่วนชั้น 1 จะสอนนักเรียน และนายโบ้ จะไม่ออกไปถ่ายแบบข้างนอก เนื่องจากกลัวโควิด-19 ทั้งนี้ตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายโบ้
ภายหลังทีมข่าวได้พูดคุยกับน.ส.พาย (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า เมื่อต้นปี 64 ที่ผ่านมา ตนเห็นแฟนเพจของนายโบ้ ตามหาชายหญิงที่มีรอยสักเพื่อจะถ่ายแบบ ซึ่งการถ่ายภาพดังกล่าวจะไม่ได้เงิน ตนจึงส่งรูปภาพของคุณพ่อไป แต่นายโบ้ปฏิเสธ จากนั้นได้หันมาสนใจรอยสักของตน ซึ่งเป็นรูปของตนและคุณย่าบริเวณข้างลำตัวด้านขวา โดยคุณย่าของตนเสียไปนานแล้ว ต่อมาจึงนัดให้มาถ่ายนู้ด แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ตนจึงไม่กล้าที่จะไป จากนั้นเดือนพฤศจิกายน 64 นายโบ้ได้นัดให้ตนไปถ่ายอีกครั้ง ซึ่งตนก็บ่ายเบี่ยง
กระทั่งได้วันนัดที่จะถ่ายนู้ด ในวันที่ 23 ธันวาคม 64 ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. ซึ่งเป็นการถ่ายนู้ดแบบใช้มือปิดเพื่อไม่ให้เห็นอะไร ตนจึงสอบถามว่าสามารถพาคนอื่นไปด้วยหรือไม่ นายโบ้บอกว่าสามารถพาไปได้ โดยนายโบ้ก็จะพาผู้ช่วยไปด้วยเหมือนกัน เพราะนายโบ้อ้างว่าเขาเป็นมืออาชีพ
ขณะนั้นตนก็ไม่คิดอะไร เพราะที่ผ่านมาทราบว่านายโบ้เป็นอาจารย์ เพื่อนของตนก็เป็นลูกศิษย์ ประกอบกับเป็นคนที่มีชื่อเสียงคงจะไม่กระทำอะไรไม่ดี แต่นายโบ้ได้นำเชือกมาผูกแขนและขาของตน ก่อนจะนำอุปกรณ์เซ็กซ์ทอยออกมา ตนยอมรับว่าตกใจ เพราะตอนแรกไม่ได้พูดถึงงานว่าจะมีการผูกมัดและใช้อุปกรณ์ จากนั้นนายโบ้ได้ขอเปลี่ยนแนวการถ่ายภาพ ตนพยายามขอให้เขาแก้เชือกออกเพราะรู้สึกเจ็บ แต่นายโบ้กลับบอกว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละลายพฤติกรรม นอกจากนี้นายโบ้ยังได้บังคับให้ตนใช้ปาก แต่ตนได้ปฏิเสธ จากนั้นนายโบ้ก็ทำท่ากลับไปถ่ายรูปตามปกติ
"หนูสอบถามเขาว่าทำไมต้องทำ แต่นายโบ้ไม่ตอบ พูดแต่ว่าไม่ชอบเหรอ เขาจึงใช้เซ็กซ์ทอย หนูเลยไม่โอเค พยายามบอกให้นายโบ้หยุด แต่นายโบ้ก็พยายามทำต่อ พร้อมกับใช้นิ้วมือของเขาด้วย และเขาขอใช้อุปกรณ์กับทวารหนัก ตอนนั้นหนูโมโหทนไม่ไหว จึงโกหกว่าพี่ชายรถจักรยานล้ม และขอตัวออกไป รีบขึ้นแท็กซี่ ปิดช่องทางการสนทนาทุกช่องทาง เพื่อนแนะนำให้ไปแจ้งความ" ผู้เสียหาย กล่าว
จากนั้นในวันที่ 14 ธันวาคม 64 ตนบ่ายเบี่ยงไม่อยากจะไปแจ้งความ เพราะอับอายและเสียหาย เพื่อนของตนจึงได้ตัดสินใจโทรศัพท์ไปเล่าเหตุการณ์ให้แม่ของตนฟัง ในวันที่ 15 ธันวาคม 64 จึงได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้จนนำไปสู่การออกหมายจับดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดตนไม่ได้โกหก
อย่างไรก็ตาม วันที่ 28 ธ.ค.64 เวลา 23.23 น. นายโบ้ ยังโพสต์เฟซบุ๊กว่า "ขอบคุณทุกคนที่รักผมและเชื่อมั่นในตัวผม ผมเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และจะพิสูจน์ความจริงให้ถึงที่สุด"
